อยากระบายเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานเดียวกับสามีแต่ต่างสาขากัน คงมีโอกาสได้เจอกันบ้างตามงานสัมมนาของบริษัท ไม่รู้มากิ๊กกันตอนไหน ใช้คำว่ากิ๊กได้ เพราะสามีก็สารภาพออกมาเอง แต่ขั้นไหน เราไม่อยากถามให้เจ็บไปกว่านี้ และถึงถามไปก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นความจริงทั้งหมดหรือเปล่า ตอนที่รู้เรื่อง เราช็อคมากค่ะ ร้องไห้เสียใจ ผิดหวังทุกสิ่งอย่างปะปนไปหมด สามีไม่ได้ขอเลิก อาจะเพราะว่าความผูกพัน ความสนิทของสองครอบครัว และความมีหน้ามีตาในสังคมพอสมควร ทำให้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรกันต่อ แต่ก็เซ้นส์ได้ว่าสามีมีใจให้เธอคนนั้นพอสมควร
ตอนนั้นเราเลือกที่จะกลับมาคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตคู่ เราไม่ใช่คน perfect เอาแต่ใจบ้าง work hard play hard รายได้ดี ดูแลตัวเองได้ เป็นสาวสังคมที่เพื่อนเยอะมากมาย ไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือนเอาซะเลย ขณะที่สามีเป็นคนพอเพียง เรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่โรแมนติก ชอบดูหนังอยู่บ้าน ยอมรับว่าตอนนั้นเบื่อในความไม่เอาอกเอาใจของสามี ความไม่หวานในชีวิตคู่ ยอมรับว่าเพื่อนหญิงเพื่อนชายรอบตัวเรา เติมเต็มความสุขในชีวิตได้มากกว่า
จนกระทั่ง ... มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ถึงได้รู้ซึ้งว่า เราขาดผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้จริงๆ กลับมาคิดทบทวนและปรับปรุงตัวใหม่ พูดกันดีๆ ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ขอร้องให้เค้าเลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นจะได้ไหม พยายามทำทุกอย่างให้ครอบครัวกลับมามีความสุข.... แล้วในที่สุด เราก็ท้อง .... ซึ่งตอนท้องนี่แหละ ที่อารมณ์เราแปรปรวนมาก จับได้ว่าเค้ายังคุยกัน ดึกๆดื่นๆผู้หญิงโทรมาหา แม้กระทั่งเวลาที่เราอยู่กับสามี ก็โทรมา ไม่ได้มีความเกรงใจเราเลย สามีก็รับบ้างไม่รับบ้าง ซึ่งความอดทนกับความ sensitive ช่วงนั้นทำให้น้ำตาเราไหลพรากๆทุกครั้งที่เค้าติดต่อกัน พยายามจะห้ามตัวเองไม่ให้เครียด เพราะห่วงลูกในท้องแต่ก็ทำใจได้ยากเหลือเกิน คนรอบตัวเราดีใจและคอยดูแลเราเป็นอย่างดีที่เราท้อง มีแต่สองคนนี้ที่ทำร้ายจิตใจเราซ้ำแล้วซ้ำอีก เราถามสามีว่าทำไมยังไม่เลิกคุยกัน ... นิ่ง เงียบ ไม่มีคำตอบ นอกจากบอกเราว่าอย่าคิดมาก ... ค่ะ! ไม่คิดมาก เราไม่ใช่อิฐใช่หินนะ จะไม่คิดได้อย่างไร
วันหนึ่ง ไม่รู้อะไรมาดลใจให้เราหาเบอร์ผู้หญิงคนนั้นแล้วโทรไปคุย แต่เราคุยด้วยดีนะคะ ไม่มีต่อว่า ไม่มีหยาบคาย บอกเค้าว่าเรารับรู้ที่เค้าคุยกับสามีเราด้วยความเสียใจเหลือเกิน ... เธอยอมรับผิดที่มันเกิดขึ้น เธอเอ่ย ขอโทษ บอกว่าเรื่องของเธอกับสามีเราเป็นไปไม่ได้ เธอจะไม่ยุ่งอีก ... เราสบายใจขึ้นมานิดหนึ่งว่าอย่างน้อยเธอก็ยังเอ่ยปากว่าจะไม่ยุ่ง หากสามีจะตบมือข้างเดียวมันคงดังไม่พอ
จนเราคลอดลูก สามีเห่อลูกมาก เรามีความสุขมากเช่นกันที่สามีเป็นพ่อที่ดี ช่วยเลี้ยงลูกและแบ่งเบาภาระเราได้มาก .... บอกตรงๆเราไม่เคยลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ใจมันเจ็บ มันเป็นแผล ความไว้วางใจยากที่จะกลับคืน แต่ก็เลือกจำสิ่งดี เลือกที่จะมีความสุขกับความดีของสามี ไม่เคยรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆมาพูดอีกเลย ... ที่ผ่านมาเราก็ถือว่า มันเป็นความผิดพลาดของทั้งสามฝ่ายซึ่งเป็นจังหวะเวลาให้เรื่องมันอุบัติขึ้นพอดี
จนเมื่ออาทิตย์ก่อน มีเหตุให้เราต้องไปหาเบอร์ตัวแทนประกันจากโทรศัพท์สามี เปิดมาหน้าแรกปุ๊บ มันกลายเป็น recent calls ที่มีเธอคนนั้นโทรเข้ามาหลายครั้งติดกัน ... แทบทรุดอีกรอบ นี่เธอยังไม่เลิกติดต่อกับสามีเราอีกเหรอ ... และเราไม่รู้เลยว่าเค้าคุยกันบ่อยแค่ไหน คุยมาตลอดหรือไม่ อะไร ยังไง ไม่เคยเช็คเลย ยอมรับว่า ณ ตอนนั้นพีคมาก อยากถามสามีให้รู้เรื่อง แต่มาถึงวันนี้ กว่าจะหา log in เพื่อนมาระบายในนี้ได้ อารมณ์ก็เย็นลงไปเยอะแล้ว
- อยากปรึกษาค่ะ ว่าเราควรจะเคลียร์ให้รู้เรื่องกันไปเลยดีมั้ย เราเองก็อยากให้คู่ชีวิตซื่อสัตย์กับเราทั้งกาย วาจา ใจ แต่ถ้าความจริงมันไม่มีอะไร เราก็กลัวสามีจะรู้สึกไม่ดีที่เราไปคาดคั้นเค้า นอกจากเรื่องนี้แล้ว เค้าก็เป็นสามีที่ดีมากคนนึง ข้อเสียอย่างอื่นก็ธรรมดาที่ปุถุชนพึงมี
- หรือว่า เราควรจะเว้นที่ว่างไว้บ้าง ให้เป็นโลกส่วนตัวของเค้า ไม่ต้องรู้กันทุกเรื่อง ทำไม่รู้ไม่เห็นต่อไป จะคุยก็คุยไป ตราบที่สามีเรายังดีกับเราและลูกอยู่ ปล่อยวางซะ (เฮ้อ แต่พอเห็นชื่อเธอคนนี้ เราก็เจ็บจี๊ดอ่ะคะ)
- ช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ ว่าเหตุใด ผู้หญิงคนหนึ่งจึงยังคุยกับผู้ชายที่มีลูกมีเมียไม่เลิกสักที หรือเค้าคุยกันเรื่องงาน ปรึกษากันทั่วไปหรือเราคิดมากไป หรือเป็นที่สามีเราเองไปคุยกับเค้าไม่เลิก
- ใครเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ไหมคะ จะมีวันไหนที่เราไว้ใจสามีได้อย่างหมดใจ ไม่หวั่นไหว ไม่ระแวงอีก
ควร "ปล่อยวาง" หรือควร "เคลียร์" ให้รู้เรื่องดี
ตอนนั้นเราเลือกที่จะกลับมาคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตคู่ เราไม่ใช่คน perfect เอาแต่ใจบ้าง work hard play hard รายได้ดี ดูแลตัวเองได้ เป็นสาวสังคมที่เพื่อนเยอะมากมาย ไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือนเอาซะเลย ขณะที่สามีเป็นคนพอเพียง เรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่โรแมนติก ชอบดูหนังอยู่บ้าน ยอมรับว่าตอนนั้นเบื่อในความไม่เอาอกเอาใจของสามี ความไม่หวานในชีวิตคู่ ยอมรับว่าเพื่อนหญิงเพื่อนชายรอบตัวเรา เติมเต็มความสุขในชีวิตได้มากกว่า
จนกระทั่ง ... มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ถึงได้รู้ซึ้งว่า เราขาดผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้จริงๆ กลับมาคิดทบทวนและปรับปรุงตัวใหม่ พูดกันดีๆ ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ขอร้องให้เค้าเลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นจะได้ไหม พยายามทำทุกอย่างให้ครอบครัวกลับมามีความสุข.... แล้วในที่สุด เราก็ท้อง .... ซึ่งตอนท้องนี่แหละ ที่อารมณ์เราแปรปรวนมาก จับได้ว่าเค้ายังคุยกัน ดึกๆดื่นๆผู้หญิงโทรมาหา แม้กระทั่งเวลาที่เราอยู่กับสามี ก็โทรมา ไม่ได้มีความเกรงใจเราเลย สามีก็รับบ้างไม่รับบ้าง ซึ่งความอดทนกับความ sensitive ช่วงนั้นทำให้น้ำตาเราไหลพรากๆทุกครั้งที่เค้าติดต่อกัน พยายามจะห้ามตัวเองไม่ให้เครียด เพราะห่วงลูกในท้องแต่ก็ทำใจได้ยากเหลือเกิน คนรอบตัวเราดีใจและคอยดูแลเราเป็นอย่างดีที่เราท้อง มีแต่สองคนนี้ที่ทำร้ายจิตใจเราซ้ำแล้วซ้ำอีก เราถามสามีว่าทำไมยังไม่เลิกคุยกัน ... นิ่ง เงียบ ไม่มีคำตอบ นอกจากบอกเราว่าอย่าคิดมาก ... ค่ะ! ไม่คิดมาก เราไม่ใช่อิฐใช่หินนะ จะไม่คิดได้อย่างไร
วันหนึ่ง ไม่รู้อะไรมาดลใจให้เราหาเบอร์ผู้หญิงคนนั้นแล้วโทรไปคุย แต่เราคุยด้วยดีนะคะ ไม่มีต่อว่า ไม่มีหยาบคาย บอกเค้าว่าเรารับรู้ที่เค้าคุยกับสามีเราด้วยความเสียใจเหลือเกิน ... เธอยอมรับผิดที่มันเกิดขึ้น เธอเอ่ย ขอโทษ บอกว่าเรื่องของเธอกับสามีเราเป็นไปไม่ได้ เธอจะไม่ยุ่งอีก ... เราสบายใจขึ้นมานิดหนึ่งว่าอย่างน้อยเธอก็ยังเอ่ยปากว่าจะไม่ยุ่ง หากสามีจะตบมือข้างเดียวมันคงดังไม่พอ
จนเราคลอดลูก สามีเห่อลูกมาก เรามีความสุขมากเช่นกันที่สามีเป็นพ่อที่ดี ช่วยเลี้ยงลูกและแบ่งเบาภาระเราได้มาก .... บอกตรงๆเราไม่เคยลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ใจมันเจ็บ มันเป็นแผล ความไว้วางใจยากที่จะกลับคืน แต่ก็เลือกจำสิ่งดี เลือกที่จะมีความสุขกับความดีของสามี ไม่เคยรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆมาพูดอีกเลย ... ที่ผ่านมาเราก็ถือว่า มันเป็นความผิดพลาดของทั้งสามฝ่ายซึ่งเป็นจังหวะเวลาให้เรื่องมันอุบัติขึ้นพอดี
จนเมื่ออาทิตย์ก่อน มีเหตุให้เราต้องไปหาเบอร์ตัวแทนประกันจากโทรศัพท์สามี เปิดมาหน้าแรกปุ๊บ มันกลายเป็น recent calls ที่มีเธอคนนั้นโทรเข้ามาหลายครั้งติดกัน ... แทบทรุดอีกรอบ นี่เธอยังไม่เลิกติดต่อกับสามีเราอีกเหรอ ... และเราไม่รู้เลยว่าเค้าคุยกันบ่อยแค่ไหน คุยมาตลอดหรือไม่ อะไร ยังไง ไม่เคยเช็คเลย ยอมรับว่า ณ ตอนนั้นพีคมาก อยากถามสามีให้รู้เรื่อง แต่มาถึงวันนี้ กว่าจะหา log in เพื่อนมาระบายในนี้ได้ อารมณ์ก็เย็นลงไปเยอะแล้ว
- อยากปรึกษาค่ะ ว่าเราควรจะเคลียร์ให้รู้เรื่องกันไปเลยดีมั้ย เราเองก็อยากให้คู่ชีวิตซื่อสัตย์กับเราทั้งกาย วาจา ใจ แต่ถ้าความจริงมันไม่มีอะไร เราก็กลัวสามีจะรู้สึกไม่ดีที่เราไปคาดคั้นเค้า นอกจากเรื่องนี้แล้ว เค้าก็เป็นสามีที่ดีมากคนนึง ข้อเสียอย่างอื่นก็ธรรมดาที่ปุถุชนพึงมี
- หรือว่า เราควรจะเว้นที่ว่างไว้บ้าง ให้เป็นโลกส่วนตัวของเค้า ไม่ต้องรู้กันทุกเรื่อง ทำไม่รู้ไม่เห็นต่อไป จะคุยก็คุยไป ตราบที่สามีเรายังดีกับเราและลูกอยู่ ปล่อยวางซะ (เฮ้อ แต่พอเห็นชื่อเธอคนนี้ เราก็เจ็บจี๊ดอ่ะคะ)
- ช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ ว่าเหตุใด ผู้หญิงคนหนึ่งจึงยังคุยกับผู้ชายที่มีลูกมีเมียไม่เลิกสักที หรือเค้าคุยกันเรื่องงาน ปรึกษากันทั่วไปหรือเราคิดมากไป หรือเป็นที่สามีเราเองไปคุยกับเค้าไม่เลิก
- ใครเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ไหมคะ จะมีวันไหนที่เราไว้ใจสามีได้อย่างหมดใจ ไม่หวั่นไหว ไม่ระแวงอีก