นิทานชาวสวน ๒๘ พ.ค.๕๖
บันทึกเรื่องงานเขียน ๒
เมื่อย้อนไปอ่านบันทึกเรื่องงานเขียนในสิบปีแรกแล้ว ก็จำได้ถึงถึงความรู้สึกในขณะนั้นเป็นอย่างดี เวลาในบันทึกนั้นสั้นนิดเดียว แต่สิบปีในชีวิตจริง มันช่างนานแสนนาน ที่ต้องตกอยู่ในสภาวะที่หดหู่มองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย จนผ่านการเกณฑ์ทหาร และโรงเรียนนายสิบเป็นทหารสื่อสารแล้ว จึงได้เขียนหนังสืออย่างสบายใจขึ้น จากบันทึกในช่วงต่อมา
ช่วงต่อมา พ.ศ.๒๕๐๐ – ๒๕๓๓ ยาวนานถึง ๓๓ ปี ซึ่งสามารถแบ่งออกไปได้อีก ๓ ระยะ คือระยะแรก เขียนเพราะมีสนามอยู่ภายในหน่วย เขียนไปให้เขาก็เอาแน่ เพราะเป็นพวกเดียวกัน เป็นโอกาสที่จะได้ฝึกฝนมากขึ้น
ระยะที่สอง ได้เข้าไปช่วยเขาทำหนังสือทหารสื่อสาร เขียนเรื่องได้หลายประเภทแล้ว ผู้รับผิดชอบปล่อยให้ดูแลเอง พิจารณาเอง ก็เลยเขียนเป็นการใหญ่ เขียนเพื่อสนองตัณหาของตนเอง ความชำนาญก็เกิดขึ้น
ระยะที่สาม ได้รับตำแหน่งให้รับผิดชอบโดยตรง คราวนี้ต้องพิจารณาเรื่องของคนอื่นด้วย จึงมีประสบการณ์มากขึ้น แต่เรื่องของตนเองก็ต้องประณีตมากขึ้น ให้มีคุณภาพไม่น้อยกว่าที่คนอื่นส่งมาให้
ในช่วงที่ ๒ นี้เองที่ตั้งใจทำงานให้ดีขึ้น แต่ความอยากกับความหวัง ได้ค่อย ๆ ลดลง เพราะเขียนเมื่อไรก็ได้ เขียนอย่างไรก็ได้ ควบคุมคุณภาพของเรื่องที่เขียน ให้มีสารประโยชน์ ด้วยความสำนึกในความรับผิดชอบให้เต็มที่เท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะมีเกียรติยศชื่อเสียงอะไรอีกแล้ว
แล้วก็ถึงช่วงที่ ๓ พ.ศ.๒๕๓๔ – ปัจจุบัน (๒๕๓๙) อาศัยความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา สร้างงานให้คนอื่นพิจารณาอีกครั้ง ด้วยจิตที่ไม่ต้องกังวลว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่บังเอิญมีผู้ต้อนรับเป็นส่วนใหญ่ จึงเอาตัวรอดมาได้
บัดนี้ แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร มากไปกว่าเดิม เช่นเดียวกับเมื่อ ๓๘ ปีก่อน แต่ความอยากนั้นลดลงไป จนเกือบจะหมดสิ้นแล้ว ประโยคหรู ๆ อย่าง วงการประพันธ์ หรือ ความเป็นนักประพันธ์ หรือแม้แต่คิดเพ้อฝัน ที่ได้เคยรำพันไว้อย่างน่าขำนั้น ไม่มีอยู่ในหัวสมองแล้ว
พอใจแต่เพียงเท่าที่ได้ ภูมิใจอยู่เพียงเท่าที่เป็น มีความสุขที่ได้เขียน และเมื่อเขียนแล้วก็มีคนได้อ่านบ้าง ก็เท่านั้นเอง
รู้สึกตัวแล้วว่า แม้จะเป็นเพียง นักเขียน ก็ยังไม่สามารถจะเป็นได้ ที่ยังเขียนอยู่ทุกวันนี้ เป็นแค่เศษเสี้ยวของนักเขียน เรียกว่าคนรักการเขียนก็แล้วกัน
สิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ และทำให้ผลงานในช่วง ๕ ปีหลัง ตั้งแต่ ๑๑ ตุลาคม๒๕๓๔ – ๑๑ ตุลาคม ๒๕๓๙ สำเร็จออกมาได้ถึง ๒๑๐ ชิ้น นับเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ทั้งชีวิตของคนเขียนหนังสือเล็ก ๆ คนหนึ่ง
สิ่งนั้นก็คือ ความอดทน คุณธรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว นี้เอง
วางเมื่อ ๒๘ พ.ค.๕๖ เวลา ๐๗.๒๐
นิทานชาวสวน ๒๘ พ.ค.๕๖
บันทึกเรื่องงานเขียน ๒
เมื่อย้อนไปอ่านบันทึกเรื่องงานเขียนในสิบปีแรกแล้ว ก็จำได้ถึงถึงความรู้สึกในขณะนั้นเป็นอย่างดี เวลาในบันทึกนั้นสั้นนิดเดียว แต่สิบปีในชีวิตจริง มันช่างนานแสนนาน ที่ต้องตกอยู่ในสภาวะที่หดหู่มองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย จนผ่านการเกณฑ์ทหาร และโรงเรียนนายสิบเป็นทหารสื่อสารแล้ว จึงได้เขียนหนังสืออย่างสบายใจขึ้น จากบันทึกในช่วงต่อมา
ช่วงต่อมา พ.ศ.๒๕๐๐ – ๒๕๓๓ ยาวนานถึง ๓๓ ปี ซึ่งสามารถแบ่งออกไปได้อีก ๓ ระยะ คือระยะแรก เขียนเพราะมีสนามอยู่ภายในหน่วย เขียนไปให้เขาก็เอาแน่ เพราะเป็นพวกเดียวกัน เป็นโอกาสที่จะได้ฝึกฝนมากขึ้น
ระยะที่สอง ได้เข้าไปช่วยเขาทำหนังสือทหารสื่อสาร เขียนเรื่องได้หลายประเภทแล้ว ผู้รับผิดชอบปล่อยให้ดูแลเอง พิจารณาเอง ก็เลยเขียนเป็นการใหญ่ เขียนเพื่อสนองตัณหาของตนเอง ความชำนาญก็เกิดขึ้น
ระยะที่สาม ได้รับตำแหน่งให้รับผิดชอบโดยตรง คราวนี้ต้องพิจารณาเรื่องของคนอื่นด้วย จึงมีประสบการณ์มากขึ้น แต่เรื่องของตนเองก็ต้องประณีตมากขึ้น ให้มีคุณภาพไม่น้อยกว่าที่คนอื่นส่งมาให้
ในช่วงที่ ๒ นี้เองที่ตั้งใจทำงานให้ดีขึ้น แต่ความอยากกับความหวัง ได้ค่อย ๆ ลดลง เพราะเขียนเมื่อไรก็ได้ เขียนอย่างไรก็ได้ ควบคุมคุณภาพของเรื่องที่เขียน ให้มีสารประโยชน์ ด้วยความสำนึกในความรับผิดชอบให้เต็มที่เท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะมีเกียรติยศชื่อเสียงอะไรอีกแล้ว
แล้วก็ถึงช่วงที่ ๓ พ.ศ.๒๕๓๔ – ปัจจุบัน (๒๕๓๙) อาศัยความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา สร้างงานให้คนอื่นพิจารณาอีกครั้ง ด้วยจิตที่ไม่ต้องกังวลว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่บังเอิญมีผู้ต้อนรับเป็นส่วนใหญ่ จึงเอาตัวรอดมาได้
บัดนี้ แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร มากไปกว่าเดิม เช่นเดียวกับเมื่อ ๓๘ ปีก่อน แต่ความอยากนั้นลดลงไป จนเกือบจะหมดสิ้นแล้ว ประโยคหรู ๆ อย่าง วงการประพันธ์ หรือ ความเป็นนักประพันธ์ หรือแม้แต่คิดเพ้อฝัน ที่ได้เคยรำพันไว้อย่างน่าขำนั้น ไม่มีอยู่ในหัวสมองแล้ว
พอใจแต่เพียงเท่าที่ได้ ภูมิใจอยู่เพียงเท่าที่เป็น มีความสุขที่ได้เขียน และเมื่อเขียนแล้วก็มีคนได้อ่านบ้าง ก็เท่านั้นเอง
รู้สึกตัวแล้วว่า แม้จะเป็นเพียง นักเขียน ก็ยังไม่สามารถจะเป็นได้ ที่ยังเขียนอยู่ทุกวันนี้ เป็นแค่เศษเสี้ยวของนักเขียน เรียกว่าคนรักการเขียนก็แล้วกัน
สิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ และทำให้ผลงานในช่วง ๕ ปีหลัง ตั้งแต่ ๑๑ ตุลาคม๒๕๓๔ – ๑๑ ตุลาคม ๒๕๓๙ สำเร็จออกมาได้ถึง ๒๑๐ ชิ้น นับเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ทั้งชีวิตของคนเขียนหนังสือเล็ก ๆ คนหนึ่ง
สิ่งนั้นก็คือ ความอดทน คุณธรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว นี้เอง
วางเมื่อ ๒๘ พ.ค.๕๖ เวลา ๐๗.๒๐