อเบอร์ดีนชี้ต่างชาติขายหุ้นทำกำไรตามปกติ

บลจ.อเบอร์ดีนเผยต่างชาติปรับพอร์ต-ขายทำกำไรหุ้นทั่วโลก หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้น หุ้นไทยตื่นเกินเหตุ พื้นฐานไม่เปลี่ยน

นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนทั่วโลกเคยชินกับอัตราดอกเบี้ยต่ำมานานพอมีความกังวลในเรื่องทางทางสหรัฐอาจจะมีการหยุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกมา ทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นมาจนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.18% จากเดิมที่เคยต่ำกว่า 2.0% ซึ่งพันธบัตรสหรัฐเป็นสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยง (Risk Free) ที่ใช้เป็นดัชนีอ้างอิงของทั่วโลกนั่นจึงทำให้นักลงทุนมีการจัดสรรเงินลงทุนใหม่อีกครั้งรวมทั้งมีการขายหุ้นทำกำไรออกมาทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมารวมทั้งตลาดหุ้นไทยก็เช่นกัน แต่บริษัทมองว่าตลาดตอบสนองต่อเรื่องนี้มากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะโดยพื้นฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก จะเห็นว่าตลาดหุ้นที่เคยปรับตัวขึ้นมาแรงก่อนหน้าจะเป็นตลาดที่ถูกขายทำกำไรออกมาอย่างหนักกว่าตลาดอื่น เช่น ญี่ปุ่น ,ฟิลลิปปินส์ รวมทั้งไทย

"การเคลื่อนย้ายของเงินทุนเป็นเรื่องที่วิเคราะห์ได้ยาก การขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมาเองก็มีหลายเหตุผลเพราะนักลงทุนต่างชาติเองก็มีหลากหลายสไตล์ แต่อเบอร์ดีนเองในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ขายหุ้นไทยเลยโดยกลุ่มอเบอร์ดีนมีเม็ดเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยรวมกันประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากกว่าตลาด (Overweight) ด้วย โดยกองเอเชียของอเบอร์ดีนเองให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยประมาณ 6% ในขณะที่ดัชนีเทียบวัดอยู่ประมาณ 1% กว่า เท่านั้น หุ้นในพอร์ตของบริษัทเองก็ประเมินว่าในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรประมาณ 10 - 11% มีอัตราเงินปันผลประมาณ 3% และมีสัดส่วนราคาต่ำกำไรสุทธิ (P/E) ประมาณ 13 เท่ากว่า ก็ถือว่ายังโอเคไม่ได้ดูแย่อะไรสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย"

นายอดิเทพ กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาดีเกินคาดและมีการเข้ามาเก็งกำไรค่อนข้างมาก หุ้นบางตัวราคาขึ้นมาจนกำไรตามไม่ทัน P/E ขึ้นมาเป็น 30 - 40 เท่า ก็ยังมีคนเล่นกัน การที่ตลาดปรับตัวลงจะได้ทำให้นักลงทุนได้คิดว่าตลาดหุ้นมีขึ้นก็มีลงได้ไม่ใช่ขึ้นขาเดียวตลอดและดีที่ตลาดปรับตัวครั้งนี้เชื่อว่าคนจะได้ตระหนักในเรื่องนี้มากขึ้นด้วย ในระยะสั้นช่วง 1 ปี ข้างหน้าการมองตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องที่ยากเพราะไม่มีใครรู้จริงๆ แต่ถ้ามองภาพในระยะกลางถึงยาวในช่วง 3 - 5 ปี ข้างหน้า บริษัทยังมองตลาดหุ้นไทยในเชิงบวกเพราะเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ในระดับปกติของตลาด ถ้ามองว่าเศรษฐกิจไทยจะโดตได้ 4 - 5% กำไรบริษัทจดทะเบียนโตได้ 10 - 15% ต่อปี ตลาดหุ้นไทยก็น่าจะเติบโตไปได้ในระดับเดียวกันในช่วง 3 - 5 ปี ข้างหน้า จะให้ตลาดโต 20 - 30% ทุกปี คงเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นในหุ้นบางตัวที่มีการขยายธุรกิจไปในอาเซียนอาจจะทำให้กำไรเขาเติบโตในระดับนั้นได้จริงตรงนั้นคงต้องไปตามดูรายบริษัทไป

"ตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 - 5 ปี ข้างหน้า ยังเติบโตไปได้ในระดับปกติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีและเหมาะสม จะไปหวังให้หุ้นปรับตัวสูงทุกปีเหมือนช่วงที่ผ่านมาคงไม่ได้เช่นกัน การปรับตัวลงมาครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักลงทุน ภาพในระยะสั้นเชื่อว่าความผันผวนยังคงมีอยู่ แต่สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาวแล้วถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นได้เพราะหุ้นหลายตัวราคาเริ่มกลับมาน่าสนใจลงทุนอีกครั้ง และในส่วนของอเบอร์ดีนเองในช่วงที่ต่างชาติขายก็ไม่ได้ขายหุ้นไทยออกมาเลย ดังนั้นเชื่อมั่นว่านักลงทุนต่างชาติที่เป็นนักลงทุนระยะยาวก็คงยังอยู่เช่นเดียวกัน"

ที่มา : http://money.th.msn.com/Stock/stock.aspx?cp-documentid=252853024

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่