"กิตติรัตน์" บี้ธปท.ดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวน หลังอ่อนค่าแตะ 31 บาทต่อดอลลาร์

กระทู้สนทนา
(June 14) แบงก์ชาติดูแลค่าบาทอย่างดี ประสารสวนหมัด"โต้ง"ไล่บี้ ชี้ไม่น่าห่วง-เป็นกันทั่วโลก: ธปท.โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง คราวนี้ "กิตติรัตน์" บี้ดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวน หลังอ่อนค่าแตะ 31 บาทต่อดอลลาร์ หวั่นกระทบผู้นำเข้า ชี้ไม่จำเป็นต้องอิงดอลลาร์อย่างเดียว ด้าน “ประสาร” สวนกลับ ดูแลอยู่แล้ว ชี้บาทอ่อนไม่น่ากังวล เพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนมากจนเกินไป เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการนำเข้า โดย ธปท.ต้องดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และให้เป็นทิศทางเดียวกันกับประเทศคู่ค้าและคู่แข่ง รวมถึงไม่จำเป็นต้องอิงค่าเงินดอลลาร์เท่านั้น เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายและเกิดการกระจายรายได้
“ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยที่เราจะต้องดูแลค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวน และค่าเงินบาทไม่ควรแข็งค่าขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่ง ธปท.ควรบริหารจัดการให้มีเสถียรภาพมากกว่านี้ เพราะหากค่าเงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นเหมือนช่วงที่ผ่านมา ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าสูงสุดแตะระดับ 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็คงไม่เจอกับสถานการณ์บาทอ่อนเช่นนี้” นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่าประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมากกว่าหลายประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เพื่อไม่ให้เงินบาทผันผวน โดยเป็นหน้าที่ของ ธปท.ในการบริหารจัดการค่าเงินบาทและใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้หมายถึงให้ ธปท.เข้าไปแทรกแซงหรือกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ โดยดูตัวอย่างจากการดูแลสถานการณ์ราคาน้ำมัน ที่ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลราคาน้ำมันไม่ให้สูงจนเกินไป ซึ่งฐานะกองทุนฯ อาจติดลบบ้าง แต่ก็สามารถรักษาไม่ให้กระทบต่อประชาชนและภาคการผลิต
ด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้ดูแลสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาค่อนข้างเร็ว โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.ได้ขายดอลลาร์สหรัฐออกมาพอสมควร เพื่อดูแลไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าเร็วจนมีผลกระทบ ซึ่งระดับความผันผวนของค่าเงินบาทไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยมองว่าการอ่อนค่าของเงินบาทไม่ได้น่ากังวล เพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากนักลงทุนต่างชาตินำเงินออกจากประเทศเกิดใหม่ ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้อ่อนค่าเร็ว
“ยอมรับว่าปฏิกิริยาของตลาดต่อข่าวที่สหรัฐจะถอนมาตรการคิวอีในครั้งนี้ค่อนข้างเร็ว ดังนั้น ภาคเอกชนจะต้องระมัดระวัง เพราะตลาดการเงินไม่ปกติ โดยติดตามและบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าค่าเงินบาทในระยะต่อไปจะมีทิศทางใด เพราะยังสามารถเคลื่อนไหวได้ทั้ง 2 ทิศทาง คือ ทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า” นายประสารกล่าว

Source: Thaipost

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เครดิต : จาก FB : Bank of Thailand Scholarship Students ครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หุ้น การเงิน การลงทุน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่