คิดอย่างไรกับ ค่าสินสอด ในการแต่งงาน ครับ

กระทู้คำถาม
พี่ชายผม คบกับแฟน มา ก็หลายปีดีดัก

หลังๆมา ด้วยอายุ ก็เยอะแล้ว คบกันมาก็นาน หน้าที่การงานก็เริ่มดีขึ้น

ก็จึงคิดเรื่องแต่งงาน ก็เปรยๆกับแฟนเค้าว่า ถ้าแต่งกัน พ่อแม่ ฝั่ง พี่ ผญ. จะเรียกสินสอดเท่าไหร่

พี่ ผญ. เค้าก็ไปคุยๆกับทางบ้านเค้า

ปรากฎว่า เค้าจะเรียกค่าสินสอด เงินสด 1 ล้าน ทอง 10 บาท

พี่ผมมารู้ ก็เริ่มเครียดละครับ ตอนแรกๆ ก็คิดว่าพูดเล่น แต่พี่ ผญ. ก็บอกว่า

ทางบ้านเค้าอ่ะเลี้ยงมาดี กิน ใช้ แต่ ของดีๆ ทั้งนั้น

ผมรู้เรื่องนี้เข้า เพราะพี่มาคุยกับพ่อแม่ ก็ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยนะครับ

ก็เข้าใจแหละครับ ว่า เป็นธรรมเนียม ประเพณี ที่ปฎิบัติมาอย่างยาวนาน

ใช่ครับ พ่อแม่ ทาง พี่ ผญ. เค้าเลี้ยง มา ก็ต้องได้รับค่าสินสอดเป็นธรรมดา

แต่พี่ชายผม พ่อแม่ ผม ก็เลี้ยงมาเหมือนกัน แม้จะไม่ได้กินไม่ได้ใช้ของดีมากมาย  แต่แบบนี้ ผมดูว่าไม่ยุติธรรม สำหรับ ผช.เอาซะเลย

ครอบครัวผมก็ใช่ว่าจะมีฐานะมากมาย พี่ชายก็ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน

ตอนนี้ก็พอมีเงินออมบ้าง แต่ถ้าจะให้ 1 ล้าน คงได้แต่งตอน 40 นี่ยังไม่นับทอง แหวน ค่าจัดงาน อีกนะ

ในความเห็นส่วนตัวผมนะคิดว่า สินสอดทองหมั้น เนี่ย มันตัวแปรของความรักหนุ่มสาวชัดๆ

บางคนอาจคิดว่าผมเห็นแก่ตัว ว่า เรื่องแค่นี้ ทำเพื่อคนที่เรารักไม่ได้

แต่คิดในทางกลับกัน จะมีใครเห็นใจฝ่ายชายที่ต้องอดต้องหา บ้างมั๊ย คิดแต่ว่า จะเอาสินสอดอย่างเดียว

เป็นหน้าเป็นตาพ่อแม่ ฝ่าย ญ

และทาง พี่ ผญ. เค้าก็ไม่ได้มีความคิดจะช่วยกันเก็บออม เอาซะเลย

เห้อ ถ้าผมเจอแบบนี้ ละก็ พอ ไม่ต่งไม่แต่งมันละ อยู่กันไปเงี้ยแหละ

ปล. ความคิดผมอาจจะขัดใจ ใคร ก็ขออภัย ด้วยครับ พอดีผมเห็นพี่ผมเครียดก็ไม่สบายใจ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ในมุมมองของผู้ชาย...ผมคิดว่าผมคือผู้นำครอบครัวในอนาคต หลังแต่งงาน...ผมถือสิทธิว่าผู้หญิงที่ผมแต่งงานด้วยจะกลายเป็นคนของผม เพราะฉะนั้นคนที่ผมเลือก ผมต้องดูแลเขาได้ดีพอจนพ่อแม่เขาเกรงใจผมและครอบครัวผม การที่เขาจะเข้ามาก้าวก่ายครอบครัวในอนาคตของผมเขาจะต้องคิดก่อนกระทำเรื่องใดๆลงไปครับ

ค่าสินสอดคือวิธีการหนึ่งในการแสดงสิทธิในตัวภรรยา ผมไม่ได้มองในแง่ของการแต่งงาน แต่มองในแง่ของการอยู่ร่วมกันระหว่างผมและครอบครัวภรรยาในอนาคต ครอบครัวฝ่ายหญิงต้องทราบว่า...ในบางเรื่อง(เน้นว่าบางเรื่อง) พวกเขาจะเข้ามาวุ่นวายกับลูกสาวซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของฝ่ายชายไม่ได้...และภรรยาผมจะคิดแต่ในส่วนของครอบครัวตัวเองไม่ได้ แต่ต้องมองเลยไปถึงครอบครัวของผมด้วย...

การหาเงินมาแต่งงานเหมือนเกมส์ๆหนึ่งที่ต้องผ่านไปให้ได้ ส่วนตัวผมเวลาอยู่ในภาวะการแข่งขัน ผมมักจะตื่นเต้นและรู้สึกสนุกกับสิ่งเหล่านี้เสมอ มันเหมือนกับการเดิมพันครับเลยไม่ได้มองว่ามันหนักหนาจนทำไม่ได้ (อาจจะเพราะผมเลือกเกมส์ที่มองแล้วว่ามี%ที่จะชนะ เหมาะกับตัวผม ไม่ง่ายเกินและไม่ยากเกินกำลังถ้าพยายาม) หากทำไม่ได้จริงผมก็ไม่คิดจะแต่งงาน ถือว่าตัวเองความสามารถไม่ถึง

สำหรับชีวิตคู่นอกเหนือจากความรักแล้วความเหมาะสมคือรากฐานของการรักษาความสัมพันธ์ และเงิน ความสะดวกสบายก็คือส่วนหนึ่งจากองค์ประกอบทั้งหมดของความเหมาะสม ถ้ารากฐานไม่มั่นคง...ผมไม่คิดจะสร้างบ้านครับ เพราะมันเหมือนกับปลูกบ้านแบบไม่ได้ตอกเสาเข็ม (เสาเข็มในที่นี้คือความเกรงใจจากครอบครัวของภรรยา)

เห็นมาหลายครอบครัวแล้วที่หลังจากแต่งงานกันไป พ่อแม่ฝ่ายหญิงเข้ามาวุ่นวายแบบไร้ความเกรงใจสามีและครอบครัวสามี โดยเอาสาเหตุเรื่องเงินเข้ามาเป็นปัจจัย โดยให้เหตุผลว่ากลัวลูกสาวจะอยู่แบบลำบาก จนสุดท้ายครอบครัวต้องอยู่แบบอึดอัดจนไม่เหมือนกับครอบครัว สามีอึดอัดใจที่พ่อตาแม่ยายเจ้ากี้เจ้าการแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะตัวเองก็ดูแลภรรยาไม่ได้ดีเท่ากับที่พ่อแม่เธอดูแล หนักเข้าวุ่นวายกับลูกสาวไม่พอลามมาถึงหลาน ถึงตรงนี้มันจะพัง

ความเกรงใจระหว่างกันคือสิ่งสำคัญ กับภรรยาผมอาจจะยอมเพราะผมรัก พ่อแม่ภรรยาผมอาจจะยอมในบางเรื่องเพราะพวกท่านคือพ่อแม่ของภรรยา แต่ก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ผมรับได้ ไม่ล้ำเส้นจนเกินไป อย่างเรื่องลูก ท่านจะเข้ามาวุ่นวายได้แต่ในเฉพาะกรณีที่ผมรับได้ ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะลูกผม...ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับผม... นี่คือเหตุผลที่ผมคิดว่า สินสอดและการแต่งงานคือเรื่องสำคัญ นอกจากจะประกาศให้คนนอกรับทราบ คนในต้องรับรู้ขอบเขตของตนนับจากวันแต่งงานด้วย



ปล. ผมใช้ล็อคอินแฟนตอบนะครับ ความเห็นส่วนตัวครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่