"โอ้ย ไม่บอกว่าจะค้างคืนกันซะที่นิ่ จะได้เตรียมกบ เตรียมปลา ไว้ย่างกินกัน"
คำพูดของคน ถิ่น ที่ผมได้ฟังแล้วอบอุ่น เหมือนมาที่นี้เป็นครั้งที่ร้อย
"เหล้าหรือเบียร์ เหล้าแล้วกัน อุ่นดี" น้าถึกตอบคำถามให้กับตนเอง
เพื่อนผมโทรมาหาแต่เช้า บอกว่าพ่อไม่สบาย ไปรับพ่อเป็นเพื่อนหน่อย
ไอผม ด้วยความหน่ายอยู่บ้าน จึงตอบตกลงโดยพลัน
"เออ ว่าแต่ที่ใหนว่ะเพื่อน"
"สมุย"
"เออ แปปเดียวก็ถึง อยู่แถวระยองเองหนิ่" ไม่รู้เอ่ยไปด้วย ความง่วงหรือความโง่
"เห้ย นั้นมัน เสม็ด สมุย สุราษ โว้ย"
"เ_ี้ย" แทนความหมายว่า ไกล๊ ไกล
"จะไปกันกี่โมงหละ จะได้บอกที่บ้านไว้ก่อน"
"ตอนนี้เลย จะถึงหน้าบ้านล่ะ" งั้นคงทำได้อย่างเดียว อาบน้ำ!!!
นิ่เป็นทริปเร่งด่วน ที่ไกลที่สุดของผม
"สมุย ที่มีหินตา หินยาย ใช่ป่ะ"
"เออ เคยไปแล้วสิ่"
"อ่อ ยังไม่เคย แต่เคยอ่านหน่ะ"
"กี่ชั่วโมงถึงว่ะ"
"น่าจะอยู่ที่แปดชั่วโมงแหละ แต่ต้องไปถึงก่อน ทุ่มนึงหวะ เด๋วเรือหมด"
"แต่นิ่ สิบเอ็ดโมงแล้วน่ะ จะทันเหรอว่ะ" ผมกลัวว่า จะขึ้นเรือเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน ต้องรอ จนอีกวัน
"รัดเข็มขัดซะ ไปกับกูยังไงก็ทัน"
หลังจากประโยคนี้ ผมรู้แน่แล้ว จาก ฟอรด์เฟียซต้านั้น จะกลายเป็น ม้ามัซแตง สิบสองสูบ
และแล้วก็จริงอย่างที่มันว่า ถึงเกาะสมุย ใช้เวลาประหยัดไป สองชั่วโมงด้วยซ้ำ
"ฮาโหลครับ น้าถึก ผมออกมาจากเรือแล้วครับ" เสียงในสายนั้นว่าไงต่อ ไม่อาจทราบ แต่น้าถึกคนในสาย ได้ขี่ฟีโน่ นำทางเราเสียแล้ว
ในขณะ ที่ขับตามน้าเค้าไป น้าถึก กลางมือซ้ายออก พลางชี้ให้เราจอด ตรงหน้าเซเว่น
"โอ้ย ไม่บอกว่าจะมาข้างคืนกันซะที่นิ่ จะได้เตรียมกบ เตรียมปลาไว้ย่างกินกัน
เหล้าหรือเบียร์ เหล้าแล้วกัน อุ่นดี" พลันเดินเข้าเซเว่น
"เห้ย นิ่น้า พูดเหมือนว่าเป็นหน้าหนาว เนอะ"
"ข้างบนหนาว" เพื่อนผมตอบมาสั้นๆ
จริงๆแล้วผม ตกลงใจกัน กับเพื่อนไว้ว่า พอคุยกะพ่อเสร็จ แล้วจะลงมาหาที่พัก กันข้างล่าง ในตัวเมืองสมุย หวังในใจ จะได้นั่งดูสาวๆกัน แล้วพอเช้า ค่อยรับพ่อกลับ
"มีแค่ หมึกย่างน้ำพริกกะปิกับผักลวกน่ะ กินกันพอมั้ย"
"พอครับ" ผมอยากบรรยายให้เห็นภาพ หมึกย่างชิ้นโตๆ หอมกลิ่นซีอิ๊วบวกกับกลิ่นเตาถ่าน
มาพร้อม น้ำพริกกะปิย่างถ้วยโต ที่เสริฟกับผักพื้นบ้านลวก
"น้าเป็นห่วงพ่อ เลยให้เรารีบมา" ผมขอ อณุญาติ พูดถึงพ่อเพื่อนน้อยเท่าที่น้อยได้น่ะครับ
เนื่องด้วยสาเหตุบางประการ
อร่อย อร่อย

ทุกอย่างจริงๆ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า คนบนเกาะสมุย ทำอาหารอร่อยทุกคนหรือไม่
"อิ่มกันแล้วเหรอ"
"ครับ" แน่ใจได้ว่าผมอิ่มด้วยความอร่อย และเพราะรอยยิ้มที่เป็นมิตร ของน้าถึก คนถิ่น
"อิ่มแล้ว แต่จิบต่อได้ยาวน่ะครับ" ผมพูด พร้อมส่งรอยยิ้ม เป็นค่าตอบแทน
"น้าถึก ครับ ข้างๆนิ่ มีสวนอะไรบ้างครับ"
"ยางกับทุเรียนเป็นส่วนมาก แต่ยางนิ่ ก็ตัดไปเยอะแล้ว จะถางที่ปลูกเป็นทุเรียนให้หมด"
"เอ้าน้า ตัดต้นยางไม่ต้อง ขออณุญาติเหรอครับ"
"ยางพาราน่ะ ไม่ใช่ต้นยางลูก" เออใช่ แถวนี้ เค้าทำสวนยางพารากัน จะต้องขอทำไมว่ะ ง่วงหรือโง่ว่ะ หรือต้องถามว่า โง่หรือโง่
(ต้นไม้สองชนิด ที่ต้องขออณุญาติตัด แม้จะปลูกไว้ในพื้นที่ส่วนบุคคล คือ ต้นสัก กับต้นยาง)
"หนาวมากเลยน่ะครับน้า น่ะจะต่ำกว่า ยิ่สิบ องศา" หนาวจริงๆอย่างที่เพื่อนเตือนครับ แต่ดื่มกับเหล้า ลงตัวมาก เอาบรรยากาศ รินใส่แก้วไปด้วย
"จ่าย จ่าย*" จ่ายไรว่ะ อ่อ สำเนียงน้าเค้า (ใช่ๆ*)
"ข้างล่าง เนี่ยร้อน ต้องเปิดแอร์กัน บนเขาอย่างเรา แทบจะผิงไฟ"
จริงครับ บรรยากาศอย่างงี้ ผลาญเหล้าได้ดีจริงๆ เผลอแปปเดียว พานจะหมดกลมเอา
"โอ้โห เด๋วนี้คุยแบบเห็นหน้าได้แล้วเหรอเนี่ย"เพื่อนผมคุยเฟซไทม์กับแฟน
ดูเหมือนน้าถึก จะแปลกใจ พลันให้แกนึกถึงเรื่องที่ เพิ่งผ่าน
"วันนั้นน้าไปดู ตะลุงมา ตัวตลก มันถาม ฤาษี ท่านอยู่แต่ในป่า อันกว้างใหญ่ ใฉนท่าน รู้ได้ เจ้าชายถูกลักพาตัว ฤาษีผู้มีวิชาแกร่งกล้า ตอบตัวตลกไปว่า ข้ามีเฟซบุ้ค"
น้าเล่าจบพร้อมหัวเราะตัวงอ ไปกับมัน เป็นรอบที่สาม ใช่ น้าเล่าเรื่องเดิม สามรอบ
คงไม่ใช่เพราะเมา แกคงชอบคำตอบของฤาษีนั้นจริงๆ
ผมหัวเราะเคล้าตามแกไป แต่ข้างในแค่ยิ้ม ไม่ใช่ไม่ตลก
แต่ผมยิ้ม เพราะ ผมหลง หลงความเป็น คนถิ่น ที่แสนงดงามของน้าถึก
ได้เวลา ลาน้าถึกและบรรยากาศดีๆ สู่หมอนกลิ่นหมวกกันน๊อก ที่น้าแกให้ยืม
ขอบคุณ จากใจครับ น้าถึก คนถิ่น
คนถิ่น
คำพูดของคน ถิ่น ที่ผมได้ฟังแล้วอบอุ่น เหมือนมาที่นี้เป็นครั้งที่ร้อย
"เหล้าหรือเบียร์ เหล้าแล้วกัน อุ่นดี" น้าถึกตอบคำถามให้กับตนเอง
เพื่อนผมโทรมาหาแต่เช้า บอกว่าพ่อไม่สบาย ไปรับพ่อเป็นเพื่อนหน่อย
ไอผม ด้วยความหน่ายอยู่บ้าน จึงตอบตกลงโดยพลัน
"เออ ว่าแต่ที่ใหนว่ะเพื่อน"
"สมุย"
"เออ แปปเดียวก็ถึง อยู่แถวระยองเองหนิ่" ไม่รู้เอ่ยไปด้วย ความง่วงหรือความโง่
"เห้ย นั้นมัน เสม็ด สมุย สุราษ โว้ย"
"เ_ี้ย" แทนความหมายว่า ไกล๊ ไกล
"จะไปกันกี่โมงหละ จะได้บอกที่บ้านไว้ก่อน"
"ตอนนี้เลย จะถึงหน้าบ้านล่ะ" งั้นคงทำได้อย่างเดียว อาบน้ำ!!!
นิ่เป็นทริปเร่งด่วน ที่ไกลที่สุดของผม
"สมุย ที่มีหินตา หินยาย ใช่ป่ะ"
"เออ เคยไปแล้วสิ่"
"อ่อ ยังไม่เคย แต่เคยอ่านหน่ะ"
"กี่ชั่วโมงถึงว่ะ"
"น่าจะอยู่ที่แปดชั่วโมงแหละ แต่ต้องไปถึงก่อน ทุ่มนึงหวะ เด๋วเรือหมด"
"แต่นิ่ สิบเอ็ดโมงแล้วน่ะ จะทันเหรอว่ะ" ผมกลัวว่า จะขึ้นเรือเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน ต้องรอ จนอีกวัน
"รัดเข็มขัดซะ ไปกับกูยังไงก็ทัน"
หลังจากประโยคนี้ ผมรู้แน่แล้ว จาก ฟอรด์เฟียซต้านั้น จะกลายเป็น ม้ามัซแตง สิบสองสูบ
และแล้วก็จริงอย่างที่มันว่า ถึงเกาะสมุย ใช้เวลาประหยัดไป สองชั่วโมงด้วยซ้ำ
"ฮาโหลครับ น้าถึก ผมออกมาจากเรือแล้วครับ" เสียงในสายนั้นว่าไงต่อ ไม่อาจทราบ แต่น้าถึกคนในสาย ได้ขี่ฟีโน่ นำทางเราเสียแล้ว
ในขณะ ที่ขับตามน้าเค้าไป น้าถึก กลางมือซ้ายออก พลางชี้ให้เราจอด ตรงหน้าเซเว่น
"โอ้ย ไม่บอกว่าจะมาข้างคืนกันซะที่นิ่ จะได้เตรียมกบ เตรียมปลาไว้ย่างกินกัน
เหล้าหรือเบียร์ เหล้าแล้วกัน อุ่นดี" พลันเดินเข้าเซเว่น
"เห้ย นิ่น้า พูดเหมือนว่าเป็นหน้าหนาว เนอะ"
"ข้างบนหนาว" เพื่อนผมตอบมาสั้นๆ
จริงๆแล้วผม ตกลงใจกัน กับเพื่อนไว้ว่า พอคุยกะพ่อเสร็จ แล้วจะลงมาหาที่พัก กันข้างล่าง ในตัวเมืองสมุย หวังในใจ จะได้นั่งดูสาวๆกัน แล้วพอเช้า ค่อยรับพ่อกลับ
"มีแค่ หมึกย่างน้ำพริกกะปิกับผักลวกน่ะ กินกันพอมั้ย"
"พอครับ" ผมอยากบรรยายให้เห็นภาพ หมึกย่างชิ้นโตๆ หอมกลิ่นซีอิ๊วบวกกับกลิ่นเตาถ่าน
มาพร้อม น้ำพริกกะปิย่างถ้วยโต ที่เสริฟกับผักพื้นบ้านลวก
"น้าเป็นห่วงพ่อ เลยให้เรารีบมา" ผมขอ อณุญาติ พูดถึงพ่อเพื่อนน้อยเท่าที่น้อยได้น่ะครับ
เนื่องด้วยสาเหตุบางประการ
อร่อย อร่อย
"อิ่มกันแล้วเหรอ"
"ครับ" แน่ใจได้ว่าผมอิ่มด้วยความอร่อย และเพราะรอยยิ้มที่เป็นมิตร ของน้าถึก คนถิ่น
"อิ่มแล้ว แต่จิบต่อได้ยาวน่ะครับ" ผมพูด พร้อมส่งรอยยิ้ม เป็นค่าตอบแทน
"น้าถึก ครับ ข้างๆนิ่ มีสวนอะไรบ้างครับ"
"ยางกับทุเรียนเป็นส่วนมาก แต่ยางนิ่ ก็ตัดไปเยอะแล้ว จะถางที่ปลูกเป็นทุเรียนให้หมด"
"เอ้าน้า ตัดต้นยางไม่ต้อง ขออณุญาติเหรอครับ"
"ยางพาราน่ะ ไม่ใช่ต้นยางลูก" เออใช่ แถวนี้ เค้าทำสวนยางพารากัน จะต้องขอทำไมว่ะ ง่วงหรือโง่ว่ะ หรือต้องถามว่า โง่หรือโง่
(ต้นไม้สองชนิด ที่ต้องขออณุญาติตัด แม้จะปลูกไว้ในพื้นที่ส่วนบุคคล คือ ต้นสัก กับต้นยาง)
"หนาวมากเลยน่ะครับน้า น่ะจะต่ำกว่า ยิ่สิบ องศา" หนาวจริงๆอย่างที่เพื่อนเตือนครับ แต่ดื่มกับเหล้า ลงตัวมาก เอาบรรยากาศ รินใส่แก้วไปด้วย
"จ่าย จ่าย*" จ่ายไรว่ะ อ่อ สำเนียงน้าเค้า (ใช่ๆ*)
"ข้างล่าง เนี่ยร้อน ต้องเปิดแอร์กัน บนเขาอย่างเรา แทบจะผิงไฟ"
จริงครับ บรรยากาศอย่างงี้ ผลาญเหล้าได้ดีจริงๆ เผลอแปปเดียว พานจะหมดกลมเอา
"โอ้โห เด๋วนี้คุยแบบเห็นหน้าได้แล้วเหรอเนี่ย"เพื่อนผมคุยเฟซไทม์กับแฟน
ดูเหมือนน้าถึก จะแปลกใจ พลันให้แกนึกถึงเรื่องที่ เพิ่งผ่าน
"วันนั้นน้าไปดู ตะลุงมา ตัวตลก มันถาม ฤาษี ท่านอยู่แต่ในป่า อันกว้างใหญ่ ใฉนท่าน รู้ได้ เจ้าชายถูกลักพาตัว ฤาษีผู้มีวิชาแกร่งกล้า ตอบตัวตลกไปว่า ข้ามีเฟซบุ้ค"
น้าเล่าจบพร้อมหัวเราะตัวงอ ไปกับมัน เป็นรอบที่สาม ใช่ น้าเล่าเรื่องเดิม สามรอบ
คงไม่ใช่เพราะเมา แกคงชอบคำตอบของฤาษีนั้นจริงๆ
ผมหัวเราะเคล้าตามแกไป แต่ข้างในแค่ยิ้ม ไม่ใช่ไม่ตลก
แต่ผมยิ้ม เพราะ ผมหลง หลงความเป็น คนถิ่น ที่แสนงดงามของน้าถึก
ได้เวลา ลาน้าถึกและบรรยากาศดีๆ สู่หมอนกลิ่นหมวกกันน๊อก ที่น้าแกให้ยืม
ขอบคุณ จากใจครับ น้าถึก คนถิ่น