ขอตั้งกระทู้นี้เป็นพื้นที่ระบายความรู้สึกสักนิดนะคะ
วันนี้เป็นวันที่เรารู้สึกแย่มากๆอีกหนึ่งวันค่ะ
ทั้งเหนื่อยกับทำงาน เหนื่อยกับเรื่องที่บ้าน เหนื่อยกับเรื่องของตัวเอง
เราต้องอยู่ทำโอที เพราะเจ้านายเพิ่งจะสั่งงานตอนห้าโมงเย็น แล้วบอกว่าช่วยทำให้เสร็จภายในคืนนี้ด้วยแล้วกันนะ เราก็ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานต่อค่ะ
แล้วก็มีโทรศัพท์จากพี่สาว นางโทรมาถามว่าจะกลับตอนไหน รีบๆกลับหน่อยเพราะเป็นห่วงบ้าน (เราไม่มีกุญแจประตูรั้วค่ะ นางเลยยังล็อคบ้านไม่ได้)
เราเลยบอกให้ล็อคลูกบิดประตูไว้ก่อน เพราะเรามีกุญแจ ส่วนประตูรั้วก็ปิดไว้ธรรมดานั่นแหละ เดี๋ยวเราทำงานเสร็จเราก็กลับแล้ว
แต่เราขัดใจตรงคำพูดของพี่เราประโยคนึงที่ว่า "ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ห่วงบ้าน บ้านยังไม่ได้ล็อค แล้วรีบๆกลับด้วยล่ะ จะนอนก็นอนไม่ได้เลยเนี่ย" ด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ(นางเหวี่ยงจนติดเป็นสันในของนางแล้วค่ะ)
คือเรารู้สึกแย่มาก ทั้งๆที่พี่ต้องพึ่งเราเรื่องเงินค่าใช้จ่ายในบ้าน เรื่องดูแลลูกของเค้าเอง พี่ควรจะพูดดีๆกับเรากว่านี้ใช่มั้ยคะ
เราก็พยายามสงบใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ จนประมาณห้าทุ่ม นางก็โทรมาอีก พร้อมน้ำเสียงหงุดหงิดกว่าเดิม กับประโยคเดิม จนเรารู้สึกแย่กว่าเดิมน่ะค่ะ
จริงๆเราอยากจะกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่มาก(พ่อกับแม่อยู่อีกบ้าน) แต่แม่ก็เห็นด้วยกับพี่ที่ว่ามาทำงานที่เดียวกับพี่ อยู่บ้านเดียวกับพี่ ช่วยเลี้ยงลูกเขาน่ะดีแล้ว แต่ในความรู้สึกเรา เราอึดอัดมากค่ะ ที่ต้องมาอยู่แบบนี้
(เราอายุห่างกับพี่สิบปี แม่ก็จะสอนตลอดว่า พี่แก่กว่าเรา มีอะไรก็ฟังเขา อย่าเถียงเขา
เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า จนเหมือนเราต้องยอมพี่ เสียสละให้พี่มาตลอดทั้งชีวิตเราแล้วค่ะ เพราะตั้งแต่จำความได้ พี่ไม่เคยเสียสละอะไรให้เราเลยแม้แต่ครั้งเดียว)
ทุกวันนี้เราต้องตื่นแต่เช้า จัดการอาบน้ำให้หลานๆแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งหลานที่โรงเรียนทุกวัน ค่าใช้จ่าย พวกของกินของใช้ เราก็ซื้อเข้าบ้านทุกสิ้นเดือน บางทีค่าขนมหลานๆเราก็ต้องเป็นคนให้ (จริงๆมันควรจะเป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อ-แม่ใช่มั้ยคะ)
เรายอมรับนะคะว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัว เราอยากจะออกมาอยู่คนเดียว ดูแลค่าใช้จ่ายให้เฉพาะพ่อแม่ แต่ก็ทำได้แค่ในความคิดค่ะ ความจริงนี่ต้องยอมพี่ตลอด บางครั้งแม่ก็มากล่อมเราให้เราอดทน บางทีก็โมโหตัวเองมากๆนะคะ ว่าทำไมต้องยอม ทำไมต้องทนอะไรแบบนี้
แล้วทุกวันนี้ ที่ต้องทำแบบนี้เหตุผลที่มำให้ลืมความเห็นแก่ตัวคือ เพราะสงสารหลานค่ะ เรามีหลานสามคน หลานชายคนโตเราอยู่ชั้นม.1 พี่สาวเราเวลาพูดกับลูกจะพูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ชอบตะคอกใส่ในทุกๆเรื่อง หรือแทบจะทุกๆครั้งที่ลูกพูดด้วย เราก็กลัวหลานจะเสียคน เพราะหลานอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ สิ่งแวดล้อมก็เอื้ออำนวยเหลือเกิน หลานคนกลางอยู่ชั้นอนุบาล 1 คนนี้จะพูดอะไรขัดใจไม่ได้เลย น้ำตาไหลมาตามสั่งค่ะ ส่วนคนเล็กสุด(ที่นางโอ๋สุดๆจนเด็กเสียนิสัยไปแล้ว)เพิ่งจะขวบครึ่งเองค่ะ คนนี้เวลาไม่ได้ดั่งใจอะไรก็ลงไปดิ้นกับพื้นแล้วกรี๊ดดดดๆๆๆเหมือนเจ็บปวดอ่ะค่ะ จนบางทีเราปวดหัวสุดๆ ทำอะไรไม่ได้เลย
แล้วช่วงนี้ชีวิตส่วนตัวของเรา เราโสดมานานแล้วค่ะ มีคนเข้ามาคุยบ้าง แต่ล่าสุดมีคนนึงเค้าเข้ามาคุยกับเราพักใหญ่ๆ แล้วก็หายไปเลย ติดต่ออะไรไม่ได้เลย จนเราเลิกรู้สึกดีกับเค้าไปแล้ว
แล้วเค้าก็กลับมาขอคุยกับเราอีกครั้ง ขอเริ่มใหม่ เราก็คิดอยู่ซักพักนะคะ ปรึกษาคนนู้นคนนี้ ทุกคนก็บอกว่าถ้าเค้าบอกเหตุผลที่หายไป ก็ลองให้โอกาสเค้าดูอีกทีสิ เราก็ให้โอกาสเค้าค่ะ แต่ก็เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว หายไปอีกแล้ว ติดต่อไม่ได้อีกแล้ว
จนบางทีเราก็มาคิดแล้วคิดอีกนะคะ ว่าเราไม่ดีพอใช่มั้ย หรือมันเป็นเวรกรรมอะไรที่ต้องโดนล้อเล่นกับความรู้สึกตลอด
ตอนนี้เราเลยรู้สึกมึนๆอึนๆกับหลายๆอย่างที่เข้ามาพร้อมๆกัน คือมันทั้งเบื่อ หงุดหงิด แถมยังจะมีเศร้าๆหงอยๆปนมาอีกนะคะ
แต่วันนี้ตอนที่เรากลับมาถึงบ้าน หมาที่เราเลี้ยงไว้ เค้าดูดีใจมากที่เห็นเราเปิดประตูบ้านเข้ามา วิ่งมาหาแล้วพอเรานั่งก็จะมาทิ้งตัวบนตักเรา อาการแบบดีใจสุดๆ ความรู้สึกตอนนั้นเราอยากจะร้องไห้ออกมาเลยนะคะ ทำงานเหนื่อยๆกลับบ้านมาดึกๆ สิ่งมีชีวิตที่ดีใจที่สุดที่เห็นเรากลับบ้านคือหมา มันช่วยทำให้ลืมความรู้สึกแย่ๆไปได้บ้างเหมือนกันนะคะ
จบการระบายแล้วล่ะค่ะ
นี่เป็นกระทู้ที่ยาวมาก เท่าที่เคยตั้งมา (เพิ่งตั้งมาไม่กี่กระทู้เอง แหะๆ)
ถ้าแท็กผิดห้องไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะคะ
แต่ขอแท็กในห้องจตุจักรนิดนึง เพราะคิดว่าคนที่มีสัตว์เลี้ยงน่าจะมีความรู้สึกแบบเดียวกัน เวลาเจอเรื่องแย่ๆแล้วกลับมาถึงบ้าน คนที่ออกมารับคุณคนแรก คนที่ดีใจที่สุดเวลาเห็นคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน คือสัตว์เลี้ยงของคุณใช่มั้ยคะ
ขอบคุณคนที่หลงเข้ามาและอ่านจนจบด้วยค่ะ แหะๆ
via
Pantip Talk
(กระทู้ระบายค่ะ) การเป็นฉันนี่มัน ... เฮ้อออ ...
วันนี้เป็นวันที่เรารู้สึกแย่มากๆอีกหนึ่งวันค่ะ
ทั้งเหนื่อยกับทำงาน เหนื่อยกับเรื่องที่บ้าน เหนื่อยกับเรื่องของตัวเอง
เราต้องอยู่ทำโอที เพราะเจ้านายเพิ่งจะสั่งงานตอนห้าโมงเย็น แล้วบอกว่าช่วยทำให้เสร็จภายในคืนนี้ด้วยแล้วกันนะ เราก็ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานต่อค่ะ
แล้วก็มีโทรศัพท์จากพี่สาว นางโทรมาถามว่าจะกลับตอนไหน รีบๆกลับหน่อยเพราะเป็นห่วงบ้าน (เราไม่มีกุญแจประตูรั้วค่ะ นางเลยยังล็อคบ้านไม่ได้)
เราเลยบอกให้ล็อคลูกบิดประตูไว้ก่อน เพราะเรามีกุญแจ ส่วนประตูรั้วก็ปิดไว้ธรรมดานั่นแหละ เดี๋ยวเราทำงานเสร็จเราก็กลับแล้ว
แต่เราขัดใจตรงคำพูดของพี่เราประโยคนึงที่ว่า "ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ห่วงบ้าน บ้านยังไม่ได้ล็อค แล้วรีบๆกลับด้วยล่ะ จะนอนก็นอนไม่ได้เลยเนี่ย" ด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ(นางเหวี่ยงจนติดเป็นสันในของนางแล้วค่ะ)
คือเรารู้สึกแย่มาก ทั้งๆที่พี่ต้องพึ่งเราเรื่องเงินค่าใช้จ่ายในบ้าน เรื่องดูแลลูกของเค้าเอง พี่ควรจะพูดดีๆกับเรากว่านี้ใช่มั้ยคะ
เราก็พยายามสงบใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ จนประมาณห้าทุ่ม นางก็โทรมาอีก พร้อมน้ำเสียงหงุดหงิดกว่าเดิม กับประโยคเดิม จนเรารู้สึกแย่กว่าเดิมน่ะค่ะ
จริงๆเราอยากจะกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่มาก(พ่อกับแม่อยู่อีกบ้าน) แต่แม่ก็เห็นด้วยกับพี่ที่ว่ามาทำงานที่เดียวกับพี่ อยู่บ้านเดียวกับพี่ ช่วยเลี้ยงลูกเขาน่ะดีแล้ว แต่ในความรู้สึกเรา เราอึดอัดมากค่ะ ที่ต้องมาอยู่แบบนี้
(เราอายุห่างกับพี่สิบปี แม่ก็จะสอนตลอดว่า พี่แก่กว่าเรา มีอะไรก็ฟังเขา อย่าเถียงเขา เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า จนเหมือนเราต้องยอมพี่ เสียสละให้พี่มาตลอดทั้งชีวิตเราแล้วค่ะ เพราะตั้งแต่จำความได้ พี่ไม่เคยเสียสละอะไรให้เราเลยแม้แต่ครั้งเดียว)
ทุกวันนี้เราต้องตื่นแต่เช้า จัดการอาบน้ำให้หลานๆแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งหลานที่โรงเรียนทุกวัน ค่าใช้จ่าย พวกของกินของใช้ เราก็ซื้อเข้าบ้านทุกสิ้นเดือน บางทีค่าขนมหลานๆเราก็ต้องเป็นคนให้ (จริงๆมันควรจะเป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อ-แม่ใช่มั้ยคะ)
เรายอมรับนะคะว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัว เราอยากจะออกมาอยู่คนเดียว ดูแลค่าใช้จ่ายให้เฉพาะพ่อแม่ แต่ก็ทำได้แค่ในความคิดค่ะ ความจริงนี่ต้องยอมพี่ตลอด บางครั้งแม่ก็มากล่อมเราให้เราอดทน บางทีก็โมโหตัวเองมากๆนะคะ ว่าทำไมต้องยอม ทำไมต้องทนอะไรแบบนี้
แล้วทุกวันนี้ ที่ต้องทำแบบนี้เหตุผลที่มำให้ลืมความเห็นแก่ตัวคือ เพราะสงสารหลานค่ะ เรามีหลานสามคน หลานชายคนโตเราอยู่ชั้นม.1 พี่สาวเราเวลาพูดกับลูกจะพูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ชอบตะคอกใส่ในทุกๆเรื่อง หรือแทบจะทุกๆครั้งที่ลูกพูดด้วย เราก็กลัวหลานจะเสียคน เพราะหลานอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ สิ่งแวดล้อมก็เอื้ออำนวยเหลือเกิน หลานคนกลางอยู่ชั้นอนุบาล 1 คนนี้จะพูดอะไรขัดใจไม่ได้เลย น้ำตาไหลมาตามสั่งค่ะ ส่วนคนเล็กสุด(ที่นางโอ๋สุดๆจนเด็กเสียนิสัยไปแล้ว)เพิ่งจะขวบครึ่งเองค่ะ คนนี้เวลาไม่ได้ดั่งใจอะไรก็ลงไปดิ้นกับพื้นแล้วกรี๊ดดดดๆๆๆเหมือนเจ็บปวดอ่ะค่ะ จนบางทีเราปวดหัวสุดๆ ทำอะไรไม่ได้เลย
แล้วช่วงนี้ชีวิตส่วนตัวของเรา เราโสดมานานแล้วค่ะ มีคนเข้ามาคุยบ้าง แต่ล่าสุดมีคนนึงเค้าเข้ามาคุยกับเราพักใหญ่ๆ แล้วก็หายไปเลย ติดต่ออะไรไม่ได้เลย จนเราเลิกรู้สึกดีกับเค้าไปแล้ว
แล้วเค้าก็กลับมาขอคุยกับเราอีกครั้ง ขอเริ่มใหม่ เราก็คิดอยู่ซักพักนะคะ ปรึกษาคนนู้นคนนี้ ทุกคนก็บอกว่าถ้าเค้าบอกเหตุผลที่หายไป ก็ลองให้โอกาสเค้าดูอีกทีสิ เราก็ให้โอกาสเค้าค่ะ แต่ก็เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว หายไปอีกแล้ว ติดต่อไม่ได้อีกแล้ว
จนบางทีเราก็มาคิดแล้วคิดอีกนะคะ ว่าเราไม่ดีพอใช่มั้ย หรือมันเป็นเวรกรรมอะไรที่ต้องโดนล้อเล่นกับความรู้สึกตลอด
ตอนนี้เราเลยรู้สึกมึนๆอึนๆกับหลายๆอย่างที่เข้ามาพร้อมๆกัน คือมันทั้งเบื่อ หงุดหงิด แถมยังจะมีเศร้าๆหงอยๆปนมาอีกนะคะ
แต่วันนี้ตอนที่เรากลับมาถึงบ้าน หมาที่เราเลี้ยงไว้ เค้าดูดีใจมากที่เห็นเราเปิดประตูบ้านเข้ามา วิ่งมาหาแล้วพอเรานั่งก็จะมาทิ้งตัวบนตักเรา อาการแบบดีใจสุดๆ ความรู้สึกตอนนั้นเราอยากจะร้องไห้ออกมาเลยนะคะ ทำงานเหนื่อยๆกลับบ้านมาดึกๆ สิ่งมีชีวิตที่ดีใจที่สุดที่เห็นเรากลับบ้านคือหมา มันช่วยทำให้ลืมความรู้สึกแย่ๆไปได้บ้างเหมือนกันนะคะ
จบการระบายแล้วล่ะค่ะ
นี่เป็นกระทู้ที่ยาวมาก เท่าที่เคยตั้งมา (เพิ่งตั้งมาไม่กี่กระทู้เอง แหะๆ)
ถ้าแท็กผิดห้องไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะคะ
แต่ขอแท็กในห้องจตุจักรนิดนึง เพราะคิดว่าคนที่มีสัตว์เลี้ยงน่าจะมีความรู้สึกแบบเดียวกัน เวลาเจอเรื่องแย่ๆแล้วกลับมาถึงบ้าน คนที่ออกมารับคุณคนแรก คนที่ดีใจที่สุดเวลาเห็นคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน คือสัตว์เลี้ยงของคุณใช่มั้ยคะ
ขอบคุณคนที่หลงเข้ามาและอ่านจนจบด้วยค่ะ แหะๆ
via Pantip Talk