ท่านผู้มีอันจะกินทั้งหลาย โปรดเห็นใจชาวนาด้วยเถอะค่ะ ด้วยการอย่าทำลายความน่าเชื่อถือของข้าวไทยที่พวกคุณกินกันมาตั้งแต่เกิด
ดิฉันจำได้ ตั้งแต่เรียนชั้นประถม คุณครูบอกว่า อาหารหลักของคนไทยคือข้าว ประเทศไทยผลิตข้าวสำหรับบริโภคภายในประเทศได้
อย่างเพียงพอ ที่เหลือจากการบริโภคก็ส่งออกและนำเงินเข้าประเทศมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น ข้าว จึงเป็นสินค้าเศรษฐกิจสำคัญ
ที่หล่อเลี้ยงประเทศไทย และคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ตอนนี้ ข้าว อาจจะไม่ใช่พืชเศรษฐกิจที่ทำเงินมากเป็นอันดับหนึ่ง
เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังคงเป็นสินค้าเกษตรที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศมากเป็นอันดับต้นๆเหมือนเดิม
แต่ท่านผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ทราบไหมคะว่า ข้าวแต่ละเม็ดที่ท่านกำลังรับประทานอยู่นี้ ได้มาด้วยความลำบากยากเข็ญของชาวนา ซึ่ง
เป็นผู้ผลิตข้าวให้ท่านได้รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยนั้น มากมายแค่ไหน .... ดิฉันเป็นลูกชาวนา ...ดิฉันรู้ซึ้งดี....
รายได้ของชาวนา ก็มาจากการทำนา "ข้าว" เป็นพืชที่อ่อนไหวปลูกยาก จะเจริญงอกงามและให้ผลผลิตที่ดี ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติ
หลายอย่าง ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ ลม และแสงแดด ข้าวบางพันธุ์จะให้ผลผลิตดี ต้องได้รับแสงแดด
ที่เหมาะสมเท่านั้น ข้าวบางพันธุ์ให้ผลผลิตดีต้องปลูกในสภาพดินที่เป็นกรดอ่อนๆ ส่วนน้ำนั้น ทุกท่านคงทราบดีว่ามีความสำคัญต่อข้าว
เป็นอย่างยิ่ง นาผืนไหนน้ำน้อยข้าวก็ตาย นาผืนไหนน้ำท่วมข้าวก็ตาย และต้นข้าวยังมีช่วงอายุที่ต้องการน้ำมาก หรือ ต้องการน้ำน้อย
หรือไม่ต้องการน้ำเลย
เมื่อต้นข้าวออกรวงเมล็ดแก่เพียงพอต่อการเก็บเกี่ยวชาวนาก็ต้องรีบเก็บเกี่ยว ไม่อย่างนั้น หากเจอลมที่พัดแรงเมล็ดข้าวก็ร่วงเสียหาย หรือ
เจอกับแสงแดดร้อนแรงเมล็ดข้าวแก่จัดเก็บเกี่ยวไม่ทันก็ร่วงหล่นเสียหาย หากเมล็ดข้าวแก่จัดเมื่อสีออกมาเป็นข้าวสาร เมล็ดข้าวจะหัก
ขายไม่ได้ราคา แต่ถ้าหากชาวนารีบเก็บเกี่ยวเสียก่อนที่ข้าวจะสุกพอดี ความชื้นในข้าวก็สูง ขายก็ไม่ได้ราคาอีกเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า การที่ชาวนาต้องสู้กับปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เช่น ปรับสภาพดิน ปรับสภาพน้ำ ปรับสภาพแสงแดด (อุณหภูมิ) นั้น เป็นสิ่งที่ยาก
และต้องใช้การลงทุนที่สูงมาก ทั้งยังมีต้นทุนด้านแรงงาน ค่าเสียเวลาและค่าเสียโอกาสอีก การที่ชาวนาต้องหลังขดหลังแข็ง ไถคราด
หว่านกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยวข้าวนั้น ต้องใช้ความอดทน และ เหน็ดเหนื่อยมากมาย
ในอดีตที่ผ่านมา ก่อนรัฐบาลนายกฯทักษิณ ภาครัฐไม่ค่อยให้ความสำคัญกับชาวนาเท่าที่ควร ชาวนาขายข้าวได้ไม่เกินตัน (เกวียน)ละ
10,000 บาท แต่ต้นทุนของการทำนานั้นมากเกินกว่าราคาขายเป็นหลายเท่า จนชาวนาไม่อยากนำมาคิดให้เกิดความท้อถอยหรือหมด
กำลังใจเสียเอง สู้อุตส่าห์กัดฟัน อดทน ด้วยความหวังและรอคอย รอคอยว่า ... ซักวันหนึ่ง พวกเขาจะได้รับความเหลียวแล
จากทางภาครัฐบ้าง ... เมื่อถึงวันนั้น พวกเขาคงลืมตาอ้าปากได้
...... และ นี่คือเหตุผลว่าทำไม ... ชาวนาไทยส่วนใหญ่ยังยากจน ........
เมื่อมาถึงวันนี้ ... วันที่ภาครัฐมีนโยบายรับจำนำข้าว เพื่อช่วยเหลือโอบอุ้มชาวนาขึ้นมาบ้าง .... ทำไม ... ยังมีคนบางกลุ่มบางพวกคอย
คัดค้าน ขัดแข้งขัดขา หรือเป็นเพียงเพราะอคติบังตาและมองแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคนที่ปล่อยข่าวลือทำลาย
ความน่าเชื่อถือของข้าวไทย รวมถึงผู้สนับสนุนและช่วยกระจายข่าวความเลวร้ายนี้ให้แพร่หลายออกไปเป็นวงกว้าง .... ก็เปรียบเสมือน
ทุบหม้อข้าวของตัวเอง และ การกระทำดังกล่าวเปรียบเสมือนเป็นคนเนรคุณแผ่นดินได้หรือไม่ ??

+ + + + เสียงจาก...ลูกชาวนา + + + +
ดิฉันจำได้ ตั้งแต่เรียนชั้นประถม คุณครูบอกว่า อาหารหลักของคนไทยคือข้าว ประเทศไทยผลิตข้าวสำหรับบริโภคภายในประเทศได้
อย่างเพียงพอ ที่เหลือจากการบริโภคก็ส่งออกและนำเงินเข้าประเทศมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น ข้าว จึงเป็นสินค้าเศรษฐกิจสำคัญ
ที่หล่อเลี้ยงประเทศไทย และคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ตอนนี้ ข้าว อาจจะไม่ใช่พืชเศรษฐกิจที่ทำเงินมากเป็นอันดับหนึ่ง
เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังคงเป็นสินค้าเกษตรที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศมากเป็นอันดับต้นๆเหมือนเดิม
แต่ท่านผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ทราบไหมคะว่า ข้าวแต่ละเม็ดที่ท่านกำลังรับประทานอยู่นี้ ได้มาด้วยความลำบากยากเข็ญของชาวนา ซึ่ง
เป็นผู้ผลิตข้าวให้ท่านได้รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยนั้น มากมายแค่ไหน .... ดิฉันเป็นลูกชาวนา ...ดิฉันรู้ซึ้งดี....
รายได้ของชาวนา ก็มาจากการทำนา "ข้าว" เป็นพืชที่อ่อนไหวปลูกยาก จะเจริญงอกงามและให้ผลผลิตที่ดี ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติ
หลายอย่าง ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ ลม และแสงแดด ข้าวบางพันธุ์จะให้ผลผลิตดี ต้องได้รับแสงแดด
ที่เหมาะสมเท่านั้น ข้าวบางพันธุ์ให้ผลผลิตดีต้องปลูกในสภาพดินที่เป็นกรดอ่อนๆ ส่วนน้ำนั้น ทุกท่านคงทราบดีว่ามีความสำคัญต่อข้าว
เป็นอย่างยิ่ง นาผืนไหนน้ำน้อยข้าวก็ตาย นาผืนไหนน้ำท่วมข้าวก็ตาย และต้นข้าวยังมีช่วงอายุที่ต้องการน้ำมาก หรือ ต้องการน้ำน้อย
หรือไม่ต้องการน้ำเลย
เมื่อต้นข้าวออกรวงเมล็ดแก่เพียงพอต่อการเก็บเกี่ยวชาวนาก็ต้องรีบเก็บเกี่ยว ไม่อย่างนั้น หากเจอลมที่พัดแรงเมล็ดข้าวก็ร่วงเสียหาย หรือ
เจอกับแสงแดดร้อนแรงเมล็ดข้าวแก่จัดเก็บเกี่ยวไม่ทันก็ร่วงหล่นเสียหาย หากเมล็ดข้าวแก่จัดเมื่อสีออกมาเป็นข้าวสาร เมล็ดข้าวจะหัก
ขายไม่ได้ราคา แต่ถ้าหากชาวนารีบเก็บเกี่ยวเสียก่อนที่ข้าวจะสุกพอดี ความชื้นในข้าวก็สูง ขายก็ไม่ได้ราคาอีกเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า การที่ชาวนาต้องสู้กับปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เช่น ปรับสภาพดิน ปรับสภาพน้ำ ปรับสภาพแสงแดด (อุณหภูมิ) นั้น เป็นสิ่งที่ยาก
และต้องใช้การลงทุนที่สูงมาก ทั้งยังมีต้นทุนด้านแรงงาน ค่าเสียเวลาและค่าเสียโอกาสอีก การที่ชาวนาต้องหลังขดหลังแข็ง ไถคราด
หว่านกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยวข้าวนั้น ต้องใช้ความอดทน และ เหน็ดเหนื่อยมากมาย
ในอดีตที่ผ่านมา ก่อนรัฐบาลนายกฯทักษิณ ภาครัฐไม่ค่อยให้ความสำคัญกับชาวนาเท่าที่ควร ชาวนาขายข้าวได้ไม่เกินตัน (เกวียน)ละ
10,000 บาท แต่ต้นทุนของการทำนานั้นมากเกินกว่าราคาขายเป็นหลายเท่า จนชาวนาไม่อยากนำมาคิดให้เกิดความท้อถอยหรือหมด
กำลังใจเสียเอง สู้อุตส่าห์กัดฟัน อดทน ด้วยความหวังและรอคอย รอคอยว่า ... ซักวันหนึ่ง พวกเขาจะได้รับความเหลียวแล
จากทางภาครัฐบ้าง ... เมื่อถึงวันนั้น พวกเขาคงลืมตาอ้าปากได้
...... และ นี่คือเหตุผลว่าทำไม ... ชาวนาไทยส่วนใหญ่ยังยากจน ........
เมื่อมาถึงวันนี้ ... วันที่ภาครัฐมีนโยบายรับจำนำข้าว เพื่อช่วยเหลือโอบอุ้มชาวนาขึ้นมาบ้าง .... ทำไม ... ยังมีคนบางกลุ่มบางพวกคอย
คัดค้าน ขัดแข้งขัดขา หรือเป็นเพียงเพราะอคติบังตาและมองแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคนที่ปล่อยข่าวลือทำลาย
ความน่าเชื่อถือของข้าวไทย รวมถึงผู้สนับสนุนและช่วยกระจายข่าวความเลวร้ายนี้ให้แพร่หลายออกไปเป็นวงกว้าง .... ก็เปรียบเสมือน
ทุบหม้อข้าวของตัวเอง และ การกระทำดังกล่าวเปรียบเสมือนเป็นคนเนรคุณแผ่นดินได้หรือไม่ ??