ทุกคนคงเคยมีรักแรกที่เรียกว่า "ความรักสมัยเด็ก"
แน่นอนฉันก็คนนึงที่มีรักแรกแบบนั้นเช่นกัน ฉันเกิด และเติบโตอยู่ที่ต่างจังหวัด เรียนอยู่โรงเรียนขยายโอกาสตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึง ม.3 ใน 1 ระดับชั้นมีห้องเรียน 2 ห้อง นักเรียนแทบทุกคนที่โรงเรียนนี้รู้จักกันหมด เพราะเป็นเด็กที่เกิดในหมู่บ้านเดียวกัน เห็นกันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยเลยล่ะ
ขอเล่าข้ามช่วงอนุบาล-ม.3 เลยนะคะ
ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.3 ฉันเรียนห้อง 3/2 ส่วนความรักสมัยเด็กของฉันเรียน 3/1 แน่นอนค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบัน เป็นเพื่อนกันมาตลอด ถึงจะได้คุยกันบ้าง ไม่ได้คุยกันบ้าง บางวันแทบไม่เห็นหน้ากันเลย หรือเห็นก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นรึเปล่า (น่าจะเป็นปกติของคนที่เราไม่คิดว่าสะดุดตา มักจะอยู่นอกสายตาแล้วมองไม่เห็น^^) จนมีเหตุการณ์นึงที่ทำให้เราประทับใจ และคิดว่าเค้าคนนี้มีอะไรที่โดดเด่นมากๆ และสะดุดตาเรามากๆ
วันนั้นเป็นตอนพักเที่ยง พอกินข้าวกลางวันเสร็จ กิจกรรมของเด็กผู้หญิงก็คือ เล่นวอลเล่ย์บอล กิจกรรมของผู้ชายคือ เตะฟุตบอล และเตะตระกร้อ ฉันเล่นวอลเล่ย์บอลกับเพื่อนๆ อยู่อีกสนาม เค้าเตะตระกร้อกับเพื่อนๆ (อ้อ เราสองคนเป็นตัวแทนนักกีฬาของโรงเรียนด้วยนะคะ) ตอนนั้นฉันวิ่งไปเก็บลูกวอลเล่ย์ที่มันกระเด็นไปที่สนามตระกร้อเพื่อมาเสริฟ์ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เค้ากระโดดกลับหลัง ยกเท้าขึ้นกลับหลังไปอีกด้านเพื่อตบลูกตระกร้อ โอ้โห!!!!!! นี่กูพึ่งรู้นะว่าทำได้ขนาดนี้เนี่ยยย (คิดในใจ แต่ก็ยังเฉยๆ) ต่อมาอีกวัน เป็นวันที่คณะครูอาจารย์ (555555) ต้องเข้าประชุมร่วมกันทั้งโรงเรียน และมักเป็นช่วงเวลาก่อนเลิกเรียนคาบสุดท้าย แน่นอนกิจกรรมของพวกเราเหล่าซีเนียร์ของโรงเรียนจะทำร่วมกันทั้งหมดคือ......เตะฟุตบอล พวกผู้ชายก็บ้า ชอบดูผู้หญิงเตะ และพวกผู้หญิงอย่างเราก็บ้า ชอบเตะฟุตบอล ไม่มีเหนื่อยเลยล่ะสมัยนั้น สนุกกันมากกกก (ลืมบอกไป เราชอบทีมแมนยูฯ และหลงรักเดวิด เบคแฮ่ม เบอร์ 7 มากเลยล่ะ รูปเต็มห้อง^^) โดยผู้หญิงห้อง 3/1 แข่งกับ 3/2 มีผู้หญิงห้องละ 10 คนเป๊ะ แน่นอนเราต้องเล่นตำแหน่งเดียวกับพี่เบค
พอผู้หญิงเล่นจบเกมส์ก็ถึงเวลาเลิกเรียน เด็กผู้ชายก็จะไม่ยอม ขอเล่นต่อ โดยมีกองเชียร์เป็นเด็กผู้หญิงชั้นเดียวกัน และเด็กม. 2 มาดูด้วย เค้าคนนั้นก็เล่นตำแหน่งเดียวกัน และเหตุการณ์ประทับใจอีกทีที่ทำให้คิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของรักแรกคือ ฟรีคิกข้ามกำแพงเพื่อนผู้ชายห้องเดียวกันกับเราเข้าประตูอย่างสวยงาม (เหมือนพี่เบคเปี๊ยบ) ประทับใจ ดีใจด้วย และกรี๊ดปรบมือให้ด้วย จนเพื่อนมอง และบอกว่า อยู่ห้องไหนเนี่ย 5555555
และจากจุดนั้น เริ่มต้นมาเรื่อยๆ ทำให้เรามั่นใจว่าชอบเค้า และเราก็เริ่มที่จะแสดงออกถึงความชอบต่างๆ จนเพื่อนๆรู้กันทั่ว เชียร์กันใหญ่ แต่เราก็พึ่งมารู้อีกทีด้วยความบังเอิญว่า สาเหตุที่เด็กๆ ม.2 มายืนเชียร์ข้างสนามคือ ชอบผู้ชายคนนี้เหมือนกัน (เพื่อนผู้ชายเราอีกคน และเป็นเพื่อนกับเค้าคนนั้นก็คบกันกับเด็กม.2) และเราก็เริ่มเห็นเขากับเด็กผู้หญิงม.2 คุยกันบ้างบางครั้ง แต่กับเราไม่เคยคุยเลย เจอหน้าหลบตลอด จนคิดว่าอกหักแน่ตรู แต่ก็ยังดันทุรังชอบ ทำทุกอย่างให้เขาประทับใจเราบ้าง ซื้อของให้ในโอกาสต่างๆ มาจนจะจบ ม.3 แต่เขาก็มักทำอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้เราคิดว่าเขาชอบ เช่น ไปดูหนัง(กางแปลง)ก็แอบมานั่งด้วยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือแอบมองเรา นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราชอบเขามาเรื่อยๆ
จนมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราตัดสินใจว่า เราจะไม่ชอบเชาอีกแล้ว คือ วันนั้นเป็นวันลอยกระทง เรากับเพื่อนทำกระทงกัน โดยเราก็ไม่รู้ว่่าเขามีแผนสำหรับการลอยกระทงอะไรยังไง (จำไม่ได้ว่าทำไมไม่ได้ใส่ใจ) ตกกลางคืน เราก็เดินจากบ้านเราไปวัดใกล้ๆบ้าน เดินผ่านเด็กผู้ชายกลุ่มนึงที่เล่นกันริมบึงที่ทางวัดจัดไว้เพื่อให้ลอยกระทง และมีเสียงนึงตะโกนว่า เฮ้ย!!.....(เรียกชื่อเขาคนนั้น ตามด้วยชื่อเรา) มันมาทางนี้แล้ว เราเลยหันไปมองตามเสียง ปรากฎว่าเขาตกใจ วิ่งหนีไปเลย แล้วเราก็หันมองไปมองมาด้วยความงงว่า จะวิ่งทำไม เห็นกูเป็นอะไร ที่ไหนได้ล่ะ น้องม.2 ยืนร้องไห้อยู่ พร้อมทิ้งกระทงลงต่อหน้าเรา (ด้วยความเสียดายตังค์เหรียญในกระทง เราก็หยิบไปใส่กระทงเพื่อนเรา 5555) อย่าคิดว่าตอนเช้าจะมีเหตุการณ์อะไรน่าดีใจนะคะ ไม่มีหรอกค่ะ เราก็เรียนกันตามปกติ เพื่อนแซว อาจารย์แซว กันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ น้องม.2 ที่เราเริ่มรู้สึกว่า รัศมีความเกลียดชังมันแผ่นออกมาถึงตัวเรา เดินผ่านห้องเรียนน้องเค้าทีไร ขนลุกทุกที
เวลาผ่านไป ผ่านไป จนถึงวันก่อนที่จะมีการจัดทรรศนะศึกษา สำหรับเด็กม.3 เป็นเวลาที่ทุกคนตื่นเต้นดีใจ สำหรับการออกเที่ยวต่างจังหวัดกัน ก่อนที่จะจบต้องไปถ่ายรูปเพื่อมาส่งอาจารย์ติดกับในเกรดใช่มั้ยคะ เราก็ไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และอีกกิจกรรมสมัยก่อนจนถึงตอนนี้คือ เขียนข้อความลงเสื้อ ค่ะ เรากะจะไปเขียนบนเสื้อเขา แน่นอน เต็ม และเราไม่กล้า ผ่านเลยไปสำหรับสิ่งนี้ และที่เราคาดไม่ถึงคือ เดินผ่านเขากับเพื่อนในห้องเรา เพื่อนเราเรียก เพื่อไปแลกรุปถ่าย (สมัยนั้นมันไม่มีโทรศัพท์ถ่ายรุปได้นี่เนอะ) และได้รูปเขามาด้วย แต่แลกรูปกับเราด้วยหน้าตาเย่อหยิ่ง น่าหมั่นไส้สุดๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษค่ะ ไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ
จนถึงวันไปทรรศนะศึกษา ไปต่างจังหวัด 1 วัน ขาไปกับระหว่างเที่ยวกันก็ปกติ ไปกลุ่มใครกลุ่มมัน และตอนกลับเป็นตอนปล่อยผี เราโดนเพือนผู้ชายแกล้งเลยหงอยไปพักนึง และเผลอหลับ ตื่นมาอีกทีมืดแล้วและคิดว่าน่าจะใกล้ถึงบ้าน เงยหน้าขึ้นมาตกใจ เพื่อนเด็กเรียน เพื่อนเรียบร้อย สารพัด เต้นกระจาย เพลงดึ๋งดึ่ง โอ้วววว ตกใจค่ะ 5555555 และที่ตกใจกว่าหันไปมองข้างๆ อ้าว เพื่อนตูที่นั่งด้วยกันหายไป เค้าคนนั้นมานั่งแทน ตามด้วยเสียงวี๊ดว้าย กิ๊วกิ้ว โห่แซว แต่ไม่ได้คุยกันเหมือนกัน เขานั่งกับเราได้ประมาณ 5 นาที ก็กลับไปนั่งที่เดิม และรถไปจอดโรงเรียน เขาลงจากรถก่อน หันมามองหน้าเรา (ตอนนั้นเรายังไม่ลงจากรถ และนั่งติดหน้าต่าง) และแยกย้ายกลับบ้าน
หลังจากวันนั้นก็เป็นวันปิดเทอม และแต่ละคนก็ต้องหาที่เรียนของตัวเองต่อ เราเรียนต่อในตัวจังหวัด เขาไปเรียนอีกจังหวัดนึง และได้เจอกันบ้าง แต่ก็ยังไม่คุยเหมือนเดิม
ปัจจุบันนี้เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน กลับบ้านที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เจอ ถามจากเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครติดต่อได้ (แอบได้ยินข่าวว่ามีครอบครัวแล้ว T_T) แต่เราก็ยังคิดถึงเขาตลอด พยายามหลับตาและนึกถึงหน้าตาเขาตอนที่เรียนด้วยกัน ตอนเขาเล่นกีฬา และยังอยู่ตลอดว่า ตกลงที่ผ่านมาเขารู้สึกยังไง (เพื่อนทุกคนต่างบอกว่า เขาก็ชอบเราเหมือนกัน แต่เขาขี้อายมาก แต่กับเด็กคนนั้นทำไมไม่อายมันวะ) และสมน้ำหน้าตัวเอง ที่ใช้โอกาสเปลืองทุกครั้ง ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา (สมัยนั้น ถ้าได้ดู Hormones นะ เสร็จชั้นแน่แกเอ้ยย) แต่ก็นะ มันเป็นความทรงจำที่ดีค่ะ ทำให้เรายิ้มได้เมื่อคิดถึงมัน อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อยากมีความรักแบบนั้นอีกครั้ง ที่แค่ได้นั่งใกล้กันก็มีความสุขมากแล้ว
สำหรับคนที่กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ อย่ายอมแพ้ และอย่าปล่อยให้โอกาสหลุดไปนะคะ เราย้อนเวลากลับไม่ได้ อยากทำอะไรให้รีบทำ แอบรักให้รีบบอก ผิดหวังยังดีกว่าไม่ได้บอกค่ะ
จริงๆ แล้วเรื่องราวที่เขาพยามยามชนะความอายของเขาเพื่อเข้าหาเราเยอะแยะเหมือนกันค่ะ แต่เราชักเพลียนิ้ว ขอตัดจบนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอบคุณค่ะ)
ความทรงจำสีจาง (มาก)
แน่นอนฉันก็คนนึงที่มีรักแรกแบบนั้นเช่นกัน ฉันเกิด และเติบโตอยู่ที่ต่างจังหวัด เรียนอยู่โรงเรียนขยายโอกาสตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึง ม.3 ใน 1 ระดับชั้นมีห้องเรียน 2 ห้อง นักเรียนแทบทุกคนที่โรงเรียนนี้รู้จักกันหมด เพราะเป็นเด็กที่เกิดในหมู่บ้านเดียวกัน เห็นกันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยเลยล่ะ
ขอเล่าข้ามช่วงอนุบาล-ม.3 เลยนะคะ
ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.3 ฉันเรียนห้อง 3/2 ส่วนความรักสมัยเด็กของฉันเรียน 3/1 แน่นอนค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบัน เป็นเพื่อนกันมาตลอด ถึงจะได้คุยกันบ้าง ไม่ได้คุยกันบ้าง บางวันแทบไม่เห็นหน้ากันเลย หรือเห็นก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นรึเปล่า (น่าจะเป็นปกติของคนที่เราไม่คิดว่าสะดุดตา มักจะอยู่นอกสายตาแล้วมองไม่เห็น^^) จนมีเหตุการณ์นึงที่ทำให้เราประทับใจ และคิดว่าเค้าคนนี้มีอะไรที่โดดเด่นมากๆ และสะดุดตาเรามากๆ
วันนั้นเป็นตอนพักเที่ยง พอกินข้าวกลางวันเสร็จ กิจกรรมของเด็กผู้หญิงก็คือ เล่นวอลเล่ย์บอล กิจกรรมของผู้ชายคือ เตะฟุตบอล และเตะตระกร้อ ฉันเล่นวอลเล่ย์บอลกับเพื่อนๆ อยู่อีกสนาม เค้าเตะตระกร้อกับเพื่อนๆ (อ้อ เราสองคนเป็นตัวแทนนักกีฬาของโรงเรียนด้วยนะคะ) ตอนนั้นฉันวิ่งไปเก็บลูกวอลเล่ย์ที่มันกระเด็นไปที่สนามตระกร้อเพื่อมาเสริฟ์ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เค้ากระโดดกลับหลัง ยกเท้าขึ้นกลับหลังไปอีกด้านเพื่อตบลูกตระกร้อ โอ้โห!!!!!! นี่กูพึ่งรู้นะว่าทำได้ขนาดนี้เนี่ยยย (คิดในใจ แต่ก็ยังเฉยๆ) ต่อมาอีกวัน เป็นวันที่คณะครูอาจารย์ (555555) ต้องเข้าประชุมร่วมกันทั้งโรงเรียน และมักเป็นช่วงเวลาก่อนเลิกเรียนคาบสุดท้าย แน่นอนกิจกรรมของพวกเราเหล่าซีเนียร์ของโรงเรียนจะทำร่วมกันทั้งหมดคือ......เตะฟุตบอล พวกผู้ชายก็บ้า ชอบดูผู้หญิงเตะ และพวกผู้หญิงอย่างเราก็บ้า ชอบเตะฟุตบอล ไม่มีเหนื่อยเลยล่ะสมัยนั้น สนุกกันมากกกก (ลืมบอกไป เราชอบทีมแมนยูฯ และหลงรักเดวิด เบคแฮ่ม เบอร์ 7 มากเลยล่ะ รูปเต็มห้อง^^) โดยผู้หญิงห้อง 3/1 แข่งกับ 3/2 มีผู้หญิงห้องละ 10 คนเป๊ะ แน่นอนเราต้องเล่นตำแหน่งเดียวกับพี่เบค
พอผู้หญิงเล่นจบเกมส์ก็ถึงเวลาเลิกเรียน เด็กผู้ชายก็จะไม่ยอม ขอเล่นต่อ โดยมีกองเชียร์เป็นเด็กผู้หญิงชั้นเดียวกัน และเด็กม. 2 มาดูด้วย เค้าคนนั้นก็เล่นตำแหน่งเดียวกัน และเหตุการณ์ประทับใจอีกทีที่ทำให้คิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของรักแรกคือ ฟรีคิกข้ามกำแพงเพื่อนผู้ชายห้องเดียวกันกับเราเข้าประตูอย่างสวยงาม (เหมือนพี่เบคเปี๊ยบ) ประทับใจ ดีใจด้วย และกรี๊ดปรบมือให้ด้วย จนเพื่อนมอง และบอกว่า อยู่ห้องไหนเนี่ย 5555555
และจากจุดนั้น เริ่มต้นมาเรื่อยๆ ทำให้เรามั่นใจว่าชอบเค้า และเราก็เริ่มที่จะแสดงออกถึงความชอบต่างๆ จนเพื่อนๆรู้กันทั่ว เชียร์กันใหญ่ แต่เราก็พึ่งมารู้อีกทีด้วยความบังเอิญว่า สาเหตุที่เด็กๆ ม.2 มายืนเชียร์ข้างสนามคือ ชอบผู้ชายคนนี้เหมือนกัน (เพื่อนผู้ชายเราอีกคน และเป็นเพื่อนกับเค้าคนนั้นก็คบกันกับเด็กม.2) และเราก็เริ่มเห็นเขากับเด็กผู้หญิงม.2 คุยกันบ้างบางครั้ง แต่กับเราไม่เคยคุยเลย เจอหน้าหลบตลอด จนคิดว่าอกหักแน่ตรู แต่ก็ยังดันทุรังชอบ ทำทุกอย่างให้เขาประทับใจเราบ้าง ซื้อของให้ในโอกาสต่างๆ มาจนจะจบ ม.3 แต่เขาก็มักทำอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้เราคิดว่าเขาชอบ เช่น ไปดูหนัง(กางแปลง)ก็แอบมานั่งด้วยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือแอบมองเรา นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราชอบเขามาเรื่อยๆ
จนมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราตัดสินใจว่า เราจะไม่ชอบเชาอีกแล้ว คือ วันนั้นเป็นวันลอยกระทง เรากับเพื่อนทำกระทงกัน โดยเราก็ไม่รู้ว่่าเขามีแผนสำหรับการลอยกระทงอะไรยังไง (จำไม่ได้ว่าทำไมไม่ได้ใส่ใจ) ตกกลางคืน เราก็เดินจากบ้านเราไปวัดใกล้ๆบ้าน เดินผ่านเด็กผู้ชายกลุ่มนึงที่เล่นกันริมบึงที่ทางวัดจัดไว้เพื่อให้ลอยกระทง และมีเสียงนึงตะโกนว่า เฮ้ย!!.....(เรียกชื่อเขาคนนั้น ตามด้วยชื่อเรา) มันมาทางนี้แล้ว เราเลยหันไปมองตามเสียง ปรากฎว่าเขาตกใจ วิ่งหนีไปเลย แล้วเราก็หันมองไปมองมาด้วยความงงว่า จะวิ่งทำไม เห็นกูเป็นอะไร ที่ไหนได้ล่ะ น้องม.2 ยืนร้องไห้อยู่ พร้อมทิ้งกระทงลงต่อหน้าเรา (ด้วยความเสียดายตังค์เหรียญในกระทง เราก็หยิบไปใส่กระทงเพื่อนเรา 5555) อย่าคิดว่าตอนเช้าจะมีเหตุการณ์อะไรน่าดีใจนะคะ ไม่มีหรอกค่ะ เราก็เรียนกันตามปกติ เพื่อนแซว อาจารย์แซว กันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ น้องม.2 ที่เราเริ่มรู้สึกว่า รัศมีความเกลียดชังมันแผ่นออกมาถึงตัวเรา เดินผ่านห้องเรียนน้องเค้าทีไร ขนลุกทุกที
เวลาผ่านไป ผ่านไป จนถึงวันก่อนที่จะมีการจัดทรรศนะศึกษา สำหรับเด็กม.3 เป็นเวลาที่ทุกคนตื่นเต้นดีใจ สำหรับการออกเที่ยวต่างจังหวัดกัน ก่อนที่จะจบต้องไปถ่ายรูปเพื่อมาส่งอาจารย์ติดกับในเกรดใช่มั้ยคะ เราก็ไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และอีกกิจกรรมสมัยก่อนจนถึงตอนนี้คือ เขียนข้อความลงเสื้อ ค่ะ เรากะจะไปเขียนบนเสื้อเขา แน่นอน เต็ม และเราไม่กล้า ผ่านเลยไปสำหรับสิ่งนี้ และที่เราคาดไม่ถึงคือ เดินผ่านเขากับเพื่อนในห้องเรา เพื่อนเราเรียก เพื่อไปแลกรุปถ่าย (สมัยนั้นมันไม่มีโทรศัพท์ถ่ายรุปได้นี่เนอะ) และได้รูปเขามาด้วย แต่แลกรูปกับเราด้วยหน้าตาเย่อหยิ่ง น่าหมั่นไส้สุดๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษค่ะ ไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ
จนถึงวันไปทรรศนะศึกษา ไปต่างจังหวัด 1 วัน ขาไปกับระหว่างเที่ยวกันก็ปกติ ไปกลุ่มใครกลุ่มมัน และตอนกลับเป็นตอนปล่อยผี เราโดนเพือนผู้ชายแกล้งเลยหงอยไปพักนึง และเผลอหลับ ตื่นมาอีกทีมืดแล้วและคิดว่าน่าจะใกล้ถึงบ้าน เงยหน้าขึ้นมาตกใจ เพื่อนเด็กเรียน เพื่อนเรียบร้อย สารพัด เต้นกระจาย เพลงดึ๋งดึ่ง โอ้วววว ตกใจค่ะ 5555555 และที่ตกใจกว่าหันไปมองข้างๆ อ้าว เพื่อนตูที่นั่งด้วยกันหายไป เค้าคนนั้นมานั่งแทน ตามด้วยเสียงวี๊ดว้าย กิ๊วกิ้ว โห่แซว แต่ไม่ได้คุยกันเหมือนกัน เขานั่งกับเราได้ประมาณ 5 นาที ก็กลับไปนั่งที่เดิม และรถไปจอดโรงเรียน เขาลงจากรถก่อน หันมามองหน้าเรา (ตอนนั้นเรายังไม่ลงจากรถ และนั่งติดหน้าต่าง) และแยกย้ายกลับบ้าน
หลังจากวันนั้นก็เป็นวันปิดเทอม และแต่ละคนก็ต้องหาที่เรียนของตัวเองต่อ เราเรียนต่อในตัวจังหวัด เขาไปเรียนอีกจังหวัดนึง และได้เจอกันบ้าง แต่ก็ยังไม่คุยเหมือนเดิม
ปัจจุบันนี้เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน กลับบ้านที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เจอ ถามจากเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครติดต่อได้ (แอบได้ยินข่าวว่ามีครอบครัวแล้ว T_T) แต่เราก็ยังคิดถึงเขาตลอด พยายามหลับตาและนึกถึงหน้าตาเขาตอนที่เรียนด้วยกัน ตอนเขาเล่นกีฬา และยังอยู่ตลอดว่า ตกลงที่ผ่านมาเขารู้สึกยังไง (เพื่อนทุกคนต่างบอกว่า เขาก็ชอบเราเหมือนกัน แต่เขาขี้อายมาก แต่กับเด็กคนนั้นทำไมไม่อายมันวะ) และสมน้ำหน้าตัวเอง ที่ใช้โอกาสเปลืองทุกครั้ง ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา (สมัยนั้น ถ้าได้ดู Hormones นะ เสร็จชั้นแน่แกเอ้ยย) แต่ก็นะ มันเป็นความทรงจำที่ดีค่ะ ทำให้เรายิ้มได้เมื่อคิดถึงมัน อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อยากมีความรักแบบนั้นอีกครั้ง ที่แค่ได้นั่งใกล้กันก็มีความสุขมากแล้ว
สำหรับคนที่กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ อย่ายอมแพ้ และอย่าปล่อยให้โอกาสหลุดไปนะคะ เราย้อนเวลากลับไม่ได้ อยากทำอะไรให้รีบทำ แอบรักให้รีบบอก ผิดหวังยังดีกว่าไม่ได้บอกค่ะ
จริงๆ แล้วเรื่องราวที่เขาพยามยามชนะความอายของเขาเพื่อเข้าหาเราเยอะแยะเหมือนกันค่ะ แต่เราชักเพลียนิ้ว ขอตัดจบนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอบคุณค่ะ)