แบกเป้เที่ยวคนเดียวในพม่า 2 ( มัณฑเลย์ )


วันที่ 3 ของการเดินทาง เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยแล้ว จากการจองผ่านกับทางที่พักในวันแรกที่มาถึงย่างกุ้ง ในราคา 10400 จ๊าต ( ประมาาณสี่ร้อยกว่าบาท ) หรือ ว่าใครจะออกไปหาเองกับทางตัวแทนจำหน่ายเองก็ได้ มีอยู่หลายบริษัทแถวย่านสุเลย์พยาครับ หลังจากเตรียมตัวพร้อมแล้วไม่ออยากนั่งรอที่ ที่พักนานจึงตัดสิ้นใจออกไปรอที่สถานีขนส่งจะดีกว่า ในย่างกุ้งมีอยู่สองสถานีนะครับ สำหรับคนที่เดินทางโดยรถโดยสาร ต้องทำใจไว้อย่างนึงนะครับ เพราะคนพม่ายังเคี้ยวมากกันอยู่เลย ฉนั้นเมื่ออยู่บนรถเราจะได้กลิ่นน้ำหมากไปตลอดทาง แต่ขอบอกเลยนะครับสภาพรถเดี๋ยวนี้ดีมากเป็นรถปรับอากาศ และ จะแวะพักหยุดพักให้เข้าห้องน้ำและทานข้าวทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน รถจะออกจากย่างกุ้งประมาณ 5 โมงเย็น และ ไปถึงที่ มัณฑเลย์ตอน 7 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เป็นการเดินทางอันยาวนานมากเสียเหลือเกิน ทำงัยได้งบน้อย.. บรรยากาศที่ขนส่งในย่างกุ้ง ไม่ต้องกลัวเหงาเลยครับ ระหว่างที่รอเวลารถจะออก เพราะจะมีคนเข้ามาขายของอย่างไม่ขาดสาย หรือ พูดคุยกับเราด้วยภาษาไทย เพราะเคยมาทำงานในบ้านเรา....



ในที่สุดก็มาถึงเสียที มัณฑเลย์ เป็นการเดินทางในวันที่ 3 มันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ในขณะที่รถจอด ก็ได้มีบรรดารถรับจ้างทั้งหลาย ก็ได้เข้ามารุมเพื่อที่จะให้บริการกับคนท้องถิ่นด้วยภาษาพม่า และ ในรถวันนั้นมีผมเป็นนักท่องเเที่ยวคนเดียว และ ผมเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียวที่ไม่โดนรุม เพราะเขาคิดว่าเป็นคนท้องถิ่น เพราะในวันที่เดินทาง ผมได้นุ่งโสรงแบบพม่า พวกเขาจึงคิดว่าเป็นคนท้องถิ่น แต่แล้วก็ไม่รอดครับ เมื่อได้เจอกับ อ้าว อ้าว มอเตอร์ไซร์รับจ้าง เข้ามาเสนอด้วยภาษาอังกฤษ จึงตกลงนั่งคุยต่อรองราคากัน เพื่อที่จะให้เข้าไปส่งในตัวเมือง เพื่อที่จะไปหาที่พัก แต่แล้ว อาว อาว ก็ต้องอยู่เป็นสารถีขับมอไซร์ ให้กับผมตลอดทั้ง 2 วัน ในมัณฑเลย์ครับ เค้าคิดวันละ 10000 จ๊าต ( ประมาณสี่ร้อยบาท ) พร้อมน้ำมันผมคิดว่าราคาโอเคเลยตกลง ส่วนถ้าใช้รถยนตร์จะอยู่ที่วันละ 1000 บาท ครับ บริการดีมากครับ พาผมไปพักที่ โรงแรมไนลอน ครับราคาอยู่ที่ 10 US ต่อคืนครับ
    หลังจากเก็บกระเป๋าเเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปหาอะไรกินแถวใกล้ๆกับที่พัก แล้วนัดให้ อาว อาว มารับอีกหนึ่งชั่วโมง พอหายเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ก็เริ่มเลยครับ กระโดดซ้อนทายมอไซร์ ของ อาว อาว ไปยังที่แรก คือ วัดมหามุณี สวยสมคำบอกเล่าจริงๆ และ เค้าก็ได้ถามว่า แล้ว พรุ่งนี้จะออกมาดูพิธี ล้างหน้า หรือเปล่า จะต้องตื่นตอนตี 4 เลยตอบไปว่าไม่ นอนดีกว่า 5555 ได้เห็นแค่นี้ก็พอใจแล้วครับ มันยิ่งใหญ่จริงๆ



สถานที่ ที่ 2 ที่ไปเยือนคือ พระราชวังมัณฑเลย์ เราจะต้องมาซื้อตั๋วเข้าชมเมืองที่นี่ครับ ราคา 25 US ไปได้ทุกที เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพระถูกทำลายเสียหายไปครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ยังคงเห็นได้ถึงความยิ่งใหญ่ครั้งอดีต....



สถานที่ ที่ 3 เป็นสำนักสงฆ์เก่าแก่มากครั้งที่มัณฑเลย์ เจริญรุ่งเรือง และ เป็นที่ ที่เดียวที่รอดจากการทำลายของสงคราม สร้างด้วยไม้สัก เป็นการสร้างของกษัตริที่ยกพระราชวังให้นำมาสร้างวัดแห่งนี้



สถานที่ ที่ 4 เป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของมัณฑเลย์ เป็นที่เก็บ อัฐฐิ ของบรรดา เหล่าราชวงค์ผู้ปกครองเมือง มัณฑเลย์


ตนไม้สวยที่ มัณฑเลย์



สถานที่ ที่ 4 เป็นสถานที่สุดท้าย คือ ยอดเขามัณฑเลย์ ( Mandalay Hill ) เป็นที่ ที่นักท่องเที่ยวจะไปรอชม พระอาทิตย์ตกกันครับ ที่นี่ผมประทับใจมากๆ มันเหมือนภาพวาด และที่นี่จะต้องเสียค่ากล้องถ่ายรูป สำหรับนักท่องเที่ยวคนละ 3 US ครับ....

วันที่ 4 ของการเดินทางยังอยู่ที่ เมืองมัณฑเลย์ครับ อาว อาว นัดผมตอน 7 โมงเช้า เพระเราจะต้องออกไปกันนอกเมืองครับ และวันนี้เป็นวันที่รอคอยที่จะได้มาเยือน คือ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลก หลังจากออกไปหาอะไรกินในตลาดเช้าความรู้สึกเหมือนกับมันย้อนเวลากับไปในอดีตจริงๆเลยครับ....

อีกที่ นึงที่ประทับใจเป็นสำนักสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งในพม่า อาว อาว พาผมไปรอก่อนที่พระจะฉันเพนครับ นักท่องเที่ยวเยอะมาก เพราะที่นี่ มีพระอยู่พันกว่ารูป เวลาที่ ได้ยินเสียงระฆังพระสงฆ์ก็จะเดินออกมาจากอาคารเป็นแถวยาวอย่างพร้องเพียงกันเพื่อ รับ อาหารเพน

ที่สุดท้ายที่จะไป ก่อนที่จะอำลา มัณฑเลย์ ก็คือ สะพานไม้ อูบิน เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ใช้ไม้จากการเรื้อพระราชวังมาสร้าง เป็นไฮไลท์ ก่อนอำลาครับ และเป็นที่ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามอีกที่นึงของมัณฑเลย์

และแล้วก็ต้องกล่าวคำ อำลา เมืองมัณฑเลย์แล้ว จุดหมายปลายทางต่อไปคือ พุกาม ครับ ผมเดินทางโดนทางเรือครับ เป็นเรือที่วิ่งในแม่น้ำ อิรวดี ระหว่าง มัณฑเลย์ กับ พุกาม ครับ สุดยอดมากครับแล้วจะนำมาเล่าให้ฟังในภายหลัง......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่