.....มีเรื่องจะเล่าสู่กันฟังว่าตั้งแต่ออกมาทำธุรกิจนี่ มีเรื่องปกติธรรมดาที่จะต้องเจอและต้องทำใจให้ได้คือ “การถูกปฏิเสธ” หรือการถูกเซย์โน “Say No” นั่นเอง ...ซึ่งคำว่า “No” คำว่า “ไม่” เป็นเหมือนพลังงานขั้วลบที่พอได้ยินแล้วมันจี๊ดใจมาก บางคนได้ยินแล้วใจสั่น ท้อแท้ ถึงขั้นท้อถอยในบางครั้ง ...ไม่ว่า say no ที่จะซื้อ, say no ที่จะขายให้เรา, say no ที่จะช่วย, say no ที่จะให้ และอีกมากมาย say no ที่เราจะต้องพบเจอจากผู้คนมากมายหลากหลาย ...ยิ่งเรายังใหม่ ยังเล็ก ยังโนเนม หรือเรียกง่ายๆ ว่ายังกระจอกอยู่ รับประกันว่าเจอจนชินแน่ๆ ค่ะ
.....และหลายๆ ครั้ง คำว่า say no นั้นก็ออกมาจากปากคนคุ้นเคย มาจากเพื่อน จากคนที่เราคาดหวังว่าจะต้องช่วยเราแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเสมอไปค่ะ บางครั้งคนคุ้นเคยเหล่านี้ก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเราอย่างที่คิด ...เพราะบางครั้งเขาอาจยังไม่พร้อมที่จะช่วย หรือพร้อมแต่ยังไม่อยากช่วยซึ่งมันก็เกิดขึ้นได้ทั้ง 2 กรณี จงอย่ามัวแต่ท้อแท้ สิ้นหวัง ให้มองหาทางอื่น ...อย่ามัวแต่จ่อมจมกับปัญหา ให้เอาคำกล่าวของไอน์สไตน์ที่ว่า “คุณไม่สามารถใช้สติปัญญาระดับเดียวกันกับตอนที่สร้างปัญหา มาใช้แก้ปัญหานั้นได้ : You can’t solve a problem with the same mind that created it – Albert Einstein” มาใช้ ...นั่นหมายถึงเมื่อคุณยกระดับสติปัญญาของคุณได้แล้วคุณจึงจะแก้มันได้ คุณต้องใช้สติปัญญาอย่างรอบคอบมากขึ้น ใจเย็นขึ้น นิ่งขึ้น วิเคราะห์หาข้อมูลมากขึ้นเพื่อที่จะตีโจทย์ให้แตกและมองหาหนทางอื่นๆ มาช่วยแก้ปัญหาของคุณ
.....ส่วนใครที่มีคนคุ้นเคยและเพื่อนช่วยเหลือเป็นอย่างดีอยู่แล้ว นับว่าคุณโชคดีมากๆ ยิ่งกว่าถูกรางวัลใหญ่ เพราะมีเงินลงทุนเยอะหากใช้ไม่เป็นก็มีวันหมด ...แต่คำแนะนำและน้ำใจจากเพื่อนมันมีคุณค่าอย่างประเมินมิได้ และมีมากมายหลายรูปแบบไม่จำกัดเฉพาะในรูปแบบของเงิน ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำ สายสัมพันธ์ สายป่านไปยังจุดอื่นๆ ที่นำพาเราไปสู่ความเจริญก้าวหน้า มีเพื่อนแบบนี้ต้องตอบแทนกลับด้วยน้ำใจไปเช่นกัน ...โดยส่วนตัวเราก็เป็นคนโชคดีมากเลยค่ะ เรามีเพื่อนและคนคุ้นเคยที่ปรารถนาดีคอยให้ความรู้และคำแนะนำอยู่เสมอ สิ่งเหลานี้ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
.....และในหลายๆ ครั้งเช่นกันที่ความช่วยเหลือกลับได้มาจากคนที่เราไม่เคยคาดหวังเลยด้วยซ้ำ เช่น เป็นคนที่เคยรู้จักมานานแล้วแต่ไม่ได้ติดต่อกัน บางทีเราอาจคิดว่า “ไม่กล้าขอให้ช่วย ไม่ค่อยสนิท ไม่กล้าพูด” แต่พอเราทำลายกำแพงความกลัวลงได้ และกำลังต้องการความช่วยเหลือ แล้วเราจำได้ว่าคนๆ นี้ชำนาญด้านนี้อยู่พอดี และพอเราติดต่อไปเขาก็กุลีกุจอช่วยทันที หรือบางครั้งก็มาจากคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่ทุ่มเทความช่วยเหลือให้เราเกินร้อย ทำเอาเราดีใจและตื้นตันในความมีน้ำใจของเขา ...อะไรแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอจริงๆ ค่ะ ขอเพียงแค่เรากล้าเอ่ยปาก หลังจากนั้นก็จะง่ายกว่าที่คิด ...เราคิดแบบนี้ค่ะ ถ้าเขาไม่พร้อมเขาก็บอกเอง เราก็ได้รู้เดี๋ยวนั้นและหาทางอื่นต่อไป แต่ถ้าเขาช่วยขึ้นมาก็โชคดีที่สุดเลย ประหยัดเวลาเพื่อจะได้เอาไปใช้แก้ปัญหาอื่นๆ ต่อ
.....หลายๆ ท่านอาจเคยเจอคนประเภทชาวนากับงูเห่าจนระแวงไปเสียหมด ถ้ามันเป็นอดีตไปแล้วก็จงถือว่าเป็นบทเรียนอันมีค่า เป็นบทเรียนสอนการดูคนและการเลือกที่จะไว้ใจคนภาคปฏิบัติที่เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง จบบทเรียนนี้ไปแล้วคุณจะฉลาดรอบคอบอีกเยอะ ...ไม่มีใครไม่เคยเจอค่ะ ต่อให้เก๋า ไม่เก๋าก็ต้องมีคนแบบนี้เข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ แน่นอน บางทีเจอจนเขียนตำราได้เป็นเล่ม เอาเป็นว่าธุรกิจเล็กๆ อย่างเรายังเจอเลยค่ะ คนเหล่านี้จะตีเนียนมาในหลายรูปแบบ วิธีรับมือคือ พึงระลึกไว้อยู่เสมอว่าดูคนต้องดูนานๆ และเผื่อใจไว้สำหรับทุกๆ คน ทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าคุณจะรู้จักคนๆ นั้นมานานเท่าไหร่ก็ตาม เวลาเปลี่ยนใจคนอาจเปลี่ยนตาม คิดให้ได้อย่างนี้แล้วจะไม่ใจเสียหรือเสียใจมากนักหากไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด
.....ในโลกแห่งธุรกิจล้วนแล้วแต่มีเรื่องของผลประโยชน์ มีคำว่ากำไร/ ขาดทุน ...คำว่าได้/ เสีย ...หรือเธอได้/ฉันต้องได้ มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ และบางครั้งเขาก็ไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่คุณทำมันจะมีค่าหรือยิ่งใหญ่สำหรับคุณแค่ไหน หรือตอนนี้คุณต้องการความช่วยเหลืออะไร เขาฟังแล้วอาจจะไม่อินไปกับคุณ เขาอาจอยากฟังแค่ว่าเขาได้อะไรจากคุณ ...ก็ขอแนะนำเหมือนเดิมคือ พึงทำใจและเผื่อใจไว้เสมอ และจงยืนให้ได้ด้วยตัวคุณเอง จงเรียนรู้ที่จะทำเองให้เป็น จนถึงขั้นที่เกินกว่าความสามารถของคุณจะไปถึงแล้วค่อยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ...เราเองก็เริ่มธุรกิจด้วยงบประมาณอันน้อยนิดจะจ้างทำอะไรแต่ละอย่างก็แสนจะเสียดายเงิน จึงทำเองแทบจะทุกสิ่ง ลองผิดลองถูกมันเสียทุกเรื่อง และเจอการถูกปฏิเสธเสียจนชิน บางอย่างเหมือนจะได้แต่ไม่ได้ เหมือนจะช่วยแต่ไม่ช่วยกลายเป็นต้องทำอะไรๆ เองได้หลายอย่างมาก มองย้อนกลับไปแล้วก็นึกขอบคุณคนเหล่านั้นที่ทำให้เราจำเป็นต้องฝึกทักษะบางอย่างด้วยตัวเอง เพราะไม่ทำเองงานก็ไม่เสร็จสักที ใครจะมาเห็นความสำคัญของงานเราเท่ากับตัวเราเอง...จริงมั้ย ^___^
.....และที่สำคัญจงอย่าลืมความรู้สึกที่ว่า “การขอความช่วยเหลือ แล้วไม่ได้รับความช่วยเหลือนั้นเป็นอย่างไร” เมื่อคุณยืนได้อย่างแข็งแรงพอที่จะช่วยผู้อื่นได้โดยไม่เดือดร้อน จงแบ่งปันและช่วยเขาอย่างไม่ลังเลค่ะ
.....และต้องไม่ลืมที่จะรู้สึกขอบคุณคนที่เคยปฏิเสธจะช่วยเหลือคุณ อย่ามัวไปนึกถึงพวกเขาด้วยความขุ่นเคือง คับแค้นใจ เพราะเมื่อคิดต่างมุมเขาเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนแรงผลักดันให้คุณพยายามทำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างได้ด้วยตัวคุณเองทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำเองได้ เราขอเรียกมันว่า “แรงบันดาลใจขั้วบวก จากพลังงานขั้วลบ” เพราะถ้าไม่มีเขาที่ปฏิเสธเรา ก็ไม่มีเรา...ที่ทำได้หลายอย่างในวันนี้
.....สุดท้ายนี้ เราขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนฝ่าฟันอุปสรรคนานานับประการไปให้ได้นะคะ สู้สู้ค่ะ



"แรงบันดาลใจขั้วบวก จากพลังงานขั้วลบ” ประสบการณ์น้อยนิด 1 ปีจากการทำธุรกิจส่วนตัว
.....และหลายๆ ครั้ง คำว่า say no นั้นก็ออกมาจากปากคนคุ้นเคย มาจากเพื่อน จากคนที่เราคาดหวังว่าจะต้องช่วยเราแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเสมอไปค่ะ บางครั้งคนคุ้นเคยเหล่านี้ก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเราอย่างที่คิด ...เพราะบางครั้งเขาอาจยังไม่พร้อมที่จะช่วย หรือพร้อมแต่ยังไม่อยากช่วยซึ่งมันก็เกิดขึ้นได้ทั้ง 2 กรณี จงอย่ามัวแต่ท้อแท้ สิ้นหวัง ให้มองหาทางอื่น ...อย่ามัวแต่จ่อมจมกับปัญหา ให้เอาคำกล่าวของไอน์สไตน์ที่ว่า “คุณไม่สามารถใช้สติปัญญาระดับเดียวกันกับตอนที่สร้างปัญหา มาใช้แก้ปัญหานั้นได้ : You can’t solve a problem with the same mind that created it – Albert Einstein” มาใช้ ...นั่นหมายถึงเมื่อคุณยกระดับสติปัญญาของคุณได้แล้วคุณจึงจะแก้มันได้ คุณต้องใช้สติปัญญาอย่างรอบคอบมากขึ้น ใจเย็นขึ้น นิ่งขึ้น วิเคราะห์หาข้อมูลมากขึ้นเพื่อที่จะตีโจทย์ให้แตกและมองหาหนทางอื่นๆ มาช่วยแก้ปัญหาของคุณ
.....ส่วนใครที่มีคนคุ้นเคยและเพื่อนช่วยเหลือเป็นอย่างดีอยู่แล้ว นับว่าคุณโชคดีมากๆ ยิ่งกว่าถูกรางวัลใหญ่ เพราะมีเงินลงทุนเยอะหากใช้ไม่เป็นก็มีวันหมด ...แต่คำแนะนำและน้ำใจจากเพื่อนมันมีคุณค่าอย่างประเมินมิได้ และมีมากมายหลายรูปแบบไม่จำกัดเฉพาะในรูปแบบของเงิน ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำ สายสัมพันธ์ สายป่านไปยังจุดอื่นๆ ที่นำพาเราไปสู่ความเจริญก้าวหน้า มีเพื่อนแบบนี้ต้องตอบแทนกลับด้วยน้ำใจไปเช่นกัน ...โดยส่วนตัวเราก็เป็นคนโชคดีมากเลยค่ะ เรามีเพื่อนและคนคุ้นเคยที่ปรารถนาดีคอยให้ความรู้และคำแนะนำอยู่เสมอ สิ่งเหลานี้ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
.....และในหลายๆ ครั้งเช่นกันที่ความช่วยเหลือกลับได้มาจากคนที่เราไม่เคยคาดหวังเลยด้วยซ้ำ เช่น เป็นคนที่เคยรู้จักมานานแล้วแต่ไม่ได้ติดต่อกัน บางทีเราอาจคิดว่า “ไม่กล้าขอให้ช่วย ไม่ค่อยสนิท ไม่กล้าพูด” แต่พอเราทำลายกำแพงความกลัวลงได้ และกำลังต้องการความช่วยเหลือ แล้วเราจำได้ว่าคนๆ นี้ชำนาญด้านนี้อยู่พอดี และพอเราติดต่อไปเขาก็กุลีกุจอช่วยทันที หรือบางครั้งก็มาจากคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่ทุ่มเทความช่วยเหลือให้เราเกินร้อย ทำเอาเราดีใจและตื้นตันในความมีน้ำใจของเขา ...อะไรแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอจริงๆ ค่ะ ขอเพียงแค่เรากล้าเอ่ยปาก หลังจากนั้นก็จะง่ายกว่าที่คิด ...เราคิดแบบนี้ค่ะ ถ้าเขาไม่พร้อมเขาก็บอกเอง เราก็ได้รู้เดี๋ยวนั้นและหาทางอื่นต่อไป แต่ถ้าเขาช่วยขึ้นมาก็โชคดีที่สุดเลย ประหยัดเวลาเพื่อจะได้เอาไปใช้แก้ปัญหาอื่นๆ ต่อ
.....หลายๆ ท่านอาจเคยเจอคนประเภทชาวนากับงูเห่าจนระแวงไปเสียหมด ถ้ามันเป็นอดีตไปแล้วก็จงถือว่าเป็นบทเรียนอันมีค่า เป็นบทเรียนสอนการดูคนและการเลือกที่จะไว้ใจคนภาคปฏิบัติที่เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง จบบทเรียนนี้ไปแล้วคุณจะฉลาดรอบคอบอีกเยอะ ...ไม่มีใครไม่เคยเจอค่ะ ต่อให้เก๋า ไม่เก๋าก็ต้องมีคนแบบนี้เข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ แน่นอน บางทีเจอจนเขียนตำราได้เป็นเล่ม เอาเป็นว่าธุรกิจเล็กๆ อย่างเรายังเจอเลยค่ะ คนเหล่านี้จะตีเนียนมาในหลายรูปแบบ วิธีรับมือคือ พึงระลึกไว้อยู่เสมอว่าดูคนต้องดูนานๆ และเผื่อใจไว้สำหรับทุกๆ คน ทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าคุณจะรู้จักคนๆ นั้นมานานเท่าไหร่ก็ตาม เวลาเปลี่ยนใจคนอาจเปลี่ยนตาม คิดให้ได้อย่างนี้แล้วจะไม่ใจเสียหรือเสียใจมากนักหากไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด
.....ในโลกแห่งธุรกิจล้วนแล้วแต่มีเรื่องของผลประโยชน์ มีคำว่ากำไร/ ขาดทุน ...คำว่าได้/ เสีย ...หรือเธอได้/ฉันต้องได้ มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ และบางครั้งเขาก็ไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่คุณทำมันจะมีค่าหรือยิ่งใหญ่สำหรับคุณแค่ไหน หรือตอนนี้คุณต้องการความช่วยเหลืออะไร เขาฟังแล้วอาจจะไม่อินไปกับคุณ เขาอาจอยากฟังแค่ว่าเขาได้อะไรจากคุณ ...ก็ขอแนะนำเหมือนเดิมคือ พึงทำใจและเผื่อใจไว้เสมอ และจงยืนให้ได้ด้วยตัวคุณเอง จงเรียนรู้ที่จะทำเองให้เป็น จนถึงขั้นที่เกินกว่าความสามารถของคุณจะไปถึงแล้วค่อยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ...เราเองก็เริ่มธุรกิจด้วยงบประมาณอันน้อยนิดจะจ้างทำอะไรแต่ละอย่างก็แสนจะเสียดายเงิน จึงทำเองแทบจะทุกสิ่ง ลองผิดลองถูกมันเสียทุกเรื่อง และเจอการถูกปฏิเสธเสียจนชิน บางอย่างเหมือนจะได้แต่ไม่ได้ เหมือนจะช่วยแต่ไม่ช่วยกลายเป็นต้องทำอะไรๆ เองได้หลายอย่างมาก มองย้อนกลับไปแล้วก็นึกขอบคุณคนเหล่านั้นที่ทำให้เราจำเป็นต้องฝึกทักษะบางอย่างด้วยตัวเอง เพราะไม่ทำเองงานก็ไม่เสร็จสักที ใครจะมาเห็นความสำคัญของงานเราเท่ากับตัวเราเอง...จริงมั้ย ^___^
.....และที่สำคัญจงอย่าลืมความรู้สึกที่ว่า “การขอความช่วยเหลือ แล้วไม่ได้รับความช่วยเหลือนั้นเป็นอย่างไร” เมื่อคุณยืนได้อย่างแข็งแรงพอที่จะช่วยผู้อื่นได้โดยไม่เดือดร้อน จงแบ่งปันและช่วยเขาอย่างไม่ลังเลค่ะ
.....และต้องไม่ลืมที่จะรู้สึกขอบคุณคนที่เคยปฏิเสธจะช่วยเหลือคุณ อย่ามัวไปนึกถึงพวกเขาด้วยความขุ่นเคือง คับแค้นใจ เพราะเมื่อคิดต่างมุมเขาเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนแรงผลักดันให้คุณพยายามทำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างได้ด้วยตัวคุณเองทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำเองได้ เราขอเรียกมันว่า “แรงบันดาลใจขั้วบวก จากพลังงานขั้วลบ” เพราะถ้าไม่มีเขาที่ปฏิเสธเรา ก็ไม่มีเรา...ที่ทำได้หลายอย่างในวันนี้
.....สุดท้ายนี้ เราขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนฝ่าฟันอุปสรรคนานานับประการไปให้ได้นะคะ สู้สู้ค่ะ