เราโสดมาปีกว่า แม้จะมีคนเข้ามาคุยบ้าง แต่ทั้งหมดก็อยู่ในสถานะเพื่อน หรือแม้บางคนที่เราชอบ..
ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี จนทำให้รู้สึกว่า บางทีความเป็นเพื่อนก็ยั่งยืนดี
กับคนที่เราชอบ เราได้มีโอกาสบอกความรู้สึกไปแล้ว แล้วก็แห้วเรียบร้อย กลับมาเป็นเพื่อนกัน
แต่สบายใจ ที่ไม่ต้องเก็บความลับไว้อีกต่อไป
จนเมื่อ 2 เดือนก่อน มีผู้ชายคนนึงเข้ามาพูดคุยทำความรู้จักเรา จนได้นัดเจอทานข้าว
ก่อนจะเจอก็มีแชทคุยกัน แต่มันก็มีหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เขาไม่ใช่ แต่เพราะไม่อยากตัดสินคนเร็วเกินไป เลยลองนัดทานข้าว
จากการที่ไม่เชื่อสัญชาติญาณตัวเองตั้งแต่แรก ทำให้เราต้องเสียความรู้สึกอยู่หลายหน ลองไปเจอหน้า ทานข้าวก็ไม่ได้ช่วยอะไร
"คนที่ไม่ใช่" พยายามยังไง "ก็ไม่มีวันใช่"
เราเชื่อว่า การที่คนสองคนจะมาคบกัน ต้องการรูปแบบการใช้ชีวิต และนิสัยใจคอที่ลงตัว รอการปรับเปลี่ยนอย่างเดียวคงไม่ได้
และคำพูดดีๆ คารมดีๆ ที่ทำให้เกรงใจ ไม่ได้ใช้ได้ผลเสมอไป
ก่อนจะคุยกับใคร อย่างน้อยทั้งหญิงและชายก็ควรจะศึกษาอีกฝ่ายให้ดีก่อน ที่จะพยายามดึงดันลูกเดียว
"คนที่ไม่ใช่" ยังไงก็ไม่ใช่
ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี จนทำให้รู้สึกว่า บางทีความเป็นเพื่อนก็ยั่งยืนดี
กับคนที่เราชอบ เราได้มีโอกาสบอกความรู้สึกไปแล้ว แล้วก็แห้วเรียบร้อย กลับมาเป็นเพื่อนกัน
แต่สบายใจ ที่ไม่ต้องเก็บความลับไว้อีกต่อไป
จนเมื่อ 2 เดือนก่อน มีผู้ชายคนนึงเข้ามาพูดคุยทำความรู้จักเรา จนได้นัดเจอทานข้าว
ก่อนจะเจอก็มีแชทคุยกัน แต่มันก็มีหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เขาไม่ใช่ แต่เพราะไม่อยากตัดสินคนเร็วเกินไป เลยลองนัดทานข้าว
จากการที่ไม่เชื่อสัญชาติญาณตัวเองตั้งแต่แรก ทำให้เราต้องเสียความรู้สึกอยู่หลายหน ลองไปเจอหน้า ทานข้าวก็ไม่ได้ช่วยอะไร
"คนที่ไม่ใช่" พยายามยังไง "ก็ไม่มีวันใช่"
เราเชื่อว่า การที่คนสองคนจะมาคบกัน ต้องการรูปแบบการใช้ชีวิต และนิสัยใจคอที่ลงตัว รอการปรับเปลี่ยนอย่างเดียวคงไม่ได้
และคำพูดดีๆ คารมดีๆ ที่ทำให้เกรงใจ ไม่ได้ใช้ได้ผลเสมอไป
ก่อนจะคุยกับใคร อย่างน้อยทั้งหญิงและชายก็ควรจะศึกษาอีกฝ่ายให้ดีก่อน ที่จะพยายามดึงดันลูกเดียว