บทที่ 2
นักเรียนใหม่
อากีระสวมเสื้อแจ็คเก็ตก่อนหันไปคว้ากระเป๋าและสวมรองเท้าอย่างเร่งรีบ ทาคาโกะมองเด็กหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกำลังไตร่ตรอง
“วันนี้เลิกเรียนแล้วรีบกลับบ้านนะอากีระ”
“ครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้ปกครองด้วยความรู้สึกสงสัย หญิงสาวยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอก....แค่คำเตือนธรรมดาเหมือนทุกครั้งเท่านั้น”
อากีระขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาพยักหน้ารับคำก่อนเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นพาดบ่าและเดินไปเปิดประตูกระจกจากนั้นจึงก้าวออกจากบ้าน ทาคาโกะมองเด็กหนุ่มกำลังเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่งผ่านบานประตูกระจกหน้าร้าน ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นเงาของใครบางคนกำลังยืนอยู่ด้านตรงกันข้ามและจ้องตรงมา
“อากีระ”
หญิงสาวพึมพำเรียกชื่อของเด็กหนุ่มก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูอย่างเร็ว ทันทีที่เปิดออก เงาของคนเมื่อครู่หายไปพร้อมกับร่างผอมบางของเด็กหนุ่มซึ่งเดินเลี้ยวไปที่หัวมุมถนน ทาคาโกะเม้มปากตัวเองจนแน่น
“พวกเขามาถึงที่นี่แล้ว”
เธอพึมพำเบาๆด้วยความหวาดกลัว
*/*/*/*/*/*
อากีระยืนมองดูผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมาด้วยท่าทางรีบเร่งเหมือนดังเช่นทุกเช้าขณะยืนรอเพื่อนสาวชื่อคิยูกิอยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับภาพของฝูงชนที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมา แล้วจู่ๆทุกสิ่งรอบตัวก็กลับกลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้าจนขาวโพลน อากีระเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อพบว่าผู้คนมากมายที่เดินอย่างวุ่นวายเมื่อครู่พากันหายไปอย่างฉับพลัน เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวากวาดตามองไปโดยรอบ หัวใจของเขากระตุกวูบขึ้นเมื่อสัมผัสถึงแรงกดดันอันเกิดจากความมุ่งร้ายแผ่กระจายมาจากด้านหลัง อากีระหันขวับไปมองทันที
“ใครน่ะ”
เขาร้องถามทั้งที่ใจยังคงเต้นระรัว มือที่ถือกระเป๋ากำแน่นจนเหงื่อซึม เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวเมื่อเห็นเงาร่างสูงดำทะมึนของใครบางคนก้าวเข้ามา
“อสูร” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น อากีระขมวดคิ้ว
“นายพูดเรื่องอะไรกัน” เขาจ้องร่างตรงหน้านิ่งด้วยความรู้สึกแปลกใจที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าในเงาดำได้ “นายเป็นใคร ที่นี่ที่ไหนและต้องการอะไรจากฉัน”
“ข้ามาเพื่อกำจัดอสูรร้ายซึ่งวนเวียนอยู่บนโลกมนุษย์” มือสีดำยกขึ้นและชี้ตรงมาที่เด็กหนุ่ม เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่บนปลายนิ้วของมือข้างนั้น
“จงตายซะ!”
เพลิงสีแดงฉานปะทุขึ้นและกลายเป็นลูกไฟดวงโต มันพุ่งเข้าใส่อากีระอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มยกแขนทั้งสองข้างขึ้นบังตามสัญชาตญาณ เสียงระเบิดดังกึกก้อง ความร้อนจากเปลวไฟเผาไหม้แขนเสื้อทั้งสองข้างจนได้กลิ่นเหม็นไหม้ แต่มันกลับไม่สามารถลามไปถึงตัวของเขา อากีระหรี่ตาและมองลอดมือด้วยความรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าร่างของตนถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังรูปทรงกลมโปร่งใสสีทอง ลูกเพลิงที่เกิดจากการโจมตีของชายในชุดดำกำลังแตกสลายหายไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มได้ยินเสียงเขาร้องคำราม
“โล่คุ้มครอง” ร่างนั้นลดมือลง “สามารถสร้างเกราะคุ้มภัยตนได้ทั้งที่ยังไม่รู้สึกถึงพลังของตัว เจ้าเป็นอสูรที่ร้ายกาจยิ่งนัก”
เงาดำเลื่อนเข้าไปหาอากีระและหยุดยืนค้ำเหนือร่างของเขา
“ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าเป็นอสูรประเภทใด จากนั้นจึงค่อยกำจัดเจ้าให้สิ้นซากไปพร้อมกับนางผู้นั้น”
“คุณทาคาโกะ” เด็กหนุ่มพึมพำ เขาเงยหน้าขึ้นจ้องผู้รุกรานเขม็ง “อย่าทำร้ายกับคุณทาคาโกะนะ!”
ดวงตาสีดำสนิทราวกับความมืดมองดูหน้าของอากีระแน่วนิ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างนั้นกำลังแสยะยิ้ม
“ระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”เงานั้นกล่าวก่อนจะเลื่อนตัวถอยห่างออกไป
แสงสีขาวเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มหลับตาแน่น ขาทั้งสองข้างเกิดอาการอ่อนแรงจนต้องทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น เสียงร้องเรียกชื่อของเขาดังก้องเข้าไปในโสตประสาท
“อากีระ”
“อือ”
“อากีระ”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นอยู่ใกล้ตัว เด็กหนุ่มลดแขนของตัวเองลงและเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกงุนงงเมื่อพบว่าคิยูกิกำลังนั่งคุกเข่าและเขย่าไหล่ของเขาอยู่ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นอะไรไปอากีระ”
“หือ...”
อากีระยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาพยายามไล่เรียงลำดับเรื่องราวเมื่อครู่ก่อนจะสะบัดหน้าสองสามครั้ง
“แค่เวียนหัวขึ้นมาเท่านั้น” เขาตอบเพื่อนหญิงและยิ้ม “ฉันไม่เป็นอะไร” อากีระลุกขึ้นช้าๆ ความมึนงงทำให้ร่างกายโงนเงนเล็กน้อย คิยูกิรีบประคองเขาไว้
“แน่ใจนะว่าแค่เวียนหัวเท่านั้น” เธอคาดคั้นด้วยสีหน้าวิตก “ไม่ใช่เป็นไข้นะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ” เด็กหนุ่มตอบพลางยืนมือไปคว้ากระเป๋าของฝ่ายหญิงมาถือ “สายแล้วรีบไปกันเถอะ”
อากีระก้าวยาวๆนำหน้าเด็กสาวไปทันทีราวต้องการตัดคำถามทั้งหลาย คิยูกิมองตามหลังเพื่อนของเธอด้วยความเป็นห่วงแล้วถอนหายใจออกมาจากนั้นจึงรีบวิ่งตามเขาไป
*/*/*/*/*
องครักษ์พิทักษ์อสูร บทที่ 2 นักเรียนใหม่
นักเรียนใหม่
อากีระสวมเสื้อแจ็คเก็ตก่อนหันไปคว้ากระเป๋าและสวมรองเท้าอย่างเร่งรีบ ทาคาโกะมองเด็กหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกำลังไตร่ตรอง
“วันนี้เลิกเรียนแล้วรีบกลับบ้านนะอากีระ”
“ครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้ปกครองด้วยความรู้สึกสงสัย หญิงสาวยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอก....แค่คำเตือนธรรมดาเหมือนทุกครั้งเท่านั้น”
อากีระขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาพยักหน้ารับคำก่อนเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นพาดบ่าและเดินไปเปิดประตูกระจกจากนั้นจึงก้าวออกจากบ้าน ทาคาโกะมองเด็กหนุ่มกำลังเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่งผ่านบานประตูกระจกหน้าร้าน ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นเงาของใครบางคนกำลังยืนอยู่ด้านตรงกันข้ามและจ้องตรงมา
“อากีระ”
หญิงสาวพึมพำเรียกชื่อของเด็กหนุ่มก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูอย่างเร็ว ทันทีที่เปิดออก เงาของคนเมื่อครู่หายไปพร้อมกับร่างผอมบางของเด็กหนุ่มซึ่งเดินเลี้ยวไปที่หัวมุมถนน ทาคาโกะเม้มปากตัวเองจนแน่น
“พวกเขามาถึงที่นี่แล้ว”
เธอพึมพำเบาๆด้วยความหวาดกลัว
*/*/*/*/*/*
อากีระยืนมองดูผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมาด้วยท่าทางรีบเร่งเหมือนดังเช่นทุกเช้าขณะยืนรอเพื่อนสาวชื่อคิยูกิอยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับภาพของฝูงชนที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมา แล้วจู่ๆทุกสิ่งรอบตัวก็กลับกลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้าจนขาวโพลน อากีระเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อพบว่าผู้คนมากมายที่เดินอย่างวุ่นวายเมื่อครู่พากันหายไปอย่างฉับพลัน เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวากวาดตามองไปโดยรอบ หัวใจของเขากระตุกวูบขึ้นเมื่อสัมผัสถึงแรงกดดันอันเกิดจากความมุ่งร้ายแผ่กระจายมาจากด้านหลัง อากีระหันขวับไปมองทันที
“ใครน่ะ”
เขาร้องถามทั้งที่ใจยังคงเต้นระรัว มือที่ถือกระเป๋ากำแน่นจนเหงื่อซึม เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวเมื่อเห็นเงาร่างสูงดำทะมึนของใครบางคนก้าวเข้ามา
“อสูร” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น อากีระขมวดคิ้ว
“นายพูดเรื่องอะไรกัน” เขาจ้องร่างตรงหน้านิ่งด้วยความรู้สึกแปลกใจที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าในเงาดำได้ “นายเป็นใคร ที่นี่ที่ไหนและต้องการอะไรจากฉัน”
“ข้ามาเพื่อกำจัดอสูรร้ายซึ่งวนเวียนอยู่บนโลกมนุษย์” มือสีดำยกขึ้นและชี้ตรงมาที่เด็กหนุ่ม เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่บนปลายนิ้วของมือข้างนั้น
“จงตายซะ!”
เพลิงสีแดงฉานปะทุขึ้นและกลายเป็นลูกไฟดวงโต มันพุ่งเข้าใส่อากีระอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มยกแขนทั้งสองข้างขึ้นบังตามสัญชาตญาณ เสียงระเบิดดังกึกก้อง ความร้อนจากเปลวไฟเผาไหม้แขนเสื้อทั้งสองข้างจนได้กลิ่นเหม็นไหม้ แต่มันกลับไม่สามารถลามไปถึงตัวของเขา อากีระหรี่ตาและมองลอดมือด้วยความรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าร่างของตนถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังรูปทรงกลมโปร่งใสสีทอง ลูกเพลิงที่เกิดจากการโจมตีของชายในชุดดำกำลังแตกสลายหายไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มได้ยินเสียงเขาร้องคำราม
“โล่คุ้มครอง” ร่างนั้นลดมือลง “สามารถสร้างเกราะคุ้มภัยตนได้ทั้งที่ยังไม่รู้สึกถึงพลังของตัว เจ้าเป็นอสูรที่ร้ายกาจยิ่งนัก”
เงาดำเลื่อนเข้าไปหาอากีระและหยุดยืนค้ำเหนือร่างของเขา
“ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าเป็นอสูรประเภทใด จากนั้นจึงค่อยกำจัดเจ้าให้สิ้นซากไปพร้อมกับนางผู้นั้น”
“คุณทาคาโกะ” เด็กหนุ่มพึมพำ เขาเงยหน้าขึ้นจ้องผู้รุกรานเขม็ง “อย่าทำร้ายกับคุณทาคาโกะนะ!”
ดวงตาสีดำสนิทราวกับความมืดมองดูหน้าของอากีระแน่วนิ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างนั้นกำลังแสยะยิ้ม
“ระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”เงานั้นกล่าวก่อนจะเลื่อนตัวถอยห่างออกไป
แสงสีขาวเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มหลับตาแน่น ขาทั้งสองข้างเกิดอาการอ่อนแรงจนต้องทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น เสียงร้องเรียกชื่อของเขาดังก้องเข้าไปในโสตประสาท
“อากีระ”
“อือ”
“อากีระ”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นอยู่ใกล้ตัว เด็กหนุ่มลดแขนของตัวเองลงและเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกงุนงงเมื่อพบว่าคิยูกิกำลังนั่งคุกเข่าและเขย่าไหล่ของเขาอยู่ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นอะไรไปอากีระ”
“หือ...”
อากีระยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาพยายามไล่เรียงลำดับเรื่องราวเมื่อครู่ก่อนจะสะบัดหน้าสองสามครั้ง
“แค่เวียนหัวขึ้นมาเท่านั้น” เขาตอบเพื่อนหญิงและยิ้ม “ฉันไม่เป็นอะไร” อากีระลุกขึ้นช้าๆ ความมึนงงทำให้ร่างกายโงนเงนเล็กน้อย คิยูกิรีบประคองเขาไว้
“แน่ใจนะว่าแค่เวียนหัวเท่านั้น” เธอคาดคั้นด้วยสีหน้าวิตก “ไม่ใช่เป็นไข้นะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ” เด็กหนุ่มตอบพลางยืนมือไปคว้ากระเป๋าของฝ่ายหญิงมาถือ “สายแล้วรีบไปกันเถอะ”
อากีระก้าวยาวๆนำหน้าเด็กสาวไปทันทีราวต้องการตัดคำถามทั้งหลาย คิยูกิมองตามหลังเพื่อนของเธอด้วยความเป็นห่วงแล้วถอนหายใจออกมาจากนั้นจึงรีบวิ่งตามเขาไป
*/*/*/*/*