กรณีน้องปันปันที่ทุกคนคงทราบกันแล้ว วันนี้ที่ทางทุกสำนักพิมพ์คงได้ลงข่าวของน้อง
แต่หลายๆสำนักพิมพ์ไม่ลงรูปเช่น คมชัดลึก, ข่าวสด เดลินิวส์ลงเบลอหน้า แต่..ไทยรัฐลงเต็มๆ
บางท่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อินเทอร์เน็ตก็ลงกัน แต่นั่นคือบุคคล
และบุคคลผู้นั้นอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น เค้าคือเยาวชนคุณไม่มีสิทธิเลย ไทยรัฐ
แต่นสพ.ไทยรัฐเป็นสื่อสารมวลชน ซึ่งจขกท.เรียนจบมาเกี่ยวกับสื่อสารมวลชนแม้ว่าจะจบมานานแล้วและ
ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับสื่อ แต่สิ่งที่ร่ำเรียนมาเกี่ยวกับจรรยาบรรณสื่อ ยังอยู่ในสายเลือดคะ
แต่ถ้าทางนสพ.ไทยรัฐหลงลืมเรื่องจริยธรรมไปแล้วก็ขอย้ำให้ทราบนะคะ
ขออนุญาตินำข้อความจากสำนักข่าวอิศรามาลงคะ
...ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ มีความเห็นต่อการนำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า การรายงานข่าวเด็กนั้น ที่ผ่านมาก็พยายามใช้มุมกล้องเข้าช่วย ถ่ายภาพเด็กเฉพาะที่ปิดบังใบหน้าเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าผู้สื่อข่าวมีหน้าที่แค่เพียงส่งเนื้อหาและภาพมากที่สุดเข้าไปยังสำนักข่าว ส่วนการตัดสินใจ การเลือกรูปภาพเพื่อตีพิมพ์หรือออกอากาศนั้นขึ้นอยู่กับบรรณาธิการข่าว
พร้อมกันนี้ การจะให้ผู้สื่อข่าวเลี่ยงถ่ายภาพเด็ก เพื่อไม่ให้เห็นรูปร่าง หน้าตา ท่าทางของเด็ก เช่น ภาพแถลงข่าวจับกุมคดีต่างๆ แล้ว จากสถานการณ์จริง เชื่อว่าทำไม่ได้ เพราะเมื่อได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวแล้ว สิ่งที่ต้องเก็บมาให้ได้มากที่สุดคือข้อมูล ภาพข่าว ส่วนที่จะให้ไปโต้แย้งหรือท้วงติงเรื่องความสุ่มเสี่ยงในการละเมิดสิทธิเด็กนั้น คงเป็นไปไม่ได้ และหลายครั้งเคยถูกย้อนถามเช่นกันว่า ถ้าสื่อฉบับอื่น สำนักอื่นเล่นข่าวนี้แล้วเราตกข่าว ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ฉะนั้นความเข้าใจในเรื่องนี้ จึงเห็นควรให้น้ำหนักกับบรรณาธิการข่าวมากกว่าตัวผู้สื่อข่าวที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นดังกล่าว วิทยากรรายหนึ่งซึ่งมีความสนใจเกี่ยวกับกฎหมายและรายงานข่าวสิทธิเด็ก กล่าวว่า ประเทศไทยมีบทบัญญัติทางกฎหมายในการปกป้อง การละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน ไม่ให้มีการนำไปเผยแพร่ในสื่อมวลชน อาทิ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2535 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 เป็นต้น
“ขณะที่การเอาผิดแก่ผู้ที่เสนอภาพข่าวที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็กในปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวบรรณาธิการหรือผู้บริหารเท่านั้น สามารถฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในทุกขั้นตอนแบบ ‘ยกขบวน’ ซึ่งหมายรวมถึงผู้สื่อข่าวด้วย ฉะนั้น นักข่าวต้องเข้าใจสิทธิของตนเองในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันควรใช้เป็นเหตุผล เพื่อชี้แจงต่อบรรณาธิการให้ทราบถึงข้อจำกัดในการนำเสนอข่าว เมื่อเห็นว่าบางกรณีเป็นเรื่องที่อาจหมิ่นเหม่ ไม่ควรนำเสนอ ส่วนบรรณาธิการจะต่อว่า หรือพยายามกดดันด้วยวิธีการอย่างใดนั้น ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าผู้ที่เป็นบรรณาธิการข่าวไม่พยายามเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นหัวหน้าข่าว”
นสพ.ไทยรัฐ กรณีนี้ไม่ต่างจากที่คุณเคยลงภาพที่ไม่เหมาะสม เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วซึ่งตั้งแต่นั้นไม่ซื้อนสพ.นี้อ่านอีกเลย
ผ่านมานาน สำนึกทางสังคมของคุณก็ยังเหมือนเดิม ...
ขอประนามและเรียกร้องจรรยาบรรณสื่อสารมวลชนของนสพ.ไทยรัฐ กรณีน้องปันปัน
แต่หลายๆสำนักพิมพ์ไม่ลงรูปเช่น คมชัดลึก, ข่าวสด เดลินิวส์ลงเบลอหน้า แต่..ไทยรัฐลงเต็มๆ
บางท่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อินเทอร์เน็ตก็ลงกัน แต่นั่นคือบุคคล
และบุคคลผู้นั้นอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น เค้าคือเยาวชนคุณไม่มีสิทธิเลย ไทยรัฐ
แต่นสพ.ไทยรัฐเป็นสื่อสารมวลชน ซึ่งจขกท.เรียนจบมาเกี่ยวกับสื่อสารมวลชนแม้ว่าจะจบมานานแล้วและ
ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับสื่อ แต่สิ่งที่ร่ำเรียนมาเกี่ยวกับจรรยาบรรณสื่อ ยังอยู่ในสายเลือดคะ
แต่ถ้าทางนสพ.ไทยรัฐหลงลืมเรื่องจริยธรรมไปแล้วก็ขอย้ำให้ทราบนะคะ
ขออนุญาตินำข้อความจากสำนักข่าวอิศรามาลงคะ
...ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ มีความเห็นต่อการนำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า การรายงานข่าวเด็กนั้น ที่ผ่านมาก็พยายามใช้มุมกล้องเข้าช่วย ถ่ายภาพเด็กเฉพาะที่ปิดบังใบหน้าเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าผู้สื่อข่าวมีหน้าที่แค่เพียงส่งเนื้อหาและภาพมากที่สุดเข้าไปยังสำนักข่าว ส่วนการตัดสินใจ การเลือกรูปภาพเพื่อตีพิมพ์หรือออกอากาศนั้นขึ้นอยู่กับบรรณาธิการข่าว
พร้อมกันนี้ การจะให้ผู้สื่อข่าวเลี่ยงถ่ายภาพเด็ก เพื่อไม่ให้เห็นรูปร่าง หน้าตา ท่าทางของเด็ก เช่น ภาพแถลงข่าวจับกุมคดีต่างๆ แล้ว จากสถานการณ์จริง เชื่อว่าทำไม่ได้ เพราะเมื่อได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวแล้ว สิ่งที่ต้องเก็บมาให้ได้มากที่สุดคือข้อมูล ภาพข่าว ส่วนที่จะให้ไปโต้แย้งหรือท้วงติงเรื่องความสุ่มเสี่ยงในการละเมิดสิทธิเด็กนั้น คงเป็นไปไม่ได้ และหลายครั้งเคยถูกย้อนถามเช่นกันว่า ถ้าสื่อฉบับอื่น สำนักอื่นเล่นข่าวนี้แล้วเราตกข่าว ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ฉะนั้นความเข้าใจในเรื่องนี้ จึงเห็นควรให้น้ำหนักกับบรรณาธิการข่าวมากกว่าตัวผู้สื่อข่าวที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นดังกล่าว วิทยากรรายหนึ่งซึ่งมีความสนใจเกี่ยวกับกฎหมายและรายงานข่าวสิทธิเด็ก กล่าวว่า ประเทศไทยมีบทบัญญัติทางกฎหมายในการปกป้อง การละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน ไม่ให้มีการนำไปเผยแพร่ในสื่อมวลชน อาทิ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2535 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 เป็นต้น
“ขณะที่การเอาผิดแก่ผู้ที่เสนอภาพข่าวที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็กในปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวบรรณาธิการหรือผู้บริหารเท่านั้น สามารถฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในทุกขั้นตอนแบบ ‘ยกขบวน’ ซึ่งหมายรวมถึงผู้สื่อข่าวด้วย ฉะนั้น นักข่าวต้องเข้าใจสิทธิของตนเองในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันควรใช้เป็นเหตุผล เพื่อชี้แจงต่อบรรณาธิการให้ทราบถึงข้อจำกัดในการนำเสนอข่าว เมื่อเห็นว่าบางกรณีเป็นเรื่องที่อาจหมิ่นเหม่ ไม่ควรนำเสนอ ส่วนบรรณาธิการจะต่อว่า หรือพยายามกดดันด้วยวิธีการอย่างใดนั้น ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าผู้ที่เป็นบรรณาธิการข่าวไม่พยายามเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นหัวหน้าข่าว”
นสพ.ไทยรัฐ กรณีนี้ไม่ต่างจากที่คุณเคยลงภาพที่ไม่เหมาะสม เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วซึ่งตั้งแต่นั้นไม่ซื้อนสพ.นี้อ่านอีกเลย
ผ่านมานาน สำนึกทางสังคมของคุณก็ยังเหมือนเดิม ...