ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาดูหนังในโรงภาพยนตร์สักเท่าไหร่ด้วยวัยและหน้าที่การงานทำให้เรื่องพวกนี้เหมือนอยู่
คนละโลกกับตัวผมเลยครับ คือพวกตัวอย่างหนัง ป้ายโฆษณาก็เห็นผ่านตานะครับ แต่ก็ผ่านไป ไม่ได้จดจำใส่ใจสักเท่าไหร่ และปกติประเภท
หนังส่วนใหญ่ที่ดูก็เป็นประเภทเศรษฐศาสตร์หรือพวกปรัชญามากกว่า ยกตัวอย่างที่ได้ดูเร็วๆมานี้ก็ Inside Job ล่ะครับ ซึ่งพอดูแล้วค่อยข้าง
ถูกใจ แต่จากที่ลองนำไปเป็นหัวข้อสนทนาพบว่ามันเป็นหนังเฉพาะกลุ่มเกินไปมั้ง หาคนคุยด้วยได้ยากมาก อีกเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
หน่อยมั้งก็ อัจฉริยะรถด่วนล้ำโลก ก็ดูจะไม่ค่อยดังมั้งเหมือนหลายๆคนไม่รู้จัก แถมหนังพวกนี้ก็ไม่ได้เน้นที่แสงสีอะไรด้วยเลยไม่ต้องเข้าไปดู
ในโรงภาพยนต์ อาศัยหาซื้อแผ่นมานั่งดูที่บ้านสบายกว่าเยอะในความคิด แต่อาทิตย์นี้พอดีน้องสาวมาเยี่ยมที่บ้าน ก็พาพวกเจ้าตัวเล็กมาด้วย
พอพาไปเที่ยวไปเดินพารากอนก็ได้ทีเขาเลยครับ อ้อนจะดูจนได้เข้าไอแม็กจนได้ ตอนแรกก็คิดในใจซะว่าถือว่ามานั่งพักผ่อนหลับกับเบาะ
สบายๆแล้วกัน
ก็อย่างที่ร่ายมาละครับด้วยความที่ตั้งใจว่าจะเข้ามานั่งเฉยๆแล้วแอบหลับให้หลานดู แต่พอหนังเริ่มเปิดตัวมา ก็เริ่มให้ความรู้สึกคุ้นเคย
เลยครับ อารมณ์แบบว่านึกในใจ เห้ยอารมณ์หนังแบบนี้เหมือนเคยเห็นมาก่อนรึป่าวหว่า พอไคจูออกมาเท่านั้นแหละครับ เหมือนเดจาวูนี่มัน
เหมือนเอาก็อตซีล่าที่ดูตอนยังวัยรุ่นอยู่มารีเมกเลยนี่ แล้วพอได้เห็นเยเกอร์ปรากฏตัวนี่บอกตรงๆเลยตอนนั้น คิดว่าก็อตซิลล่าชัดๆผมจำได้ว่ามี
อยู่ภาคนึงมันมีหุ่นยนต์ออกมาตบกับพวกก็อตซิลล่าเหมือนกันเลย แต่พอดูไปสักพักพอเห็นเหล่าเยเกอร์ไม่ได้มีตัวเดียวแต่ละแบบแต่ละตัว มีชื่อ
เอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ผมก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าเห้ยนี่มันเอามาจากกันดั้มมั้งเนี่ย เลยแอบนึกขำๆว่าเออสงสัยเรื่องนี้เอาการ์ตูนญี่ปุ่นหนังญี่ปุ่น
มายำใหญ่รวมมิตรป่าวหว่า แต่บอกได้เลยครับว่าตอนนี้ตาสว่างแล้ว พอหนังเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ผมค่อนข้างชอบเลยนะครับด้วยความที่แทบ
ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้อยู่ในหัวเลย นอกจากไอ้ป้ายโฆษณาหน้าโรง ทำให้ตอนดูนี่อะไรๆก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด ด้วยความที่ตัวหุ่นเอย บทพูดเอย
ฉากการต่อสู้ มันให้อารมร์การ์ตูนญี่ปุ่นหมดเลย พวกแบบหมัดที่ติดไอพ่นข้างหลังเพิ่มความแรง ฉากที่เปิดอาวุธมิสไซต์ยิงใส่ ฉากเอาเรือมา
ฟาด(อันนี้โดนมากคิดได้ไง) แถมยังมีปืนพลังงานที่ไม่รู้พอนับเป็นบีมหรือลำแสงทำลายล้างงงงง(ตอนเด็กๆคำนี้ติดปากมาก)ได้รึป่าวก็ไม่รู้ แต่
ที่เซอร์ไพรส์สุดๆคือดาบแส้เลยครับ แบบนั่งดูก็สงสัยอยู่ในใจว่าไอ้พวกตัวหุ่นยนต์ฝั่งพระเอกมันน่าจะมีสักตัวบ้างสิน่าที่ใช้ดาบ โดยเฉพาะ
ตัวพระเอกมันยิ่งน่าจะมีการเอาดาบออกมาใช้บ้างสิน่า แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ บอกกันแบบไม่อายเลยครับว่าตอนนั้นนี่อุทานออกมาเต็มปาก
เต็มคำเลยครับว่าสุดยอด ภรรยาที่นั่งข้างๆนี่หันมาตีแขนเลยครับ บอกไม่อายหลานบ้างหรอ ฮา ฮา ฮ่า บอกตรงๆครับตอนนั้นลืมไปด้วยซ้ำว่า
ภรรยามานั่งดูด้วยอินมาก ในหัวคิดมีแต่หนังอย่างเดียวเลยจริงๆ(อันนี้พิมพ์ได้เต็มที่ครับภรรยาที่เคารพเล่นพันทิปไม่เป็น) ต่อไปก็เป็นเรื่องการ
พูดถึงตัวละครบ้างครับ สำหรับผมส่วนตัวเลยเรื่องนี้ชอบนางเอกมากครับ เพราะในความรู้สึกผมเธอเป็นตัวละครที่แบบไม่พูดมากแต่สายตาเธอ
สื่อความคิด ความรู้สึกข้างในออกมาได้หมดเลยครับ เหมือนสายตาตอนมองพระเอกที่เห็นชัดๆเลยว่าเต็มไปด้วยความชื่นชมชื่นชอบ และรู้สึก
ขอบคุณ หรือสายตาที่มองผู้บัญชาการที่สื่อออกมาได้เลยว่าเธอกำลังแอบตัดพ้ออยู่ในใจที่คนที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก น่าจะเข้าใจเธอที่สุด ไม่
เชื่อใจให้เธอทำในสื่งที่เธอต้องการ ผมบอกได้เลยว่าตอนนั้นชอบมากครับ แอบหันไปแซวภรรยาด้วยว่า ถ้าก่อนเจอคุณ ผมได้มีโอกาสดูหนัง
เรื่องนี้นะ เจ้าลูกชายคงเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เรียบร้อยครับ ผมได้รอยจ้ำเขียวๆบนแขนเป็นรางวัลกลับมา(ฮา) แต่พระเจ้าก็ไม่
ใจร้ายกับภรรยาผมนักครับ พอฉากที่พระเอกถอดเสื้อโชว์กล้ามน่าท้องที่น่าเอาท่อตันไปฟาดนั่น กรรมก็ตามสนองผมทันทีครับ เธอหันมาสะกิด
ผมแล้วพูดว่า ฉันคิดเหมือนคุณเลย นี่ถ้าฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ก่อนเจอคุณนะ ฉันคงได้สามีเป็นหนุ่มหล่อตาสีฟ้า ผมบลอนด์ทอง แถมมีหุ่นขยี้ใจ
ไม่ต้องไล่ให้ไปออกกำลังกายเหมือนทุกวันนี้ แถมลูกชายคงเป็นเทพบุตรผมบลอนด์แล้วล่ะ (ค้างเลยครับ ตอนนั้นโดนย้อนแทบเหมือนที่ไป
แซวเขาเลย) ผมก็เลยยื่นมือไปหยิกเธอแรงๆทีนึงครับนี่ในความคิดตอนนั้นนะครับ ความจริงคือได้แค่ตอบกลับไปว่าจ๊ะ ดีแล้วล่ะจ๊ะที่เจอพี่ก่อน
แล้วเอื้อมมือไปบีบแขนเธอเบาๆ ถึงได้ผ่านสถานการณ์นั้นมาได้ แต่ก็นั่นแหละครับ ภรรยาผมเธอตื่นเต้นทั้งเรื่องฉากนั้นแค่ฉากเดียว คงไม่ใช่
หนังแนวที่เธอชอบ ส่วนตัวละครอื่นผมรู้สึกแบบบทมันค่อนข้างไวไปมั้งยังไม่ค่อยได้ลงรายละเอียดตัวละครเลย เลยไม่ได้จดจำมากเท่าไหร่
พูดถึงตัวเองกับภรรยาแล้วลืมน้องสาวกับหลานไปเลยครับ ในรายหลานนี่จริงน่าจะเดากันได้ แกสนุกของแกจริงๆครับ แบบมีความ
สุขอย่างชัดเจนเลย เรียกว่าตอนนั้นแกน่าจะเขาไปเป็นนักบินของเยเกอร์เรียบร้อยแล้วครับ จริงๆการมาดูหนังรอบนี้ผมประทับใจที่ได้ดูกับน้อง
สาวมากที่สุดแล้วครับในบรรดา 4 คนที่มาด้วยกัน เพราะหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนย้อนกับไปสมัยวัยรุ่นเลยครับ ที่ตอนวันเสาร์อาทิตย์ตื่น
มานั่งดูพวกมดแดง ขบวนการ 5 สีอะไรพวกนี้ จำได้ว่าตอนเด็กๆนี่ผมกับน้องสาวนี่แทบได้ว่าเหมือนน้ำกับไฟเลยทีเดียว ทะเลาะกันได้ตลอด
แต่พอถึงเวลาดูการ์ตูนเท่านั้นแหละครับ เราสองคนจะกลมเกลียวกันเป็นพิเศษแทบไม่ทะเลาะกันเลย(ลองทะเลาะสิ พ่อผมเปลี่ยนช่องทันที)
แถมเรายังดูการ์ตูนได้ทุกประเภท น้องสาวผมดูดราก้อนบอล กันดั้ม สารพัดมดกับผม ผมก็จำได้ว่านั่งดู พวกไพ่ทาโร่ เซล่ามูน แม่มดอะไรพวก
นี้แหละกับเธอด้วย(ตอนนั้น 17-18 แล้วด้วยซ้ำตอนฉายที่ไทย) จริงๆลากยาวรอจองดู 7 สีคอนเสิร์ตด้วยล่ะครับ นึกๆย้อนไประหว่างดูก็กระซิบ
กันไปว่าเออ ฉากแบบนี้ ตัวแบบนี้มันเหมือนเรื่องนู้นเรื่องนี้ตอนที่ดูเด็กๆเลยเนอะ แม้กระทั่งหลังหนังจบแล้วก็ยังคุยกันต่อแซวเรื่องขำๆตอน
เด็กๆกันต่อ ผมก็เลยฉุกคิดว่าเออ จริงๆผมกับน้องสาวก็ไม่ได้คุยเรื่องเบาสมองย้อนวัยใส อะไรแบบนี้กันนานมากแล้วมันช่วยเสริมความสัมพันธ์
ได้ดีทีเดียวเหมือน
ถ้าเป็นนิทานก็ต้องมีสรุปใช่ไหมครับ สำหรับผมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า(ฮา) จริงๆไอ้พวกความบรรเทิงที่บางครั้งเรามองว่ามันค่อนข้าง
เสียเวลา หรือไร้สาระเนี่ย จริงๆถ้าเราเขาไปรับมันถูกเวลากับคนเรารักเนี่ยมันก็ทำให้เรามีความสุขจนทำให้เราคุ้มค่าที่จะต้องเสียเวลาและอยู่
เหนือกว่าเหตุผลที่เราว่ามันไร้สาระเหมือนกันนะครับ ผมรู้สึกเลยว่าเออมันสนุกกว่านั่งดูหนังที่ผมชอบคนเดียวที่บ้านอีก ถ้าครั้งหน้ามาใหม่เจอ
เรื่องที่ไม่ชอบแต่ถ้าคนที่มากับเราด้วยมีความสุขมันก็น่าจะแชร์ๆกันได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่เรารัก ในขณะที่วันนี้ตอนผมเล่าให้
น้องๆที่ทำงานฟังว่าเมื่อวานผมไปดูเรื่องนี้มาสนุกมาก น้องเขาก็ขำๆกัน ถามว่าพี่ไปดูหนังอย่างนี้ด้วยหรอ พวกผมไม่รู้ว่าพี่ก็ชอบดูหนังแบบ
นี้ด้วยนะครับ จริงผมจะลองชวนพี่ไปดูด้วยกันกับเพื่อนๆน้องๆในแผนกแล้วแต่ผมไม่แน่ใจว่าพี่ชอบดูหนังประเภทนี้รึป่าว วันหลังเดี๋ยวถ้ามีหนัง
เข้าใหม่น่าดูไว้เดี๋ยวพวกผมจะชวนพี่ไปดูด้วยนะครับ ผมก็เลยได้คิดว่าเออ แค่เรื่องแบบนี้ก็ทำให้ผมสนิทกับเพื่อนร่วมงานได้เพิ่มขึ้นเหมือนกัน
นะ ผมคิดว่าเงิน 1900 ที่เสียไปกับค่าตัวหนัง 4 คนรอบนี้ถือว่าคุ้มทีเดียว ครั้งหน้าคิดไว้ว่าถ้าพาภรรยามาดูรอบหน้าจะขอรองนั่งดูที่นั่งแบบ
Ultimate IMAX ดูซะหน่อยอยากรู้ว่าพิเศษยังไง เห็นแยกไปดูเป็นส่วนตัวเชียว
ปล. ตอนแรกว่าจะเขียนเหมือนรีวิวหนังเขียนเฉพาะเกี่ยวกับตัวหนังแต่ไปๆมาๆกลายเป็นเหมือนไดอารี่การไปดูหนังของผมไปซะแล้ว ด้วยความ
ที่พิมพ์เพลินมันมือมาก มันเลยยาวมากไปหน่อยก็ขอบคุณคนที่อุตส่าห์อ่านจนจบนะครับ
ปล.2 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าค่อนข้างผิดหลักหน่อยนะครับ จริงๆต้องไม่เกิน 3 บรรทัด แต่อยากจะเขียนให้ครบทุกอย่างจริง
ปล.3 ผมไม่ได้เป็นามีที่กลัวภรรยานะครับ แต่ถือคติว่าชายใดให้เกียรติเมีย ชายผู้นั้นย่อมเจริญ
ขอบคุณครับ
มีข้อแนะนำมาว่าตัวหนังสือติดกันเกินไป ผมเลยแกไข้โดยลองเคาะเว้นบรรทัดให้ ไม่รู้จะทำอ่านง่ายกันขึ้นรึป่าวนะครับ
เพิ่งเขียนยาวๆอย่างนี้ครั้งแรก เขาใจเลยครับว่าคนเขียนพวกรีวิวนี่เขาตั้งใจจริงๆ ใครมีข้อเสนอแนะยังไงแนะนำได้นะครับ
ผมจะได้แก้ไขให้อ่านกันได้ง่ายๆกัน
เพิ่งไปดู Pacific Rim มาเมื่อวานครับ รู้สึกเหมือนตัวเองตกกระแส+ความประทับใจเล็กๆ
คนละโลกกับตัวผมเลยครับ คือพวกตัวอย่างหนัง ป้ายโฆษณาก็เห็นผ่านตานะครับ แต่ก็ผ่านไป ไม่ได้จดจำใส่ใจสักเท่าไหร่ และปกติประเภท
หนังส่วนใหญ่ที่ดูก็เป็นประเภทเศรษฐศาสตร์หรือพวกปรัชญามากกว่า ยกตัวอย่างที่ได้ดูเร็วๆมานี้ก็ Inside Job ล่ะครับ ซึ่งพอดูแล้วค่อยข้าง
ถูกใจ แต่จากที่ลองนำไปเป็นหัวข้อสนทนาพบว่ามันเป็นหนังเฉพาะกลุ่มเกินไปมั้ง หาคนคุยด้วยได้ยากมาก อีกเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
หน่อยมั้งก็ อัจฉริยะรถด่วนล้ำโลก ก็ดูจะไม่ค่อยดังมั้งเหมือนหลายๆคนไม่รู้จัก แถมหนังพวกนี้ก็ไม่ได้เน้นที่แสงสีอะไรด้วยเลยไม่ต้องเข้าไปดู
ในโรงภาพยนต์ อาศัยหาซื้อแผ่นมานั่งดูที่บ้านสบายกว่าเยอะในความคิด แต่อาทิตย์นี้พอดีน้องสาวมาเยี่ยมที่บ้าน ก็พาพวกเจ้าตัวเล็กมาด้วย
พอพาไปเที่ยวไปเดินพารากอนก็ได้ทีเขาเลยครับ อ้อนจะดูจนได้เข้าไอแม็กจนได้ ตอนแรกก็คิดในใจซะว่าถือว่ามานั่งพักผ่อนหลับกับเบาะ
สบายๆแล้วกัน
ก็อย่างที่ร่ายมาละครับด้วยความที่ตั้งใจว่าจะเข้ามานั่งเฉยๆแล้วแอบหลับให้หลานดู แต่พอหนังเริ่มเปิดตัวมา ก็เริ่มให้ความรู้สึกคุ้นเคย
เลยครับ อารมณ์แบบว่านึกในใจ เห้ยอารมณ์หนังแบบนี้เหมือนเคยเห็นมาก่อนรึป่าวหว่า พอไคจูออกมาเท่านั้นแหละครับ เหมือนเดจาวูนี่มัน
เหมือนเอาก็อตซีล่าที่ดูตอนยังวัยรุ่นอยู่มารีเมกเลยนี่ แล้วพอได้เห็นเยเกอร์ปรากฏตัวนี่บอกตรงๆเลยตอนนั้น คิดว่าก็อตซิลล่าชัดๆผมจำได้ว่ามี
อยู่ภาคนึงมันมีหุ่นยนต์ออกมาตบกับพวกก็อตซิลล่าเหมือนกันเลย แต่พอดูไปสักพักพอเห็นเหล่าเยเกอร์ไม่ได้มีตัวเดียวแต่ละแบบแต่ละตัว มีชื่อ
เอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ผมก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าเห้ยนี่มันเอามาจากกันดั้มมั้งเนี่ย เลยแอบนึกขำๆว่าเออสงสัยเรื่องนี้เอาการ์ตูนญี่ปุ่นหนังญี่ปุ่น
มายำใหญ่รวมมิตรป่าวหว่า แต่บอกได้เลยครับว่าตอนนี้ตาสว่างแล้ว พอหนังเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ผมค่อนข้างชอบเลยนะครับด้วยความที่แทบ
ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้อยู่ในหัวเลย นอกจากไอ้ป้ายโฆษณาหน้าโรง ทำให้ตอนดูนี่อะไรๆก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด ด้วยความที่ตัวหุ่นเอย บทพูดเอย
ฉากการต่อสู้ มันให้อารมร์การ์ตูนญี่ปุ่นหมดเลย พวกแบบหมัดที่ติดไอพ่นข้างหลังเพิ่มความแรง ฉากที่เปิดอาวุธมิสไซต์ยิงใส่ ฉากเอาเรือมา
ฟาด(อันนี้โดนมากคิดได้ไง) แถมยังมีปืนพลังงานที่ไม่รู้พอนับเป็นบีมหรือลำแสงทำลายล้างงงงง(ตอนเด็กๆคำนี้ติดปากมาก)ได้รึป่าวก็ไม่รู้ แต่
ที่เซอร์ไพรส์สุดๆคือดาบแส้เลยครับ แบบนั่งดูก็สงสัยอยู่ในใจว่าไอ้พวกตัวหุ่นยนต์ฝั่งพระเอกมันน่าจะมีสักตัวบ้างสิน่าที่ใช้ดาบ โดยเฉพาะ
ตัวพระเอกมันยิ่งน่าจะมีการเอาดาบออกมาใช้บ้างสิน่า แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ บอกกันแบบไม่อายเลยครับว่าตอนนั้นนี่อุทานออกมาเต็มปาก
เต็มคำเลยครับว่าสุดยอด ภรรยาที่นั่งข้างๆนี่หันมาตีแขนเลยครับ บอกไม่อายหลานบ้างหรอ ฮา ฮา ฮ่า บอกตรงๆครับตอนนั้นลืมไปด้วยซ้ำว่า
ภรรยามานั่งดูด้วยอินมาก ในหัวคิดมีแต่หนังอย่างเดียวเลยจริงๆ(อันนี้พิมพ์ได้เต็มที่ครับภรรยาที่เคารพเล่นพันทิปไม่เป็น) ต่อไปก็เป็นเรื่องการ
พูดถึงตัวละครบ้างครับ สำหรับผมส่วนตัวเลยเรื่องนี้ชอบนางเอกมากครับ เพราะในความรู้สึกผมเธอเป็นตัวละครที่แบบไม่พูดมากแต่สายตาเธอ
สื่อความคิด ความรู้สึกข้างในออกมาได้หมดเลยครับ เหมือนสายตาตอนมองพระเอกที่เห็นชัดๆเลยว่าเต็มไปด้วยความชื่นชมชื่นชอบ และรู้สึก
ขอบคุณ หรือสายตาที่มองผู้บัญชาการที่สื่อออกมาได้เลยว่าเธอกำลังแอบตัดพ้ออยู่ในใจที่คนที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก น่าจะเข้าใจเธอที่สุด ไม่
เชื่อใจให้เธอทำในสื่งที่เธอต้องการ ผมบอกได้เลยว่าตอนนั้นชอบมากครับ แอบหันไปแซวภรรยาด้วยว่า ถ้าก่อนเจอคุณ ผมได้มีโอกาสดูหนัง
เรื่องนี้นะ เจ้าลูกชายคงเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เรียบร้อยครับ ผมได้รอยจ้ำเขียวๆบนแขนเป็นรางวัลกลับมา(ฮา) แต่พระเจ้าก็ไม่
ใจร้ายกับภรรยาผมนักครับ พอฉากที่พระเอกถอดเสื้อโชว์กล้ามน่าท้องที่น่าเอาท่อตันไปฟาดนั่น กรรมก็ตามสนองผมทันทีครับ เธอหันมาสะกิด
ผมแล้วพูดว่า ฉันคิดเหมือนคุณเลย นี่ถ้าฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ก่อนเจอคุณนะ ฉันคงได้สามีเป็นหนุ่มหล่อตาสีฟ้า ผมบลอนด์ทอง แถมมีหุ่นขยี้ใจ
ไม่ต้องไล่ให้ไปออกกำลังกายเหมือนทุกวันนี้ แถมลูกชายคงเป็นเทพบุตรผมบลอนด์แล้วล่ะ (ค้างเลยครับ ตอนนั้นโดนย้อนแทบเหมือนที่ไป
แซวเขาเลย) ผมก็เลยยื่นมือไปหยิกเธอแรงๆทีนึงครับนี่ในความคิดตอนนั้นนะครับ ความจริงคือได้แค่ตอบกลับไปว่าจ๊ะ ดีแล้วล่ะจ๊ะที่เจอพี่ก่อน
แล้วเอื้อมมือไปบีบแขนเธอเบาๆ ถึงได้ผ่านสถานการณ์นั้นมาได้ แต่ก็นั่นแหละครับ ภรรยาผมเธอตื่นเต้นทั้งเรื่องฉากนั้นแค่ฉากเดียว คงไม่ใช่
หนังแนวที่เธอชอบ ส่วนตัวละครอื่นผมรู้สึกแบบบทมันค่อนข้างไวไปมั้งยังไม่ค่อยได้ลงรายละเอียดตัวละครเลย เลยไม่ได้จดจำมากเท่าไหร่
พูดถึงตัวเองกับภรรยาแล้วลืมน้องสาวกับหลานไปเลยครับ ในรายหลานนี่จริงน่าจะเดากันได้ แกสนุกของแกจริงๆครับ แบบมีความ
สุขอย่างชัดเจนเลย เรียกว่าตอนนั้นแกน่าจะเขาไปเป็นนักบินของเยเกอร์เรียบร้อยแล้วครับ จริงๆการมาดูหนังรอบนี้ผมประทับใจที่ได้ดูกับน้อง
สาวมากที่สุดแล้วครับในบรรดา 4 คนที่มาด้วยกัน เพราะหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนย้อนกับไปสมัยวัยรุ่นเลยครับ ที่ตอนวันเสาร์อาทิตย์ตื่น
มานั่งดูพวกมดแดง ขบวนการ 5 สีอะไรพวกนี้ จำได้ว่าตอนเด็กๆนี่ผมกับน้องสาวนี่แทบได้ว่าเหมือนน้ำกับไฟเลยทีเดียว ทะเลาะกันได้ตลอด
แต่พอถึงเวลาดูการ์ตูนเท่านั้นแหละครับ เราสองคนจะกลมเกลียวกันเป็นพิเศษแทบไม่ทะเลาะกันเลย(ลองทะเลาะสิ พ่อผมเปลี่ยนช่องทันที)
แถมเรายังดูการ์ตูนได้ทุกประเภท น้องสาวผมดูดราก้อนบอล กันดั้ม สารพัดมดกับผม ผมก็จำได้ว่านั่งดู พวกไพ่ทาโร่ เซล่ามูน แม่มดอะไรพวก
นี้แหละกับเธอด้วย(ตอนนั้น 17-18 แล้วด้วยซ้ำตอนฉายที่ไทย) จริงๆลากยาวรอจองดู 7 สีคอนเสิร์ตด้วยล่ะครับ นึกๆย้อนไประหว่างดูก็กระซิบ
กันไปว่าเออ ฉากแบบนี้ ตัวแบบนี้มันเหมือนเรื่องนู้นเรื่องนี้ตอนที่ดูเด็กๆเลยเนอะ แม้กระทั่งหลังหนังจบแล้วก็ยังคุยกันต่อแซวเรื่องขำๆตอน
เด็กๆกันต่อ ผมก็เลยฉุกคิดว่าเออ จริงๆผมกับน้องสาวก็ไม่ได้คุยเรื่องเบาสมองย้อนวัยใส อะไรแบบนี้กันนานมากแล้วมันช่วยเสริมความสัมพันธ์
ได้ดีทีเดียวเหมือน
ถ้าเป็นนิทานก็ต้องมีสรุปใช่ไหมครับ สำหรับผมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า(ฮา) จริงๆไอ้พวกความบรรเทิงที่บางครั้งเรามองว่ามันค่อนข้าง
เสียเวลา หรือไร้สาระเนี่ย จริงๆถ้าเราเขาไปรับมันถูกเวลากับคนเรารักเนี่ยมันก็ทำให้เรามีความสุขจนทำให้เราคุ้มค่าที่จะต้องเสียเวลาและอยู่
เหนือกว่าเหตุผลที่เราว่ามันไร้สาระเหมือนกันนะครับ ผมรู้สึกเลยว่าเออมันสนุกกว่านั่งดูหนังที่ผมชอบคนเดียวที่บ้านอีก ถ้าครั้งหน้ามาใหม่เจอ
เรื่องที่ไม่ชอบแต่ถ้าคนที่มากับเราด้วยมีความสุขมันก็น่าจะแชร์ๆกันได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่เรารัก ในขณะที่วันนี้ตอนผมเล่าให้
น้องๆที่ทำงานฟังว่าเมื่อวานผมไปดูเรื่องนี้มาสนุกมาก น้องเขาก็ขำๆกัน ถามว่าพี่ไปดูหนังอย่างนี้ด้วยหรอ พวกผมไม่รู้ว่าพี่ก็ชอบดูหนังแบบ
นี้ด้วยนะครับ จริงผมจะลองชวนพี่ไปดูด้วยกันกับเพื่อนๆน้องๆในแผนกแล้วแต่ผมไม่แน่ใจว่าพี่ชอบดูหนังประเภทนี้รึป่าว วันหลังเดี๋ยวถ้ามีหนัง
เข้าใหม่น่าดูไว้เดี๋ยวพวกผมจะชวนพี่ไปดูด้วยนะครับ ผมก็เลยได้คิดว่าเออ แค่เรื่องแบบนี้ก็ทำให้ผมสนิทกับเพื่อนร่วมงานได้เพิ่มขึ้นเหมือนกัน
นะ ผมคิดว่าเงิน 1900 ที่เสียไปกับค่าตัวหนัง 4 คนรอบนี้ถือว่าคุ้มทีเดียว ครั้งหน้าคิดไว้ว่าถ้าพาภรรยามาดูรอบหน้าจะขอรองนั่งดูที่นั่งแบบ
Ultimate IMAX ดูซะหน่อยอยากรู้ว่าพิเศษยังไง เห็นแยกไปดูเป็นส่วนตัวเชียว
ปล. ตอนแรกว่าจะเขียนเหมือนรีวิวหนังเขียนเฉพาะเกี่ยวกับตัวหนังแต่ไปๆมาๆกลายเป็นเหมือนไดอารี่การไปดูหนังของผมไปซะแล้ว ด้วยความ
ที่พิมพ์เพลินมันมือมาก มันเลยยาวมากไปหน่อยก็ขอบคุณคนที่อุตส่าห์อ่านจนจบนะครับ
ปล.2 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าค่อนข้างผิดหลักหน่อยนะครับ จริงๆต้องไม่เกิน 3 บรรทัด แต่อยากจะเขียนให้ครบทุกอย่างจริง
ปล.3 ผมไม่ได้เป็นามีที่กลัวภรรยานะครับ แต่ถือคติว่าชายใดให้เกียรติเมีย ชายผู้นั้นย่อมเจริญ
ขอบคุณครับ
มีข้อแนะนำมาว่าตัวหนังสือติดกันเกินไป ผมเลยแกไข้โดยลองเคาะเว้นบรรทัดให้ ไม่รู้จะทำอ่านง่ายกันขึ้นรึป่าวนะครับ
เพิ่งเขียนยาวๆอย่างนี้ครั้งแรก เขาใจเลยครับว่าคนเขียนพวกรีวิวนี่เขาตั้งใจจริงๆ ใครมีข้อเสนอแนะยังไงแนะนำได้นะครับ
ผมจะได้แก้ไขให้อ่านกันได้ง่ายๆกัน