การเขียนบันทึกนั้นมีอาจจะประโยชน์มากกว่าที่คิด!!!

เมื่อผมจัดการกับงานที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วเสร็จเมื่อใด เมื่อนั้นผมก็จะเริ่มเขียนบันทึก
เขียนใส่สมุดบ้าง พิมพ์ลงคอมฯบ้าง ตามแต่โอกาสและสถานที่จะอำนวย
ทำอย่างนี้หลายปี ... เริ่มจากความชอบ จนตอนนี้กลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว

เมื่อเริ่มเขียนบันทึกแรกๆ บ่อยครั้งที่ผมถามตัวเองว่า ... เขียนบันทึกแล้วได้อะไร ?

นั่นสิ ... เขียนแล้วได้อะไร ?

การเขียนบันทึกเป็นการเก็บความทรงจำและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลานั้นๆ
ให้อยู่ในรูปตัวหนังสือ ตัวอักษร ... เมื่อเวลาผ่านไป ก็หยิบบันทึกเหล่านั้นขึ้นมาดู
เราก็จะพบว่าทีผ่านมาเราเคยเป็นอย่างไร เคยรู้สึกอย่างไร เคยคิดอย่างไร

สำหรับผม ...

บันทึกเหล่านั้นคือครูที่แสนประเสริฐ คือประสบการณ์ที่แสนมีค่าที่เราประสบพบมา
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปบทเรียนเหล่านี้อาจจะลืมเลือนไปตามกาลเวลา ถ้าเราไม่บันทึกมัน



อย่างเช่นเรื่องนี้ ... ถ้าผมไม่เก็บความทรงจำไว้ในรูปภาพถ่ายและการเขียนบันทึก
อีกไม่นานผมคงจะจำมันไม่ได้และลืมเลือนมันไปในที่สุด

ผมเริ่มเขียนบันทึกจริงจังเมื่อครั้งที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย
ชีวิตช่วงนั้นมันเต็มที่ในหลายๆด้านโดยเฉพาะในเรื่อง “ความอิสระ” และ “ข้อจำกัด”
อยากแสวงหาความท้าทายอะไรบางอย่าง คิดได้ดังนั้นก็เริ่มวางแผน
เตรียมตัว เตรียมใจ และ เตรียมเงิน เมื่อครบถ้วน

ก็สะพายเป้ขึ้นบ่าแล้วโบกรถไปเที่ยวเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนคนเดียว 10 วัน
ปาย – ห้วยน้ำดัง – ปางอุ๋ง – แม่ฮ่องสอน – ขุนยวม – ทุ่งดอกบัวตอง – แม่เสรียง – เชียงใหม่


ผมเขียนบันทึกการเดินทางไว้ในสมุด ว่างที่ตอนไหนเขียนตอนนั้น เขียนไปเรื่อยๆ ตลอด 10 วัน


ภาพนี้พึ่งโบกรถลงมาจากปางอุ๋งถึงปากทาง และ กำลังใช้ความพยายามโบกรถไปสถานีต่อไป ... แม่ฮ่องสอน


สนุกสนานและเร้าใจตลอดทาง ได้อารมณ์ศิลปินมากกก ระหว่างทางก็มิตรภาพดีดีมากมาย
เจอเรื่องราวและเหตุการณ์เยอะแยะมาก เช่น ราววันที่สี่ผมจะไปทุ่งดอกบัวตอง อ.ขุนยวม
แผนที่ที่เอาไปมันไม่ละเอียด หลังจากโบกรถได้แล้วก็ลงผิดที่ ลงมาปุ๊ปก็งง ไหนว่ะทางเข้า
ถามไปถามมา ชาวบ้านบอกทางนี้ไปไม่ได้ มันเป็นทางเข้าหมู่บ้านชาวเขา ต้องอ้อมไปอีกทาง
ตอนนั้น เย็นมากแล้ว เลยไปขอนอนที่โรงพักตำรวจ สรุปโดนร้อยเวรสอบสวนกว่าครึ่งชั่วโมง
แกกลัวว่าผมมาขนยา หลังจากแถลงไขพี่ตำรวจก็ปล่อยตัวมา นอนที่นี่ท่าคงไม่เข้าท่า
เดินดุ่มๆไปอีกหลายกิโลฯไปเจอที่ทำการเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเลยขอกลางเต้นท์นอนที่นั่น
พี่เขาใจดีมาก ให้เข้ามานอนข้างในเลย ที่นี่คลาสสิคมาก มีแต่สุขา ไม่มีที่อาบน้ำ
ต้องเดินตัดหมู่บ้านไป เพื่อไปอาบน้ำในลำธาร ... น้ำเย็นมากกก … อาบไปเสียวไป ...


ภาพห้องน้ำธรรมชาติแบบ Open Air ในวันนั้น ... ของเค้าดีจริงๆแต่หนาวมว๊ากกก (เดือน พ.ย.)


แต่จนแล้วจนรอดในคืนที่เก้าก็ได้ไปแอบนอนที่โรงพักตำรวจนอยู่ดี
ยามนั้นเงินก็ไม่ค่อยมี มองไปมองมา นอนที่นี่ล่ะ ประหยัดและปลอดภัยที่สุดแล้ว 555+


แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก ... ที่ผมทำบันทึกเล่มนั้นหาย ... หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ... เหลือไว้แต่ภาพถ่ายไม่กี่ใบ!!!


เดาว่าน่าจะหายตอนเรียนจบย้ายของกลับบ้าน ผมอยากจะรำลึกความหลังนำเรื่องนี้มาเขียนใหม่
แต่ถ้าจะเขียนจริงๆ คงต้องใช้เวลาเขียนและต้องนั่งนึกกันยาวๆเลยทีเดียว


แถนอกเรื่องไปเสียไกลเลย ... กลับมาเรื่องการเขียนกันต่อ ...
หลังจากนั้นผมก็เริ่มเขียนนู่นนี่เรื่อยเปื่อยลง Hi5 ตัวเอง แล้วก็หยุดเขียนไป
แต่เพื่อนท่านหนึ่งก็ยุให้เขียนต่อบอกว่ามีประโยชน์อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าเราเป็นเช่นไรในอดีต
เลย หันมาเขียนใน Facebook ตัวเองต่อ เพื่อนท่านก็ดีแสนดี เปิดบล็อกให้บล็อกหนึ่ง
บล็อกนั้นไม่ค่อยได้เขียนเท่าไหร่ นานๆเขียนทีหนึ่ง เลยปิดบล็อกนั้นไป
แล้วก็ขอมาเขียนรวมกับในบล็อกของเพื่อนแทน เพื่อนก็ใจดีอีก ไม่ว่าอะไรซะงั้น!!!
(ที่จริงอาจจะโดนด่าก็ได้แต่เขาคงไม่ได้บอกเรา 555+) เขียนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เขียนในบล็อกของเพื่อนปีนี้เข้าปีที่สามแล้ว เล่านู่นนี่นั่นไปเรื่อยๆ
ถ้านับรวมการเขียนปีนี้ก็ปีที่ 5 ผมเขียนมาเรื่อยๆแล้วรวมได้ร้อยกว่าบท (ยาวบางสั้นบ้าง)


เมื่อผมย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวเก่าๆ

ผมเคยเขียนถึงกิจการอสังหาริมทรัพย์และกิจการบ้านเช่าที่เขียนไว้เมื่อสี่ปีก่อน
จากอ่านดูแล้วพบความผิดพลาดจากการวิเคราะห์เยอะมากๆ ในการวิเคราะห์ตอนนั้น
ตัวเลขที่ใช้ดิบเกินไป ต้นทุนต่ำเกินจริงไปมาก ไม่ละเอียด แต่ก็มาถูกทางบ้าง

กลับไปอ่านเรื่องร้านกิ๊ฟช็อปตอนแรก ตอนที่ 1 ตอนเซ้งร้านมาด้วยเงินสองแสน
กว่าสามสิบกว่าตอนที่เขียนเรื่องนี้ก็มีเรื่องราวใหม่ๆให้ผมได้เรียนรู้มากมาย
ตอนนี้ผ่านไปเกือบสองปี เพิ่งขยายกิจการเป็นสองห้อง ขายเครื่องเขียนด้วย

บทหนึ่งผมเขียนถึงภรรยาเมื่อตอนที่เรายังไม่แต่งงานกัน สามปีผ่านไปผมย้อนกลับไปอ่าน
ผมจึงเขียนเนื้อหาต่อเข้าไปเขียนเรื่องลูกเพิ่มเข้าไป ผ่านไปหลายวันจนภรรยามาอ่านในบล็อก
ผมกลับมาจากทำงานเธอมองผมแล้วหัวเราะ ยิ้ม น้ำตาคลอเบ้าแล้วก็เข้ามากอดผมซะงั้น!!!
ผมเดาว่ามันคงทำให้เธอย้อนนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่ผ่านมา


นอกจากผมเขียนลงในบล็อกแล้ว ผมได้นำเรื่องที่ผมเขียนมาลงในเวปบอร์ดสาธารณะ Pantip
ลงมาเรื่อยๆหลายบท หลากหลายแนว แต่โดยมาจะออกแนว การบริหารและประกอบกิจการ
บางบท ผู้อ่านหลายๆท่านเห็นว่าเรื่องราวมีประโยชน์จึงช่วยกันโหวต ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ
ซึ่งผมก็ตื่นเต้น และ ดีใจทุกครั้งที่หลายๆท่านชอบเรื่องราวที่ผมเขียนขึ้น ที่บันทึกไว้
และดีใจมากที่งานเขียนของผมมีส่วนช่วยสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นๆได้ นำไปต่อยอดได้
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ได้โพสลงในเวปบอร์ดที่ซึ่งสามารถให้ผู้เขียนและผู้อ่านคุยแลกเปลี่ยนแนวคิดกันได้กันได้
ทำให้มีผู้รู้มากมายเข้ามาถ่ายทอด สะท้อนแนวคิด และ เปิดโลกทัศน์ของผมอีกด้วย
ซึ่งทุกท่านล้วนแล้วแต่ทำให้ผมเปิดมุมมองได้กว้างมากขึ้นลุ่มลึกมากขึ้น


สุดท้ายนี้ ... ผมอยากให้ทุกๆท่านลองและเริ่มเขียนบันทึกกันดูนะครับ
เพราะผมคิดว่าการเขียนบันทึกนั้น มีประโยชน์มากกว่าที่ “ผมเคยคิด” ไว้เยอะเลย



ขอให้มีความสุขกับการเขียนนะครับ



…[^_^]…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่