ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องภายในครอบครัวเราเอง แต่เป็นครอบครัวของแฟน ซึ่งแฟนห้ามว่าไม่ให้เอาเรื่อง ซึ่งเราอยากจะเอาเรื่องกับเซลล์มากๆ หลังจากที่ฟังเรื่องนี้จากแฟน
เรื่องมีอยู่ว่าน้องชายของแฟนอยากจะได้รถยนต์มือหนึ่งเป็นของตัวเอง ซึ่งอายุของน้องชายไม่ถึง 20 แถมเงินเดือนแค่ 8-9 พันบาท (เงินเดือนไม่แน่นอน) ซึ่งแปลว่าไม่มีทางขอสินเชื่อรถด้วยตัวเองได้แน่นอน ก็เลยพยายามรบเร้าให้พี่สาวซึ่งคือแฟนผม (เงินเดือน 12k) ให้เอาชื่อมาซื้อให้ ซึ่งแฟนผมก็ประเมินได้อยู่แล้วว่าไม่มีทางผ่อนได้แน่ๆ เลยบ่ายเบี่ยงตลอด
แต่สุดท้ายมีโดนบังคับเพื่อให้มาซื้อรถ (วิธีไหนบ้างขอข้ามไปละกัน) จนต้องมาทำสัญญาซื้อรถกับยี่ห้อหนึ่ง โดยเราเองก็หาทางออกด้วยวิธีบางอย่างเพื่อให้ออกรถไม่ได้ ปัญหาก็เลยจบไป
แต่ปัญหายังไม่จบแค่นั้นเพราะเลยไปอีกยี่ห้อซึ่งขอเอ่ยชื่อเลยนะครับว่า "ฮอนด้า" สาขาอะไรไม่รู้ล่ะ อยู่ที่นครสวรรค์ ผมก็ไม่รู้รายละเอียดนะว่าคุยอะไรกันยังไง แต่สรุปได้ว่า "ปลอมลายเซ็นต์แฟนเพื่อให้เซลล์เอาไปตรวจสอบบุโร" แล้วเซลล์ก็แจ้งผลเลยว่าผ่าน
เซลล์ก็เลยโทรมาหาแฟนผม แต่เพราะดันโทรมาหาแฟนตอนยุ่งๆ ก็เลยตอบปัดๆ ไปว่า ตอนนี้ ไม่สะดวกซื้อ ไม่สะดวกค้ำอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ก็เลยเป็นปัญหาใหญ่กันอยู่ภายในครอบครัวว่าแฟนไม่ยอมซื้อรถให้น้อง เครียดกันมากๆ
ผมไม่ขอพูดประเด็นที่ว่าใครฝ่ายไหนเป็นคนเสนอว่าจะปลอมลายเซ็นต์ให้แล้วเอาไปตรวจสอบ ยังไงมันก็ผิดเพราะเซลล์ก็รู้ว่าแฟนผมอยู่กรุงเทพ ซึ่งถ้าเซลล์เป็นคนชี้นำก็อยากถามว่าคนที่เข้าไปคุยนามสกุลไม่เหมือนกับแฟน แต่ทำไมเซลล์ถึงยอมให้ปลอมลายเซ็นต์ ซึ่งประเด็นปลอมแปลงเอกสารบุโรนี้ผิดหนักอย่างร้ายแรงนะครับผมรู้ดี
แต่ที่ผมอยากถามคือประเมินจากอะไรครับ ว่าซื้อรถได้ มีกำลังผ่อนรถ "กับคนที่เงินเดือนหมื่นสอง" ภาระค่าใช้จ่ายส่งกลับบ้านเดือนละ 5-6 พัน เหลืออีกแค่ 6 พัน ค่าครองชีพคนอยู่กรุงเทพคงไม่ต้องให้ผมอธิบายนะว่ามันพอไหม? เพราะผมเองหาเงินได้เดือนนึงประมาณ 4 หมื่นต้องผ่อนรถยังเหนื่อยเลยครับ
ผมเข้าใจนะ ว่าเซลล์ขยันทำยอด แต่ควรจะประเมินไหมครับว่าคนซื้อมันมีปัญญาผ่อนแล้วรึเปล่า ไม่ใช่ว่าสักแต่จะทำยอดให้มันผ่านๆ แล้วได้ค่าคอมกันไป คุณควรจะแคร์ลูกค้าให้มันสมกับสโลแกน "สู่อนาคตสดใสไปด้วยกัน" สักนิดนึงไหมครับ?
ถ้าเรื่องนี้เกิดกับผมเองนะ บอกตรงๆ ว่าผมเอาเรื่องให้เซลล์ถูกไล่ออกแน่ๆ แต่แฟนผมไม่อยากเอาเรื่อง เพราะงานก็กดดันเค้ามากพอแล้ว แถมมีปัญหาครอบครัวเกิดขึ้นมาเพิ่ม อีกทั้งกลัวว่าการไปเอาเรื่องจะกลายเป็นอีกปัญหาภายในครอบครัวอีก
//แก้ไขตัดข้อมูลพาดพิงบุคคลอื่นออกไปครับ เพราะเห็นว่ามีคนบอกว่าผมประจานครอบครัวแฟน
เหตุเกิดจากความขยันของเซลล์
เรื่องมีอยู่ว่าน้องชายของแฟนอยากจะได้รถยนต์มือหนึ่งเป็นของตัวเอง ซึ่งอายุของน้องชายไม่ถึง 20 แถมเงินเดือนแค่ 8-9 พันบาท (เงินเดือนไม่แน่นอน) ซึ่งแปลว่าไม่มีทางขอสินเชื่อรถด้วยตัวเองได้แน่นอน ก็เลยพยายามรบเร้าให้พี่สาวซึ่งคือแฟนผม (เงินเดือน 12k) ให้เอาชื่อมาซื้อให้ ซึ่งแฟนผมก็ประเมินได้อยู่แล้วว่าไม่มีทางผ่อนได้แน่ๆ เลยบ่ายเบี่ยงตลอด
แต่สุดท้ายมีโดนบังคับเพื่อให้มาซื้อรถ (วิธีไหนบ้างขอข้ามไปละกัน) จนต้องมาทำสัญญาซื้อรถกับยี่ห้อหนึ่ง โดยเราเองก็หาทางออกด้วยวิธีบางอย่างเพื่อให้ออกรถไม่ได้ ปัญหาก็เลยจบไป
แต่ปัญหายังไม่จบแค่นั้นเพราะเลยไปอีกยี่ห้อซึ่งขอเอ่ยชื่อเลยนะครับว่า "ฮอนด้า" สาขาอะไรไม่รู้ล่ะ อยู่ที่นครสวรรค์ ผมก็ไม่รู้รายละเอียดนะว่าคุยอะไรกันยังไง แต่สรุปได้ว่า "ปลอมลายเซ็นต์แฟนเพื่อให้เซลล์เอาไปตรวจสอบบุโร" แล้วเซลล์ก็แจ้งผลเลยว่าผ่าน
เซลล์ก็เลยโทรมาหาแฟนผม แต่เพราะดันโทรมาหาแฟนตอนยุ่งๆ ก็เลยตอบปัดๆ ไปว่า ตอนนี้ ไม่สะดวกซื้อ ไม่สะดวกค้ำอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ก็เลยเป็นปัญหาใหญ่กันอยู่ภายในครอบครัวว่าแฟนไม่ยอมซื้อรถให้น้อง เครียดกันมากๆ
ผมไม่ขอพูดประเด็นที่ว่าใครฝ่ายไหนเป็นคนเสนอว่าจะปลอมลายเซ็นต์ให้แล้วเอาไปตรวจสอบ ยังไงมันก็ผิดเพราะเซลล์ก็รู้ว่าแฟนผมอยู่กรุงเทพ ซึ่งถ้าเซลล์เป็นคนชี้นำก็อยากถามว่าคนที่เข้าไปคุยนามสกุลไม่เหมือนกับแฟน แต่ทำไมเซลล์ถึงยอมให้ปลอมลายเซ็นต์ ซึ่งประเด็นปลอมแปลงเอกสารบุโรนี้ผิดหนักอย่างร้ายแรงนะครับผมรู้ดี
แต่ที่ผมอยากถามคือประเมินจากอะไรครับ ว่าซื้อรถได้ มีกำลังผ่อนรถ "กับคนที่เงินเดือนหมื่นสอง" ภาระค่าใช้จ่ายส่งกลับบ้านเดือนละ 5-6 พัน เหลืออีกแค่ 6 พัน ค่าครองชีพคนอยู่กรุงเทพคงไม่ต้องให้ผมอธิบายนะว่ามันพอไหม? เพราะผมเองหาเงินได้เดือนนึงประมาณ 4 หมื่นต้องผ่อนรถยังเหนื่อยเลยครับ
ผมเข้าใจนะ ว่าเซลล์ขยันทำยอด แต่ควรจะประเมินไหมครับว่าคนซื้อมันมีปัญญาผ่อนแล้วรึเปล่า ไม่ใช่ว่าสักแต่จะทำยอดให้มันผ่านๆ แล้วได้ค่าคอมกันไป คุณควรจะแคร์ลูกค้าให้มันสมกับสโลแกน "สู่อนาคตสดใสไปด้วยกัน" สักนิดนึงไหมครับ?
ถ้าเรื่องนี้เกิดกับผมเองนะ บอกตรงๆ ว่าผมเอาเรื่องให้เซลล์ถูกไล่ออกแน่ๆ แต่แฟนผมไม่อยากเอาเรื่อง เพราะงานก็กดดันเค้ามากพอแล้ว แถมมีปัญหาครอบครัวเกิดขึ้นมาเพิ่ม อีกทั้งกลัวว่าการไปเอาเรื่องจะกลายเป็นอีกปัญหาภายในครอบครัวอีก
//แก้ไขตัดข้อมูลพาดพิงบุคคลอื่นออกไปครับ เพราะเห็นว่ามีคนบอกว่าผมประจานครอบครัวแฟน