บทนำ
บทที่
1 2 3 4 5 6 7 8
บทนี้สั้นหน่อย หลังจากตอนยาวมา 2 บทติด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 9 เรื่องราวความรัก -Koibana-
[恋話 - コイバナ-]
[Note: เล่นคำ koihana กับ koibana ที่เป็นมังงะ]

วันต่อมา
ตอนนี้ผมกำลังคิดหนักกับเรื่องเรื่องหนึ่งอยู่ เกี่ยวกับความรู้สึกแปลกๆตอนที่ได้คุยกับริกกะกลางเขาเมื่อวาน
แน่นอนว่า ความรู้สึกต่อเธอจนตอนนี้คือเธอนั้นน่ารักบ้างล่ะ ไม่อยากปล่อยเธอไว้คนเดียวบ้างล่ะ หรืออยากจะอยู่กับเธอบ้างล่ะ แต่นี่มันมากกว่านั้น ถึงจะดูเหมือนกำลังพูดอะไรให้เข้าใจผิดกันอยู่ แต่ในตอนนั้น มันเกิดความรู้สึกที่จู่ๆก็จี๊ดเข้ามาเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนั่นมันคืออะไรกันแน่
แน่นอนว่า หลายๆคนคงจะรู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันใช่รึเปล่า เพราะถ้าเป็นตัวผมเมื่อก่อนคงจะบอกว่าความรู้สึกอะไรแบบนี้น่ะ มันไม่มีอยู่ในโลกหรอก เพราะงั้นนี่เลยเป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกสับสนแบบนี้ ถึงจะน่าอายไปหน่อย แต่ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนจริงๆ ทั้งตอนเรียนประถม แล้วก็ตอนม.ต้นด้วย มันเหมือนกับกำลังเป็นนักแสดง หรือตัวละครในมังงะไม่เคยได้มีโอกาสโอบกอดความรู้สึกแบบนี้เอาไว้ ว่าแต่ไอ้ความคิดดูโมเอะๆแบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้วมั้ง!
ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับจะระเบิดออกมา แต่มันง่ายที่จะรู้สึกติดพันกับความรู้สึกที่คลุมเครือนี่ เหมือนกับกำลังอ่านนิยายสืบสวนถึงช่วงที่กำลังคลุมเครือว่าใครเป็นคนร้ายยังไงยังงั้นเลย
เพื่อให้รู้ๆกันไปเลยว่ามันคืออะไร ไปคุยกับคนที่น่าจะรู้ตัวจริงของความรู้สึกแบบนี้ท่าจะดีกว่า
และนั่นคือเหตุผลที่ตอนนี้ผมมากินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารกับอิชชิกิสองคน
นั่งกินข้าวกันสองต่อสอง แล้วยังเป็นผู้ชายสองคนที่กำลังคุยกันเรื่องความรักด้วย
“แหม นั่นน่ะ มันความรักไม่ใช่เหรอ? จะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้น่ะนะหลังจากที่ได้ยินที่เล่ามาทั้งหมดนั่นแล้วน่ะ”
“เอ๊ะ ยังงั้นเหรอ? เป็นยังงั้นจริงๆหรือครับ?”
ผมพูดแบบสุภาพ ก็นะอุตส่าห์ขอให้ช่วยก็ต้องมีการพูดจาให้เกียรติกันนิดนึง
“บู่~ นี่นายไม่รู้สึกตัวเลยจนตอนนี้นี่น่ะนะ?”
“ก็ ชั้นก็คิดว่าเธอน่ารักอยู่เสมอน่ะนะ ดูเหมือนน้องสาวมั่งล่ะ อยากจะคอยดูแลเทคแคร์มั่งล่ะ อะไรทำนองนั้นแหละ แต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องรักชอบนั่นแม้แต่นิดเดียวเลย ไม่สิ อาจจะมีคิดบ้างแต่มันยังไม่แน่ชัดก็ได้ แต่ว่านะ จะให้บอกว่าชอบเพราะน่ารักแค่นั้นเหรอ? ไม่คิดเหรอว่ามันไม่สมเหตุสมผลน่ะ ถ้าจะบอกว่าเพราะน่ารักจึงชอบแบบนี้ชั้นก็ต้องชอบคันนางิซังด้วยสิ แล้วยิ่งไปกว่านั้นมันก็ต้องหมายความว่าอิชชิกิซังรักชอบทุกคนเลยไม่ใช่เหรอ”
“ยังจะมาพูดเอาป่านนี้ ชั้นน่ะรักทุกคนอยู่แล้วนั่นแหละ”
“พวกมากรัก!”
อย่าไปซีเรียสกับคำที่ผมใช้มากนักล่ะ ผมแค่อยากจะฟังเรื่องราวความรักจากหลายๆมุมมองเองน่ะนะ
“แหมๆ ชั้นก็รู้เรื่องเกี่ยวกับความรักอยู่ค่อนข้างมากน่ะนะ แต่ว่านะโทงาชิ อาการที่นายเป็นแล้วอยากรู้ว่ามันคืออะไรนั่นน่ะนะ มันก็อาการเดียวกับที่คนอื่นๆมักจะกังวลคิดไม่ตกเวลามีความรักนั่นแหละ”
“แบบนี้นี่เอง….แต่ว่านะ ชั้นคงจะรู้สึกมั่นใจที่นายพูดมากกว่านี้ถ้าหากว่า…นายมีคนที่ เอ่อ จะว่าไงดีนะ….”
การมาถกกันเรื่องความรักนี่มันน่าอายจริงแฮะ พึ่งจะรู้ก็คราวนี้เองว่าการพูดคุยเรื่องความรักมันน่าอายสุดๆไปเลย ทำให้ออกอาการเขินเอาได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย
“หนอย ชั้นรู้นะว่านายอยากจะพูดอะไร อยากจะพูดว่า ทำไมคนที่รู้เรื่องแบบนี้ดีถึงไม่เคยคบหากับใครเลยงั้นสิ?”
“อ๊า นั่นแหละๆ! แหม สมเป็นอาจารย์อิชชิกิจริงๆเลย! เข้าใจดีทุกอย่างจริงๆ!”
“ชั้นก็รู้ตัวอยู่เหมือนกันน่ะแหละ ชั้นเองก็อยากจะผูกสัมพันธ์กับใครเขาเหมือนกัน แล้วยิ่งรวบรวมข้อมูลในสมุดบันทึกของชั้นมากเท่าไร ชั้นก็รู้สึกแบบนั้นมากเท่านั้น”
“ก็แค่คนหื่นโรคจิตเท่านั้นเองนี่!”
พอผมพูดเสร็จ หน้าตาอิชชิกิก็หม่นหมองทันที ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ ปกติจะตอบโต้อย่างยิ้มแย้ม แต่วันนี้นี่ดูซึมกะทือสุดๆ นี่คงจะไม่เกิดเภทภัยร้ายแรงอะไรขึ้นหรอกนะ
“ใช่สิ ชั้นเป็นพวกโรคจิตมาตลอดนั่นล่ะ คนเราชอบพูดว่าความรักมันมักจะบังตาใช่มั้ยล่ะ? ชั้นไม่เคยรู้สึกตัวถึงคำกล่าวนี้เลยเมื่อครั้งที่พบรักครั้งแรก ชั้นชอบเธอมากๆเลยล่ะ เธอเมื่อครั้งที่ชั้นเรียนอยู่ชั้นประถม”
“อ๊ะ นายแอบดูกางเกงในเธองั้นสินะ?”
“เปล่า เธอไม่ได้ใส่กางเกงในด้วยซ้ำ”
“…………”
จะตบมุกกลับยังไงดีเนี่ย ไม่มีทางเลยนะนั่น เพราะผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องบ้าบอแบบนี้โผล่มาแบบนี้นะ แล้วจะให้มันจบบทสนทนากันค้างคาแบบนี้น่ะเรอะ ขนาดจะให้เปลี่ยนเรื่องยังทำได้ยากเลย
“ก็แหม ชั้นถึงกับจดบันทึกเรื่องที่เธอไม่ได้ใส่กางเกงในนั่นไว้ในสมุดบันทึกเลยนะ แล้วเมื่อตอนนั้นนอกจากเรื่องของอาคาริจังแล้ว ชั้นไม่ได้จดอะไรลงไปเลย พวกผู้ชายถึงกับเรียกมันว่า บันทึกอาคาริจัง เลยล่ะ แต่โชคร้ายที่บันทึกอาคาริจังนั่นโดนกลุ่มเด็กเกเรของห้องเอาไปน่ะ”
”น่าสงสารจังนะ…”
หมายถึงอาคาริจังนะ
“แล้วพวกนั้นมันก็เอาสมุดนั่นไปอ่านต่อหน้าอาคาริจัง ชั้นถึงกับร้องไห้เลยล่ะ ไม่สิ ที่ร้องไห้น่ะคืออาคาริจังต่างหาก…..”
“อาคาริจัง......!”


ช่างเป็นเรื่องที่ฟังแล้วอยากจะร้องไห้จริงๆ แน่นอนว่าไม่ได้ร้องให้กับอิชชิกินะ แต่เป็นอาคาริจังที่น่าสงสารต่างหาก ผมอยากจะร้องไห้ออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
“อาคาริจังร้องไห้ออกมาเลยหลังจากที่พวกนั้นพูดว่า ‘เรากระจายเจ้านี่ไปให้ทุกคนรู้แล้วล่ะ’”
“ชั้นก็อยากจะร้องเหมือนกัน!?”
“หลังจากนั้น ชั้นจึงสาบานว่า จะจดบันทึกข้อมูลของทุกคนปนๆกันไปอย่างตอนนี้นี่ล่ะ”
“จะบอกว่าที่นายเป็นแบบนี้เป็นความผิดของอาคาริจังงั้นเรอะ!?”
“ก็นะ ที่พูดไปก็มีส่วนที่ชั้นล้อเล่นอยู่นิดหน่อยแหละ แต่มันก็เป็นอดีตอันเลวร้ายของชั้นล่ะนะ ไม่ใช่เรื่องขันที่อยากจะพูดถึงเท่าไรหรอก”
พูดเสร็จ อิชชิกิก็ถอนหายใจแล้วก็กลับมาทำหน้าซีเรียส ตกลงนี่ตรงไหนที่มันเป็นเรื่องจริงตรงไหนที่มันล้อเล่นมั่งเนี่ย แต่เอาเถอะ นั่นก็เป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่อยากพูดถึงนี่นะ
“เพราะยังงั้นน่ะนะ พวกที่พึ่งจะมีรักครั้งแรกน่ะไม่ทันสังเกตถึงหรอกว่าโดนรักบังตาแค่ไหน โทงาชิ ตัวนายในตอนนี้ก็คือแบบนั้นนั่นแหละ”
“นั่นคือข้อสรุปของนายสินะ”
หลังจากเล่าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวไม่ได้ถามเลยซะนาน ก็สรุปออกมาให้จนได้ หลังจากที่ฟังการสั่งสอนเรื่องความรักมาจนถึงตอนนี้แล้ว ผมก็อยากจะกล่าวขอบคุณอิชชิกิอยู่นะ ถ้าไม่ติดว่าดันทะลึ่งเล่าเรื่องบ้าบอปนโกหกนั่นออกมาทำเอาผมคล้อยตามไปด้วยน่ะนะ
“นั่นหมายความว่านายเองก็จำเป็นที่จะต้องมีสมุดบันทึกได้แล้วนะ เก็บรักษามันไว้ให้ดีแล้วเอามาบอกชั้นด้วยล่ะว่าจดอะไรไปบ้าง”
“ความรักกับการทำตัวโรคจิตมันเกี่ยวกันด้วยเรอะ!?”
อย่ามาสอนเพื่อนให้ทำตัวเป็นสตอล์คเกอร์แบบนี้ได้มั้ย แต่ว่านะ ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธการสตอล์คกิ้งซะทีเดียวหรอก แล้วก็ไม่ได้บอกว่าการรวมข้อมูลในสมุดบันทึกแบบนั้นเป็นเรื่องไม่ดีด้วย (เพราะมันก็ทำให้ผมได้รู้ข้อมูลบางอย่างด้วยน่ะนะ) จะบอกว่ามันก็พอมีประโยชน์ก็ได้มั้ง
“จะยังไงก็เถอะ นายน่ะตกหลุมรักทาคานาชิซังเข้าแล้วนั่นแหละ”
“อืม ถึงปรมาจารย์อิชชิกิคิดจะแบบนั้น แล้วชั้นเองก็คิดๆไว้เหมือนกัน แต่ชั้นยังไม่ค่อยรู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้นเท่าไรเลย เหมือนเป็นเรื่องไกลตัวยังไงไม่รู้”
“ก็เข้าใจนะ แต่แบบนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ”
“อื๋อ? หมายความว่าไง?”
“ก็ชั้นได้ข้อมูลมาน่ะ ว่าทาคานาชิซังมีแฟนอยู่แล้วน่ะสิ”
หา? แฟน? ริกกะน่ะนะ? มีแฟน? จริงรึเปล่าเนี่ย? โกหกน่ะ? ใครกัน? เอ๊ะ? ตั้งแต่เมื่อไรนะ?
หัวผมหมุนไปหมด รู้สึกแย่ขึ้นมาทันทีเลย ไม่ได้ล้อเล่นด้วย จะว่าไปแล้วผมเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับริกกะเท่าไรนี่นะ ก็ริกกะน่ะมักจะอยู่คนเดียวเสมอ นั่นมันเลยทำให้ผมได้ใจไปหน่อยว่า คงมีผมคนเดียวที่คุยกับเธอ เป็นคนพิเศษ อะไรแบบนั้น
แต่แบบนี้ แบบนี้มัน….แบบนี้มันไม่ตลกเลยนะ จริงอยู่ว่าถ้าแค่มองดูเธอจากภายนอกแล้ว จัดว่าเป็นระดับท๊อปคลาสเลย อิชชิกิเองก็เคยพูดเห็นด้วยกันกับผมเลย แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาจีบคนแบบเธอแน่ๆ จนเดี๋ยวนี้ก็ยังคิดอยู่ว่าโอกาสเป็นไปได้น่ะน้อยมากๆ ถึงจะไม่รู้เรื่องเธอตอนม.ต้นเท่าไรก็เถอะ แต่ยังไงมันก็ไม่ขำอยู่ดี อา ผมรู้แล้ว เป็นแบบนั้นสินะ แฟน อา เข้าใจแล้ว อิชชิกิ นายอยากให้ชั้นทำใจกับการอกหักนี่ได้เร็วๆสินะ เป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายจริงๆ ความรู้สึกอกหักจากความรักนี่ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเลยสินะ? แล้วแบบนี้ ผมควรจะทำตัวยังไงกับเธอต่อไปดี? ผมไม่รู้จริงๆ
ผมถามออกไปด้วยเสียงที่น่าจะดูเศร้าโศกสุดๆ
“นี่ อิชชิกิ…..”
“ชั้นโกหกน่ะ”
“ทำชั้นคนนี้ ใจสลายไปเลยรู้มั้ย…..”
ผมดึงแก้มจนยืดออก แน่นอนว่าเป็นแก้มของอิชชิกินั่นแหละ!
“จะ มันเจ็บไม่ใช่เรอะเนี่ย โอย ทำอะไรเนี่ย!”
“ชั้นจะดึงลิ้นเจ้าคนขี้โกหกออกมาสับเป็นชิ้นๆเลยน่ะสิ!”
“บู่~ เอาเถอะ เท่านี้ก็เข้าใจแล้วสินะ? ว่านายชอบเธอจริงๆ จะว่าไปรู้รึเปล่าว่าคันนางิซังมีแฟนอยู่จริงๆล่ะ”
“จริงรึเปล่า!?”
“จริงสิ ชั้นเองก็อดช๊อกไม่ได้เหมือนกัน เอาเถอะ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะ อีกฝ่ายอายุมากกว่าด้วยน่ะนะ ถึงพยายามไปก็ไม่เห็นทางชนะอยู่ดี”
“งั้นเองเหรอ แต่นั่นก็น่าตกใจจริงๆนะ ช๊อกสุดๆไปเลย”
“โห ช๊อกขนาดนั้นเลยสินะ? แล้วว่าไง? คงไม่ถึงกับต้องเข้ารับบำบัดรักษาอาการช๊อกนะ แต่พอได้ยินแบบนี้แล้ว นายน่าจะพอเข้าใจอะไรบ้างแล้วล่ะนะ”
….จะว่าไปก็จริงแฮะ รู้สึกว่าพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาเลย เพราะพอได้ยินว่าริกกะมีแฟนกับได้ยินว่าคันนางิซังมีแฟนนี่มันให้ความรู้สึกที่ต่างกันสุดๆ รู้สึกประหลาดใจดีเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าจะรู้สึกต่างกันขนาดนี้
(Chuunibyou LN) บทที่ 9........เรื่องราวความรัก -Koibana-
บทที่ 1 2 3 4 5 6 7 8
บทนี้สั้นหน่อย หลังจากตอนยาวมา 2 บทติด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้