ในที่สุด งบการเงิน ก็ออกมา แล้วเมื่อเย็น นั่งอ่านมันไป คร่าวๆ พักๆนึงแบบงง เพราะว่างบ บริษัทนี้ มันซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เงื่อนไขเยอะ มีการโยกงบ ระหว่างบริษัทกันเยอะมาก ทำให้ดูแล้วก็งง
ใครเก่งบัญชี เซียนแกะงบมาช่วยกันหน่อยดิ
สรุปตัวเลข งบรวม ตัวเลขกำไรสุทธิหลังหักภาษี หลังหักภาษี 2532 ล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นได้เป็นกำไรต่อหุ้น 0.13 เพิ่มขึ้นกว่า ปีที่แล้วที่กำไร 0.03 อยู่ 400%
นอกจาก กำไร 2532 ล้าน หรือ 0.13 บาทต่อหุ้นจากการดำเนินการข้างบนแล้ว
มันยังมี กำไรอีกส่วน คือ
กำไรส่วนเกินจากส่วนเกินทุนจากการ ตีมูลค่าสินทรัพย์ถาวร 8455 ล้าน
และ กำไรจากส่วนเกินทุนจากการเปลียนสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทย่อย 2814 ล้าน
(สองอันนี้ ก็คือกำไรจากการ ซ้ืัอคืน หุ้น 45% อิมแพ็คกลับคืน และ การตีมูลค่าอิมแพ็คใหม่นั่นเอง)
ซึ่งกำไรตรงส่วนนี้ รวมแล้ว เมื่อหักส่วนของค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจากการตีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่ม ออกไป 27 ล้านกว่าแล้ว ก็เหลิอ เป็นกำไรเบ็ดเสร็จอื่น อีก 11242 ล้าน ซึ่งรวมกับกำไรปกติ ก็ ได้เป็นกำไรเบ็ดเสร็จ ของบริษัทรวมทั้งหมด 13775 ล้าน ถ้าเอาตัวเลขนี้มาคิดเป็นกำไรต่อหุ้นล่ะก้อ จะได้ตัวเลข ออกมาเป็น ราวๆ 76 สตางค์ต่อหุ้นเลยทีเดียว
แต่ว่า สรุปคือ อันนี้ เค้า ไม่เอามาคิดเป็นกำไรจากผลประกอบการ แต่นำไปคิดเฉพาะในส่วนกำไรเบ็ดเสร็จ และมีผลเพิ่มสินทรัพย์ และส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น เท่านั้น
คำนวน PE จาก กำไรต่อหุ้น .13 บาท ได้ = 1.94/.13 = 14.9 (ดีนะ ถ้าเอาตัวเลข .76 สตางค์มาคิด นี่ กลายเป็น PE 2.55 ช้อคกันตาค้างเลย อิๆ
สำหรับ บางคนตั้งข้อสังเกตุ ว่า ผลประกอบการเฉพาะงบบริษัท ปีนี้ ต่ำกว่า ปี 55 มาก นั่น ไม่ต้องแปลกใจครับ
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่า ปีที่แล้ว ทางบริษัทแม่ ยังมีขาดทุนสะสมอยู่ ทำให้ปันผลไม่ได้แม้จะมีเงินสดในมือ และมีกำไรจากการประกอบการ แล้ว และเสี่ยช้างรับปากผู้ถือหุ้นว่าจะพยายามปันผลให้ได้ เลยจัดการโยกกำไรสะสม ในบริษัทลูก BLAND Cayman ปันผลส่งคืนมาให้ ตัวแม่ หกพันกว่าล้าน ล้างขาดทุนสะสมหมดไป ทำให้ปันผล ปีที่แล้วได้ แต่การโอนปันผลมานั่นไม่มีเงินสดกลับมานะครับ เป็นแค่การโยกหักลบทางบัญชี เท่านั้น
สำหรับปีนี้ ปันผล ก็มีแต่ของ อิมแพ็ค ที่ปันให้แม่เข้ามา 364 ล้าน และปีต่อไป บีแลนด์ถือหุ้นเพิ่ม จาก 55% มาเป็น 100% ดังนั้นรายได้ส่วนนี้ ในงบ ปีต่อไปก็จะเพิ่มขึ้นตามส่วน ด้วยนอกเหนือจากการเติบโตตามปกติ (ยกเว้น ถ้าเอาไปตั้งกอง REITs บางส่วน ก็ต้องแบ่งผลกำไรจากการดำเนินการแบ่งไปให้ผู้ถือหุ้นกอง REITs แต่ก็จะได้เงินจากการ ตั้ง REITs กลับมาชดเชยเช่นกัน)
สำหรับ ส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Book Value นั้น
ส่วนของผู้ถือหุ้น ตามงบการเงินฉบับนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด มีรวม =40,432 ล้าน
โดยมีตัวหาร คือจำนวนหุ้น 17,795 หุ้น
คำนวนออกมาได้ BV=2.27
แต่ว่าหลังจากปิดงบ 31 มีนาคมไปแล้ว ณ วันนี้ มันมีเงินสดจากการเพิ่มทุนของการแปลง W2 เข้ามาอีก ราวๆ ห้าพันล้าน รวมเป็นส่วนของผู้ถือหุ้น ราวๆ 45400 ล้าน
ในขณะที่ ตัวหารหรือจำนวนหุ้นเพิ่มเป็นประมาณ 20600 ล้าน สุดท้ายแล้ว Dilute Book Value หลังจากคิดรวม W2 ทั้งหมดแล้ว อยู่ที่ 45400/20600 หรือ = 2.20 บาท ก็ถือว่า Dilute Book ลงมาจากการแปลง W2 ไม่มากนัก อย่างที่เคยบอกไว้ ว่า เงินค่าแปลงของ W2 ราคาไม่ถูกนัก คือ 1.9 ถ้าไม่ได้แปลงเข้ามาทั้งหมด เจ็ดพันล้านหุ้น ก็จะ share book ไปไม่มากนัก
คำนวน P/BV ได้ = 1.94/2.2 = 0.88 ( ราคา ต่ำ Book อีกแล้ว ครับ ท่าน)
สำหรับตอนนี้ Book Value ที่คนยังจับตา กันอยู่ว่า อาจจะมีการปรับเพิ่มได้อีก ก็คือ ที่ดิน ที่ยังตีราคาประเมิน เมื่อสิบกว่าปีก่อน ซึ่ง จากการคำนวนคร่าวๆ เชื่อกันว่า มันมีมูลค่าสูงกว่าราคา ที่บันทึกทางบัญชีปัจจุบัน อีกราวๆ สองหมื่นล้าน หรือ เพิ่มขึ้นมาอีก 1 บาทต่อหุ้น
แต่ว่า ยังเป็นเรื่องของอนาคต และ ดูแล้วมีความเป็นไปได้ ทีบริษัท อาจจะเลือกไม่ตีราคาประเมินใหม่ แต่เลือกเก็บเอาไว้ พัฒนา โครงการ ทำให้ ต้นทุนที่ดิน ในการพัฒนาต่ำ ตัวเลขกำไร ที่จะออกมาในอนาคตสูงกว่าได้
นาทีนี้ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เงินสดในมือ จากการแปลง Bland W2 เข้ามาแล้ว หนี้ จากการกู้มาซื้อ Impact ใช้คืนไปแล้ว ต่อไป ดอกเบี้ยจ่ายต่างๆก็คงลดลง ดอกเบี้ยรับก็เพิ่มขึ้น ถ้าพัฒนาโครงการได้ต่อ ทำกำไร กลับมาได้เป็นจริงจัง ก็คงฟื้นตัวกันอย่างจริงจัง
แต่หนี้ อุนุงตุงนัง ของ บีแลนด์ ที่เสี่ยช้าง แกบอกว่าหมดแล้ว แต่ผมเห็นมันค้างบัญชีในบริษัทลูกๆ ดูแล้ว ก็ยังงง อยู่
ใครเชี่ยวชาญ ช่วยกันแกะหน่อยนะ ครับ เป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ ครับ
อ้อสุดท้าย ปันผล 0.03 บาท นี่ ถ้าดูจากกำไร 0.13 บาทต่อหุ้น เท่ากับ ปันออกมาแค่ 25% อาจจะดูน้อยไปนิด คิดเป็น Dividend Yeild = 0.03/1.94 X100 = 1.54% แต่บริษัทเพิ่งฟื้นตัว เงินสดยังมีไม่มากนักต้องใช้ ในการลงทุนโครงการต่างๆ ปันน้อยหน่อย เอาเงินไปใช้ลงทุน จะได้ไม่ต้องกู้มาก ก็เป็นผลดี ระยะยาว
แต่บอกตามตรงๆ นะครับ แม้ทุกอย่างของมันดูดี อยู่แต่ความที่งบมันซับซ้อน มากๆ นี่ ทำให้ ต้องคอยระวัง ในการลงทุนกันด้วยครับ
=== BLAND มาสุมหัว มุง งบ ปี 56 Book ใหม่ และ รอรับปันผล กัน ===
ใครเก่งบัญชี เซียนแกะงบมาช่วยกันหน่อยดิ
สรุปตัวเลข งบรวม ตัวเลขกำไรสุทธิหลังหักภาษี หลังหักภาษี 2532 ล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นได้เป็นกำไรต่อหุ้น 0.13 เพิ่มขึ้นกว่า ปีที่แล้วที่กำไร 0.03 อยู่ 400%
นอกจาก กำไร 2532 ล้าน หรือ 0.13 บาทต่อหุ้นจากการดำเนินการข้างบนแล้ว
มันยังมี กำไรอีกส่วน คือ
กำไรส่วนเกินจากส่วนเกินทุนจากการ ตีมูลค่าสินทรัพย์ถาวร 8455 ล้าน
และ กำไรจากส่วนเกินทุนจากการเปลียนสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทย่อย 2814 ล้าน
(สองอันนี้ ก็คือกำไรจากการ ซ้ืัอคืน หุ้น 45% อิมแพ็คกลับคืน และ การตีมูลค่าอิมแพ็คใหม่นั่นเอง)
ซึ่งกำไรตรงส่วนนี้ รวมแล้ว เมื่อหักส่วนของค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจากการตีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่ม ออกไป 27 ล้านกว่าแล้ว ก็เหลิอ เป็นกำไรเบ็ดเสร็จอื่น อีก 11242 ล้าน ซึ่งรวมกับกำไรปกติ ก็ ได้เป็นกำไรเบ็ดเสร็จ ของบริษัทรวมทั้งหมด 13775 ล้าน ถ้าเอาตัวเลขนี้มาคิดเป็นกำไรต่อหุ้นล่ะก้อ จะได้ตัวเลข ออกมาเป็น ราวๆ 76 สตางค์ต่อหุ้นเลยทีเดียว
แต่ว่า สรุปคือ อันนี้ เค้า ไม่เอามาคิดเป็นกำไรจากผลประกอบการ แต่นำไปคิดเฉพาะในส่วนกำไรเบ็ดเสร็จ และมีผลเพิ่มสินทรัพย์ และส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น เท่านั้น
คำนวน PE จาก กำไรต่อหุ้น .13 บาท ได้ = 1.94/.13 = 14.9 (ดีนะ ถ้าเอาตัวเลข .76 สตางค์มาคิด นี่ กลายเป็น PE 2.55 ช้อคกันตาค้างเลย อิๆ
สำหรับ บางคนตั้งข้อสังเกตุ ว่า ผลประกอบการเฉพาะงบบริษัท ปีนี้ ต่ำกว่า ปี 55 มาก นั่น ไม่ต้องแปลกใจครับ
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่า ปีที่แล้ว ทางบริษัทแม่ ยังมีขาดทุนสะสมอยู่ ทำให้ปันผลไม่ได้แม้จะมีเงินสดในมือ และมีกำไรจากการประกอบการ แล้ว และเสี่ยช้างรับปากผู้ถือหุ้นว่าจะพยายามปันผลให้ได้ เลยจัดการโยกกำไรสะสม ในบริษัทลูก BLAND Cayman ปันผลส่งคืนมาให้ ตัวแม่ หกพันกว่าล้าน ล้างขาดทุนสะสมหมดไป ทำให้ปันผล ปีที่แล้วได้ แต่การโอนปันผลมานั่นไม่มีเงินสดกลับมานะครับ เป็นแค่การโยกหักลบทางบัญชี เท่านั้น
สำหรับปีนี้ ปันผล ก็มีแต่ของ อิมแพ็ค ที่ปันให้แม่เข้ามา 364 ล้าน และปีต่อไป บีแลนด์ถือหุ้นเพิ่ม จาก 55% มาเป็น 100% ดังนั้นรายได้ส่วนนี้ ในงบ ปีต่อไปก็จะเพิ่มขึ้นตามส่วน ด้วยนอกเหนือจากการเติบโตตามปกติ (ยกเว้น ถ้าเอาไปตั้งกอง REITs บางส่วน ก็ต้องแบ่งผลกำไรจากการดำเนินการแบ่งไปให้ผู้ถือหุ้นกอง REITs แต่ก็จะได้เงินจากการ ตั้ง REITs กลับมาชดเชยเช่นกัน)
สำหรับ ส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Book Value นั้น
ส่วนของผู้ถือหุ้น ตามงบการเงินฉบับนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด มีรวม =40,432 ล้าน
โดยมีตัวหาร คือจำนวนหุ้น 17,795 หุ้น
คำนวนออกมาได้ BV=2.27
แต่ว่าหลังจากปิดงบ 31 มีนาคมไปแล้ว ณ วันนี้ มันมีเงินสดจากการเพิ่มทุนของการแปลง W2 เข้ามาอีก ราวๆ ห้าพันล้าน รวมเป็นส่วนของผู้ถือหุ้น ราวๆ 45400 ล้าน
ในขณะที่ ตัวหารหรือจำนวนหุ้นเพิ่มเป็นประมาณ 20600 ล้าน สุดท้ายแล้ว Dilute Book Value หลังจากคิดรวม W2 ทั้งหมดแล้ว อยู่ที่ 45400/20600 หรือ = 2.20 บาท ก็ถือว่า Dilute Book ลงมาจากการแปลง W2 ไม่มากนัก อย่างที่เคยบอกไว้ ว่า เงินค่าแปลงของ W2 ราคาไม่ถูกนัก คือ 1.9 ถ้าไม่ได้แปลงเข้ามาทั้งหมด เจ็ดพันล้านหุ้น ก็จะ share book ไปไม่มากนัก
คำนวน P/BV ได้ = 1.94/2.2 = 0.88 ( ราคา ต่ำ Book อีกแล้ว ครับ ท่าน)
สำหรับตอนนี้ Book Value ที่คนยังจับตา กันอยู่ว่า อาจจะมีการปรับเพิ่มได้อีก ก็คือ ที่ดิน ที่ยังตีราคาประเมิน เมื่อสิบกว่าปีก่อน ซึ่ง จากการคำนวนคร่าวๆ เชื่อกันว่า มันมีมูลค่าสูงกว่าราคา ที่บันทึกทางบัญชีปัจจุบัน อีกราวๆ สองหมื่นล้าน หรือ เพิ่มขึ้นมาอีก 1 บาทต่อหุ้น
แต่ว่า ยังเป็นเรื่องของอนาคต และ ดูแล้วมีความเป็นไปได้ ทีบริษัท อาจจะเลือกไม่ตีราคาประเมินใหม่ แต่เลือกเก็บเอาไว้ พัฒนา โครงการ ทำให้ ต้นทุนที่ดิน ในการพัฒนาต่ำ ตัวเลขกำไร ที่จะออกมาในอนาคตสูงกว่าได้
นาทีนี้ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เงินสดในมือ จากการแปลง Bland W2 เข้ามาแล้ว หนี้ จากการกู้มาซื้อ Impact ใช้คืนไปแล้ว ต่อไป ดอกเบี้ยจ่ายต่างๆก็คงลดลง ดอกเบี้ยรับก็เพิ่มขึ้น ถ้าพัฒนาโครงการได้ต่อ ทำกำไร กลับมาได้เป็นจริงจัง ก็คงฟื้นตัวกันอย่างจริงจัง
แต่หนี้ อุนุงตุงนัง ของ บีแลนด์ ที่เสี่ยช้าง แกบอกว่าหมดแล้ว แต่ผมเห็นมันค้างบัญชีในบริษัทลูกๆ ดูแล้ว ก็ยังงง อยู่
ใครเชี่ยวชาญ ช่วยกันแกะหน่อยนะ ครับ เป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ ครับ
อ้อสุดท้าย ปันผล 0.03 บาท นี่ ถ้าดูจากกำไร 0.13 บาทต่อหุ้น เท่ากับ ปันออกมาแค่ 25% อาจจะดูน้อยไปนิด คิดเป็น Dividend Yeild = 0.03/1.94 X100 = 1.54% แต่บริษัทเพิ่งฟื้นตัว เงินสดยังมีไม่มากนักต้องใช้ ในการลงทุนโครงการต่างๆ ปันน้อยหน่อย เอาเงินไปใช้ลงทุน จะได้ไม่ต้องกู้มาก ก็เป็นผลดี ระยะยาว
แต่บอกตามตรงๆ นะครับ แม้ทุกอย่างของมันดูดี อยู่แต่ความที่งบมันซับซ้อน มากๆ นี่ ทำให้ ต้องคอยระวัง ในการลงทุนกันด้วยครับ