มาเล่าให้พ่อแม่กระต่ายท่านอื่นฟัง เพื่อระมัดระวังในสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นกับลูกกระต่ายของเรา
...วันนี้พามุฉีไปตรวจสุขภาพและหยดยาตามครบวันนัด 1 เดือน แต่ไม่ได้ตรวจกับหมอคนเดิมครั้งที่แล้ว และผู้ช่วยซึ่งครั้งที่แล้วเป็นผู้หญิง ครั้งนี้ก็เป็นผู้ชาย วันนี้มุฉีเลยเจอแต่สิ่งแปลกๆ เต็มไปหมด
...การตรวจก็คล้ายๆ ครั้งที่แล้ว ซักประวัติ ตรวจอึ ใช้หูฟัง และตรวจปากกับฟัน แต่ตอนตรวจปากกับฟันและตอนหยดยา มุฉีดิ้นจนผู้ช่วยต้องจับแน่นขึ้น
...พอเสร็จสิ้น อุ้มมุฉีกลับไปขึ้นรถก่อน เรารู้สึกว่า "มุฉี ไม่ปกติ" (บอกไม่ถูกว่า ไม่ปกติแบบไหน แต่เชื่อว่าพ่อแม่ที่ใกล้ชิดลูกกระต่ายมากๆ จะรู้สึกได้)
...เราเดินกลับเข้าไปถามหมอ ว่าหยดยาเหมือนครั้งก่อนหรือเปล่า หมอบอกว่าใช่ เหมือนกัน revolution
...เราเลยบอกหมอว่า มุฉีเค้าดูไม่ปกตินะคะ ดูกระวนกระวาย หมอก็ตอบว่า ยานี้ไม่มีอันตรายกับกระต่ายเลยค่ะ
...ลูกคงเครียด เรารีบพาเค้ากลับบ้านดีกว่า เดี๊ยวเค้าจะเครียดมากขึ้น เราก็คิดแบบนี้ แต่พอถึงบ้านแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมง วนเวียนดูเค้าตลอด เค้าไม่กินหญ้า ไม่กินน้ำ และที่สำคัญ..ทำไมเวลาเดิน ขาหลังขวาไม่แตะพื้น
...ตกใจ และใจเสีย ลองดูอีกแป๊บ เผื่อเกิดการเคล็ดหรือขัด อีกสักพักมุฉีเริ่มอึเปียก ...แย่แล้ว เราเลยรีบโทรกลับไปคุยกับหมอ ได้คำตอบเรื่องอึเปียกว่า ให้เค้ากินหญ้า งดอาหารเม็ด ... ก็เค้าไม่ยอมกินหญ้าเลย...งั้นให้กินอัลฟาฟ่าก่อน อ่ะ..ส่วนคำตอบเรื่องขาหลังขวาก็คือ ตอนตรวจไม่เห็นเป็นนี่นา ถ้าขาเจ็บต้องมีอาการทันที (ใช่ค่ะ เรานึก ก็หมอบอกว่ามุฉีสุขภาพดี ดูปกติ แต่นี่อาการมันเกิดหลังตรวจนีนา)
...อืมม เราถามต่อว่า แล้วถ้ายังไม่กินหญ้า ควรรอดูนานขนาดไหน และต้องทำยังไงต่อไป หมอตอบว่า 24 ชม. แล้วให้พามาที่รพ.
...วางหูหมอแล้ว ก็นั่งมองลูก แล้วตัดสินใจโทรไป Vet 4 ปรากฎว่าหมอกระต่ายเข้า 4 โมงเย็น และเป็นหมออ้อย เราเริ่มคำนวณว่าถ้าขับรถขึ้นทางด่วนลงวิภาวดีฯ วันนี้รถจะติดมากมั๊ย กลัวมุฉีเครียดแล้วอาการจะแย่ หรือเราจะรอดูไปอีกดีนะ
...ระหว่างนั้นก็มองลูกอยู่เรื่อยๆ เค้าเริ่มกินหญ้าบ้างแต่น้อยมาก น้ำไม่กินเลย แต่..ขาหลังขวายังยกกะเผลกอยู่ เลยตัดสินใจทันทีว่า ไป Vet 4
...พอไปถึงบอกอาการ และขอเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ก่อนหน้าที่มุฉีจะเป็นแบบนี้ หมออ้อยตรวจ จับ แล้วก็ให้ไปเอ็กซเรย์ ระหว่างที่รอผล บอกอย่างไม่อายว่า เริ่มร้องไห้เหมือนสังหรณ์ว่าอาการของมุฉี คงไม่ใช่เคล็ดขัดยอก
...แล้วหมออ้อยก็ โชว์ฟิล์มและชี้ให้ดูที่ข้อสะโพก และบอกว่า "เป็นอาการของข้อสะโพกหลุด และการรักษามี 2 วิธีคือ ผ่าตัด ซึ่งหมอยังไม่แนะนำ อีกวิธีคือให้กินยาแก้ปวดและจำกัดบริเวณให้เค้าใช้ขาน้อยลง (เพราะเราเลี้ยงมุฉีแบบมีกรง มีคอก แต่ไม่ขัง) และนัดมาดูอีกครั้ง 2 อาทิตย์
เราขอไม่บรรยายว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร เรารู้แต่ว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถจะให้มุฉีได้ แน่นอนแม้แต่ รพ. ก็ด้วย แต่ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ จึงเป็นห่วงลูกกระต่ายตัวอื่นๆ และพรุ่งนี้เราก็จะโทรกลับไปบอกหมอว่า
1 เราไม่ได้รอดูมุฉีจนถึง 24 ชม.หรอกนะ
2 และเมื่อได้เอ็กซเรย์มุฉี เลยรู้ว่า เค้ามีอาการ "ข้อสะโพกหลุด"
3 ที่โทรมาบอก ไม่ได้ต้องการที่จะให้เป็นความรับผิดชอบของหมอ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรแน่ แต่เมื่อเราอ่านข้อมูลจาก website ต่างๆ เลยรู้ว่า สาเหตุหนึ่งที่อาจพบได้ คือ การจับไม่ถูกวิธี หรือแม้แต่จับถูกวิธีแล้วแต่ถ้าเกิดการดิ้นของกระต่ายบางจังหวะก็เป็นปัญหาได้ ก็เลยเป็นห่วงลูกกระต่ายของพ่อแม่คนอื่นๆ
เมื่อมุฉี ถูกจำกัดบริเวณ
...วันนี้พามุฉีไปตรวจสุขภาพและหยดยาตามครบวันนัด 1 เดือน แต่ไม่ได้ตรวจกับหมอคนเดิมครั้งที่แล้ว และผู้ช่วยซึ่งครั้งที่แล้วเป็นผู้หญิง ครั้งนี้ก็เป็นผู้ชาย วันนี้มุฉีเลยเจอแต่สิ่งแปลกๆ เต็มไปหมด
...การตรวจก็คล้ายๆ ครั้งที่แล้ว ซักประวัติ ตรวจอึ ใช้หูฟัง และตรวจปากกับฟัน แต่ตอนตรวจปากกับฟันและตอนหยดยา มุฉีดิ้นจนผู้ช่วยต้องจับแน่นขึ้น
...พอเสร็จสิ้น อุ้มมุฉีกลับไปขึ้นรถก่อน เรารู้สึกว่า "มุฉี ไม่ปกติ" (บอกไม่ถูกว่า ไม่ปกติแบบไหน แต่เชื่อว่าพ่อแม่ที่ใกล้ชิดลูกกระต่ายมากๆ จะรู้สึกได้)
...เราเดินกลับเข้าไปถามหมอ ว่าหยดยาเหมือนครั้งก่อนหรือเปล่า หมอบอกว่าใช่ เหมือนกัน revolution
...เราเลยบอกหมอว่า มุฉีเค้าดูไม่ปกตินะคะ ดูกระวนกระวาย หมอก็ตอบว่า ยานี้ไม่มีอันตรายกับกระต่ายเลยค่ะ
...ลูกคงเครียด เรารีบพาเค้ากลับบ้านดีกว่า เดี๊ยวเค้าจะเครียดมากขึ้น เราก็คิดแบบนี้ แต่พอถึงบ้านแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมง วนเวียนดูเค้าตลอด เค้าไม่กินหญ้า ไม่กินน้ำ และที่สำคัญ..ทำไมเวลาเดิน ขาหลังขวาไม่แตะพื้น
...ตกใจ และใจเสีย ลองดูอีกแป๊บ เผื่อเกิดการเคล็ดหรือขัด อีกสักพักมุฉีเริ่มอึเปียก ...แย่แล้ว เราเลยรีบโทรกลับไปคุยกับหมอ ได้คำตอบเรื่องอึเปียกว่า ให้เค้ากินหญ้า งดอาหารเม็ด ... ก็เค้าไม่ยอมกินหญ้าเลย...งั้นให้กินอัลฟาฟ่าก่อน อ่ะ..ส่วนคำตอบเรื่องขาหลังขวาก็คือ ตอนตรวจไม่เห็นเป็นนี่นา ถ้าขาเจ็บต้องมีอาการทันที (ใช่ค่ะ เรานึก ก็หมอบอกว่ามุฉีสุขภาพดี ดูปกติ แต่นี่อาการมันเกิดหลังตรวจนีนา)
...อืมม เราถามต่อว่า แล้วถ้ายังไม่กินหญ้า ควรรอดูนานขนาดไหน และต้องทำยังไงต่อไป หมอตอบว่า 24 ชม. แล้วให้พามาที่รพ.
...วางหูหมอแล้ว ก็นั่งมองลูก แล้วตัดสินใจโทรไป Vet 4 ปรากฎว่าหมอกระต่ายเข้า 4 โมงเย็น และเป็นหมออ้อย เราเริ่มคำนวณว่าถ้าขับรถขึ้นทางด่วนลงวิภาวดีฯ วันนี้รถจะติดมากมั๊ย กลัวมุฉีเครียดแล้วอาการจะแย่ หรือเราจะรอดูไปอีกดีนะ
...ระหว่างนั้นก็มองลูกอยู่เรื่อยๆ เค้าเริ่มกินหญ้าบ้างแต่น้อยมาก น้ำไม่กินเลย แต่..ขาหลังขวายังยกกะเผลกอยู่ เลยตัดสินใจทันทีว่า ไป Vet 4
...พอไปถึงบอกอาการ และขอเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ก่อนหน้าที่มุฉีจะเป็นแบบนี้ หมออ้อยตรวจ จับ แล้วก็ให้ไปเอ็กซเรย์ ระหว่างที่รอผล บอกอย่างไม่อายว่า เริ่มร้องไห้เหมือนสังหรณ์ว่าอาการของมุฉี คงไม่ใช่เคล็ดขัดยอก
...แล้วหมออ้อยก็ โชว์ฟิล์มและชี้ให้ดูที่ข้อสะโพก และบอกว่า "เป็นอาการของข้อสะโพกหลุด และการรักษามี 2 วิธีคือ ผ่าตัด ซึ่งหมอยังไม่แนะนำ อีกวิธีคือให้กินยาแก้ปวดและจำกัดบริเวณให้เค้าใช้ขาน้อยลง (เพราะเราเลี้ยงมุฉีแบบมีกรง มีคอก แต่ไม่ขัง) และนัดมาดูอีกครั้ง 2 อาทิตย์
เราขอไม่บรรยายว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร เรารู้แต่ว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถจะให้มุฉีได้ แน่นอนแม้แต่ รพ. ก็ด้วย แต่ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ จึงเป็นห่วงลูกกระต่ายตัวอื่นๆ และพรุ่งนี้เราก็จะโทรกลับไปบอกหมอว่า
1 เราไม่ได้รอดูมุฉีจนถึง 24 ชม.หรอกนะ
2 และเมื่อได้เอ็กซเรย์มุฉี เลยรู้ว่า เค้ามีอาการ "ข้อสะโพกหลุด"
3 ที่โทรมาบอก ไม่ได้ต้องการที่จะให้เป็นความรับผิดชอบของหมอ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรแน่ แต่เมื่อเราอ่านข้อมูลจาก website ต่างๆ เลยรู้ว่า สาเหตุหนึ่งที่อาจพบได้ คือ การจับไม่ถูกวิธี หรือแม้แต่จับถูกวิธีแล้วแต่ถ้าเกิดการดิ้นของกระต่ายบางจังหวะก็เป็นปัญหาได้ ก็เลยเป็นห่วงลูกกระต่ายของพ่อแม่คนอื่นๆ