ปัจจุบันเราอายุจะ 30 แล้ว แต่ไม่เคยมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่เคยมีความเป็นส่วนตัว
ความเป็นตัวตนของเรามันหายไปหมดแล้ว เพราะติดเพียงคำว่า "แม่"
เรื่องของเรามันเยอะมาก เล่า 3 วัน 3 คืนก็ยังไม่หมด ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน
ไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ อาจเป็น "เวรกรรม" ของเราเอง
แต่เราเข้าใจว่า เรา เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแม่ เหมือนเพื่อน เหมือนลูก เป็นที่ปรึกษา
เป็นเพื่อนคุย ตั้งแต่เด็กจนโตเราช่วยงานเค้าตลอด ตั้งแต่เราจำความได้ ทำงานตั้งแต่เด็กจนโต
ไม่ว่าจะช่วยขายของ ทำงานบ้าน ต้องอยู่ติดเค้าตลอดเหมือนเป็นเลขา
ตั้งแต่อยู่ ป.1 ก่อนไปโรงเรียน เราต้องตื่นแต่เช้ากวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ซื้อกับข้าวให้พี่ชายกับเรา กินก่อนไปโรงเรียน เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องไปช่วยแม่ขายของ ตั้งแต่เช้าจนมืด ไม่เคยมีเวลาได้เล่น หรือดูการ์ตูน เหมือนเด็กคนอื่นเขา และไม่เคยได้เงินซื้อขนมเลย (เราเข้าใจนะเพราะแม่ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว) แตกต่างกับพี่ชาย ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่บ้านดูการ์ตูน เล่น มีเงินซื้อขนมกิน(แต่ทำไมพี่ชายได้ล่ะ) ตื่นสายได้ ก่อนไปโรงเรียนก็ไม่ต้องทำอะไร แถมมีของเล่นแพง ๆ ทั้งเกมส์บอย เกมที่ต่อกับทีวี ที่สมัยก่อนใช้ตลับเกมส์(เฉพาตลับเกมส์เป็นพัน ๆ บาท) รถบังคับวิทยุคันใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละอย่างแพงมาก ในสมัยนั้น เพราะเป็นของที่ออกใหม่ ๆ ทั้งนั้น
แม่เราเป็นคนอารมณ์ร้อน เราโดนดุ และโดนตี เกือบทุกวัน เราไม่ได้ดั่งใจก็โดนตี จนคนแถวร้านขายของ คิดว่าเราเป็นลูกเลี้ยงซะอีก เป็นแบบนี้จนเราโตประมาณ ม.ต้น เราก็ไม่ค่อยโดนตีเท่าไหร่แล้ว น้อยลงไปเรื่อย ๆ เวลาเค้ามีปัญหาอะไรก็จะปรึกษาเราตลอด เรื่องเงิน เรื่องขายของ เรื่องญาติพี่น้อง เราก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีตลอด จนเราจบมัธยม และต่อมหาวิทยาลัย เราก็เลือกเรียนใกล้บ้านพยายามสอบให้ได้ เพราะรู้ว่าถ้าได้ใกล้ ๆ ไม่ได้ไปเรียนแน่ ๆ ก็สอบได้ และพอทำงานก็รู้ว่าไม่มีทางได้ไปทำไกล ๆ แน่ ก็เลยเลือกสอบเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยที่เรียนจบมา เพื่อที่จะได้ช่วยเค้าขายของวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการได้เพราะมหาวิทยาลัยรัฐ จะหยุดตามวันหยุดราชการ ก็คือเราทำงาน จันทร์-ศุกร์ และต้องขายของ เสาร์-อาทิตย์ด้วย ทำงานครบ 7 วัน ก็เป็นแบบนี้มาตลอด ส่วนเรื่องที่แม่ต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญด้วยทุก ๆ เรื่องในชีวิต ก็เริ่มตั้งแต่เกิดแล้วหละมั้ง คือ
- เมื่อตอนเด็ก ๆ ก็จะคิดให้ว่าวันนึงเราจะต้องทำอะไรบ้าง ตื่นกี่โมง นอนกี่โมง เลิกเรียนแล้วจะต้องถึงบ้านกี่โมง โรงเรียนเลิก 15.40 น. ต้องถึงบ้านก่อน 16.00 น. ถ้าเลย ซัก 5 นาที ก็จะต้องถามว่า ทำไมกลับช้า ทำอะไรอยู่ เป็นแบบนี้ตลอดจนจบมหาวิทยาลัย คือเลิกเรียนปุ๊บจะต้องกลับทันที ไม่เคยได้ทำกิจกรรมอะไรเลย โชคดีที่มีเพื่อนดี เข้าใจ หลายคน
- เราไม่เคยมีแฟน เพราะรู้ดีว่าจะมีปัญหาอะไรบ้าง มีคนมาชอบหลายคน แต่เราเหมือนไม่เปิดรับใคร รู้สึกเฉย ๆ เพราะเรารู้นิสัยแม่เราว่าเป็นอย่างไร เขาจะต้องคอยสกรีนทุกอย่าง ต้องเข้ามามีบทบาท คิดแทนเราทุกเรื่อง เคยมีคนโทรหาเราซึ่งเป็นคนที่ ลูกป้าแนะนำให้เรารู้จัก แต่แม่เราไม่ชอบ (คือไม่เคยชอบใครเลย ไม่ชอบตั้งแต่ยังไม่ทำความรู้จัก) เราก็คุยปกติ เราเฉย ๆ เราไม่ได้ชอบ แม่เราเห็นแม่ก็บอกให้วางเลย แล้วก็บอกเค้าไปว่าไม่ต้องโทรมาอีก คือจริง ๆ เราก็คุยเป็นเพื่อนเฉย ๆ เราไม่ได้อะไรเลย (แต่ที่เราเสียใจคือ เราไม่มีสิทธิเสรีภาพ หรือความคิดเป็นของตัวเองเลยหรอ ว่าจะคุยกับใคร จะทำอะไร จะพูดอะไร คือตอนนั้นมันรู้สึกแย่แล้วคิดในใจว่า แล้วถ้าเป็นคนที่เรารักละ เราจะทำยังไง ซึ่งตอนนั้นเราเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว) เราก็คุยอีกไม่กี่คำ เราก็หาเรื่องวาง แต่ก็ไม่ได้บอกไปว่าอย่าโทรมาอีก กลัวเค้าเสียความรู้สึก แต่เค้าก็โทรมาอีกหลายครั้ง แล้วก็น้อยลงไป เพราะเราคุยด้วยแต่ก็เหมือนถามคำตอบคำ เค้าคงรู้ตัวแล้วก็ถอยไปเอง
- เราจะได้ไปเที่ยวไหนกับเพื่อน ๆ ก็แค่ปีละครั้งได้มั้ง แบบไปต่างจังหวัดแล้วไปค้างซัก 2 วัน ซึ่งแต่ละครั้งที่ได้ไปก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพื่อนต้องมาขอให้ แล้วเค้าก็ให้ไปแต่ไม่ค่อยพอใจนัก แล้วก็ทำน้อยใจทำแบบไม่ค่อยสดชื่น มึน ๆ ตึง ๆ กับเรา (เพื่อนนี่ก็เพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน จนมาทำงานที่เดียวกันแล้วแม่รู้จักเป็นอย่างดี) ถ้าเป็นวันปกติ อยากไปห้าง ตลาดเปิดท้าย หรือกินข้าวกับเพื่อน ดูหนัง ไม่เคยได้ไปเลย จะเป็นปัญหาตลอด และดูเหมือนจะปัญหาใหญ่มาก ทั้งที่เป็นเรื่องปกติที่คนอื่นเค้าไปกัน จนเราชินชาไปเองที่จะไม่ไป(ซึ่งปกติแม่ก็ไม่ชอบไปไหน ไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเลยซักครั้งเดียว ค่อนข้างติดบ้าน วันธรรมดาไม่ได้ขายของเค้าก็อยู่บ้านตลอดไม่ได้ทำอะไร นอกจากไปหาญาติบ้าง ไปเดินห้างบ้างเป็นครั้งคราว ในช่วงหลัง ๆ)
มีอยู่วันนึงเราขอเค้าไปดูคอนเสิร์ต ๆ นึง ซึ่งเค้าพอจะรู้ว่าเราชอบศิลปินคนนี้อยู่ เค้าก็ตัดใจให้ไป เราก็ได้ไปเจอกับ “แฟนเรา” ในคอนเสิร์ต ซึ่งตอนแรกเราเห็นแฟนเราแล้วเราก็ชอบมาก เราก็ไปถามพี่ที่รู้จักว่าคนนั้นชื่ออะไร เราก็ได้รู้จักกัน(ซึ่งแฟนเราก็บอกว่าเค้าเห็นเราปุ๊บเค้าก็ชอบเราเหมือนกัน) และติดต่อกันมาตลอด แต่เราอยู่กันคนละจังหวัด เราก็เลยชวนแฟนเรามาทำงานที่จังหวัดเรา และให้มาอยู่บ้านเรา ซึ่งตลอดเวลาที่เราคุยกันผ่าน FB แม่เราเค้าก็เห็นตลอด เพราะเราคุยกัน และเปิดกล้องไปด้วย แม่เค้าก็รู้สึกถูกชะตา ไม่ได้ว่าอะไร (เพราะคงเห็นเป็นผู้หญิงเหมือนกันหรือป่าวเลยไม่ว่าอะไร อ่อเราชอบผู้หญิงค่ะ แฟนเราก็เป็นผู้หญิงออกห้าวนิดนึง แต่ไม่ใช่ทอมนะคะ) เราชวนแม่เราไปไหว้พระที่จังหวัดที่แฟนเราอยู่และชวนไปหาแฟนเราด้วย แม่เราก็ไป ขับรถไปกัน 2 คน ไปเช่ารีสอร์ทอยู่ และตอนกลับก็ยังให้เงินแฟนเรา 2000 เลย สถานการณ์ดูเหมือนจะดี ราบรื่น แต่หลังจากที่แฟนเราย้ายมาทำงานและมาอยู่ที่บ้านเรา แม่ก็เริ่มเข้ามามีบทบาททุกอย่างในชีวิตของเราทั้ง 2 คน
- ปกติแฟนเราอยู่ที่จังหวัดเค้า เค้าทำงานและอยู่หอพัก แม่เค้าจะมาหาอาทิตย์ละครั้ง เค้าอยู่คนเดียวจะไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ แต่ต้องออกจากงานโดยไม่รู้ว่าจะได้งานเมื่อไหร่ เพื่อมาอยู่กับเรา มาอยู่บ้านเราวันแรก วันรุ่งขึ้นไปทำรายวันก่อนเลย(โดยหางานจากในเน็ตล่วงหน้าก่อนมา) เป็นอีเว้นท์ ระหว่างที่ทำอีเว้นท์ไปก็หางานไปด้วย โดยไม่เกี่ยงงาน เปลี่ยนงานไปเรื่อย ทำที่ละประมาณ 1 เดือนจนได้ทำงานที่มั่นคง ได้เดือนละ เกือบ 2 หมื่น แต่ต้องกลับบ้านมืดทุกวัน ไม่ได้หยุดวันเสาร์ ซึ่งช่วยแม่ขายของไม่ได้ และวันธรรมดาถึงไม่ได้ขายของ แต่กลับมามืดแล้ว และงานหนักมาก ทำงานบ้านก็ไม่ไหว แม่ก็ไม่พอใจและการเป็นเซลล์แม่บอกต้องเจอคนเยอะ แม่ไม่ไว้ใจชอบหาว่าแฟนเราไปนู่นไปนี่ ถเลถไลไม่กลับบ้าน ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างไรบ้าง ทั้งที่เราอยู่อยู่ตลอดว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้แฟนเราทำอะไรอยู่(มันปวดใจ เห็นแฟนเหนื่อยยังต้องมาถูกมองในแง่ลบอีก) ระหว่างนี้ก็มีปัญหาตลอด แม่ไม่เคยให้ไปไหนกันเลย อยู่บ้านตลอด เคยไปเดินซื้อของกันตอนเย็นหลังเลิกงาน เพราะบ้างวันแฟนเราก็กลับเร็วบ้าง แม่ก็จะบอกว่าหาเวลาจะอยู่กันแค่ 2 คนนะ มีเวลาไม่ได้เลยนะคิดแต่จะแวบไปอยู่กันแค่ 2 คน ทั้งที่จริง ๆ คือเราไปซื้อของ แล้วปกติเค้าไม่เคยออกไปไหน ไม่ออกจากบ้านเลย ชวนไปไหนก็ไม่ไป ใช้ให้เรากับพ่อไปซื้อให้ตลอด แม้แต่ไปซื้อข้าวกินก็ไปด้วยกันไม่ได้ ทั้งที่ปกติเราก็ไม่เคยมีเวลาอยู่ด้วยกัน 2 คนเลย (จริง ๆ นอกจากเวลานอน จะอธิบายภายหลัง) และระหว่างวันถ้าโทรหากัน ก็ไม่ได้ แม่ก็จะไม่พอใจ ไม่ว่าแฟนจะโทรหาเรา หรือเราโทรหาแฟนยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย แม่ก็จะบอกว่าจะห่วงอะไรนักหนา นึกถึงกันตลอดเวลาเลยหรอ หายใจเข้าหายใจออกมีอยู่ในหัวใจตลอดเวลาเลยหรอ คือจริง ๆ ไม่ถึงขนาดนั้น ก็แค่โทรศัพท์แต่แม่ทำเหมือนเราทำผิดยิ่งใหญ่ คืองานแฟนเราต้องขับรถหาลูกค้าทั้งวัน เราก็เป็นห่วงเป็นธรรมดา หรือบ้างทีแฟนเราเจออะไรน่ากิน หรือเจอเหตุการณ์อะไรก็จะโทรมาถาม โทรมาเล่าให้ฟังบ้าง มันเป็นธรรมดาของคนเป็นแฟนกันนะเราว่า เราก็เลยโทรน้อยลง แล้วแม่ก็จะชอบหาเรื่องบ่น ๆ บอกว่าเดี๋ยวนี้มีคนดูแลแล้ว แม่ก็หมดความหมาย เราก็พยายามอธิบายหลายครั้งแล้วว่าไม่เกี่ยว มันไม่เหมือนกัน มันเป็นความรักคนละอย่าง แต่ก็ไม่เป็นผล จะต้องหาเรื่องอะไรมาน้อยใจได้ทุกวัน ย้ำทุกวัน ทุกเรื่อง (เราคิดว่าเค้าคงรู้ว่าทำกับเราไว้เยอะ ก็เลยกลัวเราจะไม่รัก) เค้าบอกว่าตอนนี้เหมือนเราไม่ใช่คนของเค้า เหมือนไปเป็นคนของแฟนเรา เค้าเหมือนคนไม่มีพวก เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องคิดขนาดนั้น แฟนเราดีมาก ตามใจแม่ทุกอย่าง อะไรช่วยได้ก็ช่วย อะไรทำได้ก็ทำ ไม่เคยเถียง ทั้งที่บางทีไม่จริงก็ยังไม่เถียงยิ้ม ๆ (จริง ๆ น่าจะพูดบ้าง แม่จะได้ไม่เข้าใจผิด พอเราพูด แม่ก็หาว่าเข้าข้างแฟน) ตั้งแต่ได้ทำงานที่บริษัทนี้ เริ่มอยู่ตัว แม่ก็เรียกแฟนเราไปคุย แล้วบอกว่าให้ฝากเงินให้เราเดือนละ 5000 (ปกติแฟนเราให้แม่เราเดือนละ 2000) ทุกเดือน แฟนเราก็ยินดีและบอกแม่ว่า คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะฝากให้แต่รอให้งานเข้าที่เข้าทางก่อน แล้วแม่ก็ยังบอกอีกว่า ของใช้ในห้องของเรากับแฟน แฟนเราต้องเป็นคนจ่าย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ครีมล้างหน้า ผงซักฟอก ยาสีฟัน ฯลฯ แฟนเราก็ยินดี แถมเวลาเจออะไรน่ากินก็ซื้อมาบ้านตลอด แฟนเรายอมทุกอย่าง แล้วเงินเดือนเรา ปกติเราให้แม่อยู่แล้วเดือนละ 5000 แต่หลังจากที่แฟนมาอยู่เราต้องซื้อข้าวให้แม่กินด้วยทั้งกลางวัน และเย็น รวมถึงขนม และอื่น ๆ (สรุปเงินเดือนเราไม่เคยเหลือเลย ไม่พอด้วย บางครั้งต้องไปเอาเงินแฟนมาใช้ตลอด) คงเพราะกลัวว่าแฟนเราจะมาเอาเงินเราไปใช้ T^T เรากับแฟนเสียความรู้สึกหลายเรื่อง แฟนเราอดทนมากเลยนะคะ บ้างครั้งต่อหน้าแม่ก็ปกติ คุยปกติ แต่พอเข้าห้องแฟนก็แอบไปร้องไห้หลายครั้ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็บอกให้เราไปนอนด้วยอาทิตย์ละ 2 วัน คือวันจันทร์ กับวันศุกร์ ที่บอกว่าเราไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันนอกจากเวลานอน เพราะว่า พอเรากลับมาจากทำงานเราก็ต้องไปอยู่กับแม่ จนกะทั้งกินข้าว อาบน้ำ อาบน้ำเสร็จก็ต้องไปอยู่กับเค้าจนกว่าเค้าจะให้ไปนอน ซึ่งดึกมาก ประมาณ เกือบเที่ยงคืน หรือบางครั้งถึง ตี 1 ซึ่งแฟนเราก็จะอยู่ที่ห้องถ้าไม่ได้ไปอยู่ห้องแม่ด้วย ก็จะหลับไปแล้วกว่าเราจะได้กลับห้อง แล้วตอนเช้าก่อนไปทำงานก็ต้องไปนั่งคุยกับเค้าก่อนในห้อง เค้าก็จะชอบถามว่ากลับไปถึงห้องนอนเลยหรือป่าว ทำอะไรอยู่ ทำไมนอนไม่รู้จักเปิดม่าน ซึ่งเราบอกว่าเปิดด้านหลังห้อง เค้าก็จะบอกว่าทำไมไม่เปิดด้านในบ้าน ซึ่งลมเข้าดีกว่า แต่คือเค้าจะได้แอบมาส่องได้ แล้วตื่นกี่โมง ตื่นแล้วมาหาเค้าเลยหรือป่าว อย่างเมื่อเช้าก็ถามว่ากลับไปแล้วนอนเลยมั้ย พอดีแฟนเรากลับห้องไปก่อน เราก็บอกว่านอนเลย กลับไปแฟนก็หลับแล้ว แม่ก็บอกว่า พอเราไปถึงมันก็ตื่นใช่มั้ย เราก็บอกว่าป่าว ก็หลับก็แฟนเป็นคนตื่นยาก เค้าก็บอกอีกว่า แล้วมาตื่นเอาตอนตี 5 ห้าสิบ ใช่มั้ย เค้าตื่นไปปิดไฟ เค้าได้ยินเสียงชักโครก เราก็บอกว่าป่าว แฟนเราคงเข้าห้องน้ำมั้ง ซึ่งเรารู้สึกแย่มาก เหมือนติดคุกยังไงไม่รู้ แล้วไหนเราต้องรักษาความรู้สึกแฟนเราอีก ซึ่งกว่าเราจะได้นอน เช้าก็ต้องรีบตื่นไปทำงานกัน แทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย แถมยังต้องไปนอนกับแม่อีกอาทิตย์ละ 2 วัน ในเวลาปกติ หลังจากทำงานก็ห้ามอยู่ด้วยกันแค่ 2 คน ต้องมีเค้าอยู่ด้วยตลอดเวลา เวลาเค้าไปอยู่ในห้องตัวเอง เราก็ต้องตามเค้าไป อาจจะต้องทิ้งแฟนไว้ในห้อง ถ้าแฟนไม่ไปห้องแม่ด้วย เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้นเผื่ออะไรจะดีขึ้น เสาร์-อาทิตย์ก็จะได้ช่วยขายของได้ ก็เลยพยายามให้เค้าสอบเข้าที่ทำงานของเราให้ได้ จนแฟนเราสอบเข้าได้ ก็ดีขึ้นหน่อย ตรงที่ ได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องทำเหมือนเดิม ห้ามไปไหนกัน ห้ามโทรหากันบ่อย ห้ามห่วงกัน ห้ามสวีทกัน ห้ามล็อคห้องนอน ถ้ายังไม่นอน ฯลฯ มีอีกเยอะแยะมากมาย บอกแล้ว 3 วัน 3 คืน ไม่จบ เล่าข้ามไปเยอะเลย บางเรื่องก็จำไม่ได้ แต่มันละเอียดอ่อนกับจิตใจเรา
จริง ๆ แล้วเค้าค่อนข้างชอบแฟนเรา ถ้าเค้าไม่ชอบเค้าไล่ไปนานแล้ว แฟนเราไม่มีเรื่องให้ว่าเลย
ปัญหาครอบครัว แม่กับลูก สงสารแฟน ช่วยหน่อยค่ะ
ความเป็นตัวตนของเรามันหายไปหมดแล้ว เพราะติดเพียงคำว่า "แม่"
เรื่องของเรามันเยอะมาก เล่า 3 วัน 3 คืนก็ยังไม่หมด ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน
ไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ อาจเป็น "เวรกรรม" ของเราเอง
แต่เราเข้าใจว่า เรา เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแม่ เหมือนเพื่อน เหมือนลูก เป็นที่ปรึกษา
เป็นเพื่อนคุย ตั้งแต่เด็กจนโตเราช่วยงานเค้าตลอด ตั้งแต่เราจำความได้ ทำงานตั้งแต่เด็กจนโต
ไม่ว่าจะช่วยขายของ ทำงานบ้าน ต้องอยู่ติดเค้าตลอดเหมือนเป็นเลขา
ตั้งแต่อยู่ ป.1 ก่อนไปโรงเรียน เราต้องตื่นแต่เช้ากวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ซื้อกับข้าวให้พี่ชายกับเรา กินก่อนไปโรงเรียน เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องไปช่วยแม่ขายของ ตั้งแต่เช้าจนมืด ไม่เคยมีเวลาได้เล่น หรือดูการ์ตูน เหมือนเด็กคนอื่นเขา และไม่เคยได้เงินซื้อขนมเลย (เราเข้าใจนะเพราะแม่ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว) แตกต่างกับพี่ชาย ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่บ้านดูการ์ตูน เล่น มีเงินซื้อขนมกิน(แต่ทำไมพี่ชายได้ล่ะ) ตื่นสายได้ ก่อนไปโรงเรียนก็ไม่ต้องทำอะไร แถมมีของเล่นแพง ๆ ทั้งเกมส์บอย เกมที่ต่อกับทีวี ที่สมัยก่อนใช้ตลับเกมส์(เฉพาตลับเกมส์เป็นพัน ๆ บาท) รถบังคับวิทยุคันใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละอย่างแพงมาก ในสมัยนั้น เพราะเป็นของที่ออกใหม่ ๆ ทั้งนั้น
แม่เราเป็นคนอารมณ์ร้อน เราโดนดุ และโดนตี เกือบทุกวัน เราไม่ได้ดั่งใจก็โดนตี จนคนแถวร้านขายของ คิดว่าเราเป็นลูกเลี้ยงซะอีก เป็นแบบนี้จนเราโตประมาณ ม.ต้น เราก็ไม่ค่อยโดนตีเท่าไหร่แล้ว น้อยลงไปเรื่อย ๆ เวลาเค้ามีปัญหาอะไรก็จะปรึกษาเราตลอด เรื่องเงิน เรื่องขายของ เรื่องญาติพี่น้อง เราก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีตลอด จนเราจบมัธยม และต่อมหาวิทยาลัย เราก็เลือกเรียนใกล้บ้านพยายามสอบให้ได้ เพราะรู้ว่าถ้าได้ใกล้ ๆ ไม่ได้ไปเรียนแน่ ๆ ก็สอบได้ และพอทำงานก็รู้ว่าไม่มีทางได้ไปทำไกล ๆ แน่ ก็เลยเลือกสอบเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยที่เรียนจบมา เพื่อที่จะได้ช่วยเค้าขายของวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการได้เพราะมหาวิทยาลัยรัฐ จะหยุดตามวันหยุดราชการ ก็คือเราทำงาน จันทร์-ศุกร์ และต้องขายของ เสาร์-อาทิตย์ด้วย ทำงานครบ 7 วัน ก็เป็นแบบนี้มาตลอด ส่วนเรื่องที่แม่ต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญด้วยทุก ๆ เรื่องในชีวิต ก็เริ่มตั้งแต่เกิดแล้วหละมั้ง คือ
- เมื่อตอนเด็ก ๆ ก็จะคิดให้ว่าวันนึงเราจะต้องทำอะไรบ้าง ตื่นกี่โมง นอนกี่โมง เลิกเรียนแล้วจะต้องถึงบ้านกี่โมง โรงเรียนเลิก 15.40 น. ต้องถึงบ้านก่อน 16.00 น. ถ้าเลย ซัก 5 นาที ก็จะต้องถามว่า ทำไมกลับช้า ทำอะไรอยู่ เป็นแบบนี้ตลอดจนจบมหาวิทยาลัย คือเลิกเรียนปุ๊บจะต้องกลับทันที ไม่เคยได้ทำกิจกรรมอะไรเลย โชคดีที่มีเพื่อนดี เข้าใจ หลายคน
- เราไม่เคยมีแฟน เพราะรู้ดีว่าจะมีปัญหาอะไรบ้าง มีคนมาชอบหลายคน แต่เราเหมือนไม่เปิดรับใคร รู้สึกเฉย ๆ เพราะเรารู้นิสัยแม่เราว่าเป็นอย่างไร เขาจะต้องคอยสกรีนทุกอย่าง ต้องเข้ามามีบทบาท คิดแทนเราทุกเรื่อง เคยมีคนโทรหาเราซึ่งเป็นคนที่ ลูกป้าแนะนำให้เรารู้จัก แต่แม่เราไม่ชอบ (คือไม่เคยชอบใครเลย ไม่ชอบตั้งแต่ยังไม่ทำความรู้จัก) เราก็คุยปกติ เราเฉย ๆ เราไม่ได้ชอบ แม่เราเห็นแม่ก็บอกให้วางเลย แล้วก็บอกเค้าไปว่าไม่ต้องโทรมาอีก คือจริง ๆ เราก็คุยเป็นเพื่อนเฉย ๆ เราไม่ได้อะไรเลย (แต่ที่เราเสียใจคือ เราไม่มีสิทธิเสรีภาพ หรือความคิดเป็นของตัวเองเลยหรอ ว่าจะคุยกับใคร จะทำอะไร จะพูดอะไร คือตอนนั้นมันรู้สึกแย่แล้วคิดในใจว่า แล้วถ้าเป็นคนที่เรารักละ เราจะทำยังไง ซึ่งตอนนั้นเราเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว) เราก็คุยอีกไม่กี่คำ เราก็หาเรื่องวาง แต่ก็ไม่ได้บอกไปว่าอย่าโทรมาอีก กลัวเค้าเสียความรู้สึก แต่เค้าก็โทรมาอีกหลายครั้ง แล้วก็น้อยลงไป เพราะเราคุยด้วยแต่ก็เหมือนถามคำตอบคำ เค้าคงรู้ตัวแล้วก็ถอยไปเอง
- เราจะได้ไปเที่ยวไหนกับเพื่อน ๆ ก็แค่ปีละครั้งได้มั้ง แบบไปต่างจังหวัดแล้วไปค้างซัก 2 วัน ซึ่งแต่ละครั้งที่ได้ไปก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพื่อนต้องมาขอให้ แล้วเค้าก็ให้ไปแต่ไม่ค่อยพอใจนัก แล้วก็ทำน้อยใจทำแบบไม่ค่อยสดชื่น มึน ๆ ตึง ๆ กับเรา (เพื่อนนี่ก็เพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน จนมาทำงานที่เดียวกันแล้วแม่รู้จักเป็นอย่างดี) ถ้าเป็นวันปกติ อยากไปห้าง ตลาดเปิดท้าย หรือกินข้าวกับเพื่อน ดูหนัง ไม่เคยได้ไปเลย จะเป็นปัญหาตลอด และดูเหมือนจะปัญหาใหญ่มาก ทั้งที่เป็นเรื่องปกติที่คนอื่นเค้าไปกัน จนเราชินชาไปเองที่จะไม่ไป(ซึ่งปกติแม่ก็ไม่ชอบไปไหน ไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเลยซักครั้งเดียว ค่อนข้างติดบ้าน วันธรรมดาไม่ได้ขายของเค้าก็อยู่บ้านตลอดไม่ได้ทำอะไร นอกจากไปหาญาติบ้าง ไปเดินห้างบ้างเป็นครั้งคราว ในช่วงหลัง ๆ)
มีอยู่วันนึงเราขอเค้าไปดูคอนเสิร์ต ๆ นึง ซึ่งเค้าพอจะรู้ว่าเราชอบศิลปินคนนี้อยู่ เค้าก็ตัดใจให้ไป เราก็ได้ไปเจอกับ “แฟนเรา” ในคอนเสิร์ต ซึ่งตอนแรกเราเห็นแฟนเราแล้วเราก็ชอบมาก เราก็ไปถามพี่ที่รู้จักว่าคนนั้นชื่ออะไร เราก็ได้รู้จักกัน(ซึ่งแฟนเราก็บอกว่าเค้าเห็นเราปุ๊บเค้าก็ชอบเราเหมือนกัน) และติดต่อกันมาตลอด แต่เราอยู่กันคนละจังหวัด เราก็เลยชวนแฟนเรามาทำงานที่จังหวัดเรา และให้มาอยู่บ้านเรา ซึ่งตลอดเวลาที่เราคุยกันผ่าน FB แม่เราเค้าก็เห็นตลอด เพราะเราคุยกัน และเปิดกล้องไปด้วย แม่เค้าก็รู้สึกถูกชะตา ไม่ได้ว่าอะไร (เพราะคงเห็นเป็นผู้หญิงเหมือนกันหรือป่าวเลยไม่ว่าอะไร อ่อเราชอบผู้หญิงค่ะ แฟนเราก็เป็นผู้หญิงออกห้าวนิดนึง แต่ไม่ใช่ทอมนะคะ) เราชวนแม่เราไปไหว้พระที่จังหวัดที่แฟนเราอยู่และชวนไปหาแฟนเราด้วย แม่เราก็ไป ขับรถไปกัน 2 คน ไปเช่ารีสอร์ทอยู่ และตอนกลับก็ยังให้เงินแฟนเรา 2000 เลย สถานการณ์ดูเหมือนจะดี ราบรื่น แต่หลังจากที่แฟนเราย้ายมาทำงานและมาอยู่ที่บ้านเรา แม่ก็เริ่มเข้ามามีบทบาททุกอย่างในชีวิตของเราทั้ง 2 คน
- ปกติแฟนเราอยู่ที่จังหวัดเค้า เค้าทำงานและอยู่หอพัก แม่เค้าจะมาหาอาทิตย์ละครั้ง เค้าอยู่คนเดียวจะไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ แต่ต้องออกจากงานโดยไม่รู้ว่าจะได้งานเมื่อไหร่ เพื่อมาอยู่กับเรา มาอยู่บ้านเราวันแรก วันรุ่งขึ้นไปทำรายวันก่อนเลย(โดยหางานจากในเน็ตล่วงหน้าก่อนมา) เป็นอีเว้นท์ ระหว่างที่ทำอีเว้นท์ไปก็หางานไปด้วย โดยไม่เกี่ยงงาน เปลี่ยนงานไปเรื่อย ทำที่ละประมาณ 1 เดือนจนได้ทำงานที่มั่นคง ได้เดือนละ เกือบ 2 หมื่น แต่ต้องกลับบ้านมืดทุกวัน ไม่ได้หยุดวันเสาร์ ซึ่งช่วยแม่ขายของไม่ได้ และวันธรรมดาถึงไม่ได้ขายของ แต่กลับมามืดแล้ว และงานหนักมาก ทำงานบ้านก็ไม่ไหว แม่ก็ไม่พอใจและการเป็นเซลล์แม่บอกต้องเจอคนเยอะ แม่ไม่ไว้ใจชอบหาว่าแฟนเราไปนู่นไปนี่ ถเลถไลไม่กลับบ้าน ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างไรบ้าง ทั้งที่เราอยู่อยู่ตลอดว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้แฟนเราทำอะไรอยู่(มันปวดใจ เห็นแฟนเหนื่อยยังต้องมาถูกมองในแง่ลบอีก) ระหว่างนี้ก็มีปัญหาตลอด แม่ไม่เคยให้ไปไหนกันเลย อยู่บ้านตลอด เคยไปเดินซื้อของกันตอนเย็นหลังเลิกงาน เพราะบ้างวันแฟนเราก็กลับเร็วบ้าง แม่ก็จะบอกว่าหาเวลาจะอยู่กันแค่ 2 คนนะ มีเวลาไม่ได้เลยนะคิดแต่จะแวบไปอยู่กันแค่ 2 คน ทั้งที่จริง ๆ คือเราไปซื้อของ แล้วปกติเค้าไม่เคยออกไปไหน ไม่ออกจากบ้านเลย ชวนไปไหนก็ไม่ไป ใช้ให้เรากับพ่อไปซื้อให้ตลอด แม้แต่ไปซื้อข้าวกินก็ไปด้วยกันไม่ได้ ทั้งที่ปกติเราก็ไม่เคยมีเวลาอยู่ด้วยกัน 2 คนเลย (จริง ๆ นอกจากเวลานอน จะอธิบายภายหลัง) และระหว่างวันถ้าโทรหากัน ก็ไม่ได้ แม่ก็จะไม่พอใจ ไม่ว่าแฟนจะโทรหาเรา หรือเราโทรหาแฟนยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย แม่ก็จะบอกว่าจะห่วงอะไรนักหนา นึกถึงกันตลอดเวลาเลยหรอ หายใจเข้าหายใจออกมีอยู่ในหัวใจตลอดเวลาเลยหรอ คือจริง ๆ ไม่ถึงขนาดนั้น ก็แค่โทรศัพท์แต่แม่ทำเหมือนเราทำผิดยิ่งใหญ่ คืองานแฟนเราต้องขับรถหาลูกค้าทั้งวัน เราก็เป็นห่วงเป็นธรรมดา หรือบ้างทีแฟนเราเจออะไรน่ากิน หรือเจอเหตุการณ์อะไรก็จะโทรมาถาม โทรมาเล่าให้ฟังบ้าง มันเป็นธรรมดาของคนเป็นแฟนกันนะเราว่า เราก็เลยโทรน้อยลง แล้วแม่ก็จะชอบหาเรื่องบ่น ๆ บอกว่าเดี๋ยวนี้มีคนดูแลแล้ว แม่ก็หมดความหมาย เราก็พยายามอธิบายหลายครั้งแล้วว่าไม่เกี่ยว มันไม่เหมือนกัน มันเป็นความรักคนละอย่าง แต่ก็ไม่เป็นผล จะต้องหาเรื่องอะไรมาน้อยใจได้ทุกวัน ย้ำทุกวัน ทุกเรื่อง (เราคิดว่าเค้าคงรู้ว่าทำกับเราไว้เยอะ ก็เลยกลัวเราจะไม่รัก) เค้าบอกว่าตอนนี้เหมือนเราไม่ใช่คนของเค้า เหมือนไปเป็นคนของแฟนเรา เค้าเหมือนคนไม่มีพวก เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องคิดขนาดนั้น แฟนเราดีมาก ตามใจแม่ทุกอย่าง อะไรช่วยได้ก็ช่วย อะไรทำได้ก็ทำ ไม่เคยเถียง ทั้งที่บางทีไม่จริงก็ยังไม่เถียงยิ้ม ๆ (จริง ๆ น่าจะพูดบ้าง แม่จะได้ไม่เข้าใจผิด พอเราพูด แม่ก็หาว่าเข้าข้างแฟน) ตั้งแต่ได้ทำงานที่บริษัทนี้ เริ่มอยู่ตัว แม่ก็เรียกแฟนเราไปคุย แล้วบอกว่าให้ฝากเงินให้เราเดือนละ 5000 (ปกติแฟนเราให้แม่เราเดือนละ 2000) ทุกเดือน แฟนเราก็ยินดีและบอกแม่ว่า คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะฝากให้แต่รอให้งานเข้าที่เข้าทางก่อน แล้วแม่ก็ยังบอกอีกว่า ของใช้ในห้องของเรากับแฟน แฟนเราต้องเป็นคนจ่าย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ครีมล้างหน้า ผงซักฟอก ยาสีฟัน ฯลฯ แฟนเราก็ยินดี แถมเวลาเจออะไรน่ากินก็ซื้อมาบ้านตลอด แฟนเรายอมทุกอย่าง แล้วเงินเดือนเรา ปกติเราให้แม่อยู่แล้วเดือนละ 5000 แต่หลังจากที่แฟนมาอยู่เราต้องซื้อข้าวให้แม่กินด้วยทั้งกลางวัน และเย็น รวมถึงขนม และอื่น ๆ (สรุปเงินเดือนเราไม่เคยเหลือเลย ไม่พอด้วย บางครั้งต้องไปเอาเงินแฟนมาใช้ตลอด) คงเพราะกลัวว่าแฟนเราจะมาเอาเงินเราไปใช้ T^T เรากับแฟนเสียความรู้สึกหลายเรื่อง แฟนเราอดทนมากเลยนะคะ บ้างครั้งต่อหน้าแม่ก็ปกติ คุยปกติ แต่พอเข้าห้องแฟนก็แอบไปร้องไห้หลายครั้ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็บอกให้เราไปนอนด้วยอาทิตย์ละ 2 วัน คือวันจันทร์ กับวันศุกร์ ที่บอกว่าเราไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันนอกจากเวลานอน เพราะว่า พอเรากลับมาจากทำงานเราก็ต้องไปอยู่กับแม่ จนกะทั้งกินข้าว อาบน้ำ อาบน้ำเสร็จก็ต้องไปอยู่กับเค้าจนกว่าเค้าจะให้ไปนอน ซึ่งดึกมาก ประมาณ เกือบเที่ยงคืน หรือบางครั้งถึง ตี 1 ซึ่งแฟนเราก็จะอยู่ที่ห้องถ้าไม่ได้ไปอยู่ห้องแม่ด้วย ก็จะหลับไปแล้วกว่าเราจะได้กลับห้อง แล้วตอนเช้าก่อนไปทำงานก็ต้องไปนั่งคุยกับเค้าก่อนในห้อง เค้าก็จะชอบถามว่ากลับไปถึงห้องนอนเลยหรือป่าว ทำอะไรอยู่ ทำไมนอนไม่รู้จักเปิดม่าน ซึ่งเราบอกว่าเปิดด้านหลังห้อง เค้าก็จะบอกว่าทำไมไม่เปิดด้านในบ้าน ซึ่งลมเข้าดีกว่า แต่คือเค้าจะได้แอบมาส่องได้ แล้วตื่นกี่โมง ตื่นแล้วมาหาเค้าเลยหรือป่าว อย่างเมื่อเช้าก็ถามว่ากลับไปแล้วนอนเลยมั้ย พอดีแฟนเรากลับห้องไปก่อน เราก็บอกว่านอนเลย กลับไปแฟนก็หลับแล้ว แม่ก็บอกว่า พอเราไปถึงมันก็ตื่นใช่มั้ย เราก็บอกว่าป่าว ก็หลับก็แฟนเป็นคนตื่นยาก เค้าก็บอกอีกว่า แล้วมาตื่นเอาตอนตี 5 ห้าสิบ ใช่มั้ย เค้าตื่นไปปิดไฟ เค้าได้ยินเสียงชักโครก เราก็บอกว่าป่าว แฟนเราคงเข้าห้องน้ำมั้ง ซึ่งเรารู้สึกแย่มาก เหมือนติดคุกยังไงไม่รู้ แล้วไหนเราต้องรักษาความรู้สึกแฟนเราอีก ซึ่งกว่าเราจะได้นอน เช้าก็ต้องรีบตื่นไปทำงานกัน แทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย แถมยังต้องไปนอนกับแม่อีกอาทิตย์ละ 2 วัน ในเวลาปกติ หลังจากทำงานก็ห้ามอยู่ด้วยกันแค่ 2 คน ต้องมีเค้าอยู่ด้วยตลอดเวลา เวลาเค้าไปอยู่ในห้องตัวเอง เราก็ต้องตามเค้าไป อาจจะต้องทิ้งแฟนไว้ในห้อง ถ้าแฟนไม่ไปห้องแม่ด้วย เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้นเผื่ออะไรจะดีขึ้น เสาร์-อาทิตย์ก็จะได้ช่วยขายของได้ ก็เลยพยายามให้เค้าสอบเข้าที่ทำงานของเราให้ได้ จนแฟนเราสอบเข้าได้ ก็ดีขึ้นหน่อย ตรงที่ ได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องทำเหมือนเดิม ห้ามไปไหนกัน ห้ามโทรหากันบ่อย ห้ามห่วงกัน ห้ามสวีทกัน ห้ามล็อคห้องนอน ถ้ายังไม่นอน ฯลฯ มีอีกเยอะแยะมากมาย บอกแล้ว 3 วัน 3 คืน ไม่จบ เล่าข้ามไปเยอะเลย บางเรื่องก็จำไม่ได้ แต่มันละเอียดอ่อนกับจิตใจเรา
จริง ๆ แล้วเค้าค่อนข้างชอบแฟนเรา ถ้าเค้าไม่ชอบเค้าไล่ไปนานแล้ว แฟนเราไม่มีเรื่องให้ว่าเลย