เมื่อหลายปีก่อน ผมรู้จักกับพี่คนนึงผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ชื่อพี่โอ - ผมกับพี่โอ เราไม่เคยเจอกัน แต่เราคุยกันทาง msn และโทรหากันเกือบทุกวัน
เกือบทุกเช้าพี่โอจะโทรมาปลุกไปทำงาน และดึกๆ ก็จะโทรมาส่งเข้านอนเกือบทุกวัน อาจเป็นเพราะว่าผมเป็นลูกคนเดียว เวลามีพี่ชายมาคอยดูแลห่วงใยและคอยเอาใจใส่ จึงทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับพี่โอมากเป็นพิเศษ
มีอยู่วันนึง ผมกำลังขับรถกลับบ้าน พี่โอโทรมาถามว่าฟัง "Greenwave" อยู่รึป่าว ผมบอกว่าฟังอยู่ พี่โอบอกว่าห้ามเปลี่ยนคลื่นนะ แล้วเค้าก็วางสายไป (อะไรของเค้าวะ !?! คิดในใจ)
ซักพักกรีนเวฟก็เปิดเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" เพลงที่พี่โอชอบส่งมาให้ฟังก่อนนอน ซึ่งผมก็ชอบบอกพี่โอว่าโทรไปขอที่กรีนเวฟให้หน่อย ผมชอบฟังเพลงจากกรีนเวฟตอนขับรถ รู้สึกว่ามันเพราะกว่าเราเปิดฟังเองจากแผ่นซีดี
พอเพลงจบลง ดีเจพี่เฟี๊ยตบอกว่าเพลงนี้คุณโอโทรมาขอหลังไมค์ให้กับคุณเก่งครับ โอ้ว...ทำงานยุ่งมาทั้งวันหายเหนื่อยเลย ขับรถกลับบ้านไปอมยิ้มไป ดีใจจนบอกไม่ถูก
และก่อนนอนคืนนั้น พี่โอก็โทรมาส่งเข้านอนเหมือนทุกๆ วัน แต่น้ำเสียงของพี่โอดูไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกผมแต่ไม่กล้าบอก จนผมต้องถามว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ
พี่โอบอกว่าวันรุ่งขึ้นพี่เค้าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา คงไม่ได้โทรมาปลุกและส่งน้องชายตัวแสบเข้านอนแล้วนะ
ความรู้สึกตอนนั้นจำได้ว่าเป็นอะไรที่เคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา เสียใจบวกกับน้อยใจที่พี่เค้าไม่เคยบอกเรามาก่อน...ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
ตั้งแต่พี่โอไปเรียนต่อ เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีหน้าที่การงานให้รับผิดชอบมากขึ้น ได้พบเจอผู้คนมากขึ้น
แต่ทุกวันที่ผมฟังกรีนเวฟตอนขับรถกลับบ้าน ผมก็ยังคิดถึงพี่โออยู่เสมอๆ และผมก็แอบหวังอยู่เล็กๆ ว่าพี่โอยังคงจำน้องชายคนนี้ได้นะครับ
คิดถึงพี่โอครับ

"ฉันดีใจที่มีเธอ" กับความทรงจำดีๆ ที่ "Greenwave"
เกือบทุกเช้าพี่โอจะโทรมาปลุกไปทำงาน และดึกๆ ก็จะโทรมาส่งเข้านอนเกือบทุกวัน อาจเป็นเพราะว่าผมเป็นลูกคนเดียว เวลามีพี่ชายมาคอยดูแลห่วงใยและคอยเอาใจใส่ จึงทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับพี่โอมากเป็นพิเศษ
มีอยู่วันนึง ผมกำลังขับรถกลับบ้าน พี่โอโทรมาถามว่าฟัง "Greenwave" อยู่รึป่าว ผมบอกว่าฟังอยู่ พี่โอบอกว่าห้ามเปลี่ยนคลื่นนะ แล้วเค้าก็วางสายไป (อะไรของเค้าวะ !?! คิดในใจ)
ซักพักกรีนเวฟก็เปิดเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" เพลงที่พี่โอชอบส่งมาให้ฟังก่อนนอน ซึ่งผมก็ชอบบอกพี่โอว่าโทรไปขอที่กรีนเวฟให้หน่อย ผมชอบฟังเพลงจากกรีนเวฟตอนขับรถ รู้สึกว่ามันเพราะกว่าเราเปิดฟังเองจากแผ่นซีดี
พอเพลงจบลง ดีเจพี่เฟี๊ยตบอกว่าเพลงนี้คุณโอโทรมาขอหลังไมค์ให้กับคุณเก่งครับ โอ้ว...ทำงานยุ่งมาทั้งวันหายเหนื่อยเลย ขับรถกลับบ้านไปอมยิ้มไป ดีใจจนบอกไม่ถูก
และก่อนนอนคืนนั้น พี่โอก็โทรมาส่งเข้านอนเหมือนทุกๆ วัน แต่น้ำเสียงของพี่โอดูไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกผมแต่ไม่กล้าบอก จนผมต้องถามว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ
พี่โอบอกว่าวันรุ่งขึ้นพี่เค้าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา คงไม่ได้โทรมาปลุกและส่งน้องชายตัวแสบเข้านอนแล้วนะ
ความรู้สึกตอนนั้นจำได้ว่าเป็นอะไรที่เคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา เสียใจบวกกับน้อยใจที่พี่เค้าไม่เคยบอกเรามาก่อน...ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
ตั้งแต่พี่โอไปเรียนต่อ เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีหน้าที่การงานให้รับผิดชอบมากขึ้น ได้พบเจอผู้คนมากขึ้น
แต่ทุกวันที่ผมฟังกรีนเวฟตอนขับรถกลับบ้าน ผมก็ยังคิดถึงพี่โออยู่เสมอๆ และผมก็แอบหวังอยู่เล็กๆ ว่าพี่โอยังคงจำน้องชายคนนี้ได้นะครับ
คิดถึงพี่โอครับ