เอาข่าวมาฝากคนในแวดวงการศึกษา เพื่อการศึกษาที่ดีกว่าค่ะ
แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ จี้รัฐดึงเงินกู้ 2.2 ล้านล้านปฏิวัติระบบการศึกษายุคใหม่! (ตอนที่ 4)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2556 20:21 น.
นักวิชาการ ผู้สร้างศาสตร์ห้องเรียนแห่งอนาคต ชี้ระบบการศึกษาไทยห่วยแตก ปฏิรูปกี่ครั้งก็ไม่สำเร็จ ครูก็ยังก่อหนี้ท่วมตัว แม้มีรายได้เพิ่มจากค่าวิทยฐานะแล้ว เหตุประเทศไทยเลียนแบบต่างชาติ ทำครูไทยเป็นง่อย ปรับเปลี่ยนวิธีสอนไม่เป็น เสนอ 5 วิธีปฏิวัติทั้งระบบ-ครู-นักเรียน-หลักสูตร จี้รัฐต้องกล้าหาญดึงเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน “พัฒนาคน-โครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษา” ทันโลกยุคใหม่ ติงอย่าดีแต่ “หาเสียง-หาเงิน” เชื่ออีก 10 ปีคนไทยคุณภาพเยี่ยม!
“Special Scoop” ได้นำเสนอสกู๊ปข่าว “แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ” ไปแล้ว 3 ตอน ซึ่งสะท้อนความผิดพลาดในนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ทำให้การศึกษาไทยเดินมาสู่ภาวะตกต่ำสุดขีด ทั้งคุณภาพและจริยธรรมคนเป็น “ครู” ไปจนถึงคุณภาพ “นักเรียน” อันเป็นผลพวงจากความผิดพลาดของระบบ
วันนี้คนไทยเกิดคำถามต่อระบบการศึกษาที่มีปัญหาเป็นจำนวนมาก
เมื่อปฏิรูปการศึกษาไม่ได้ผล จึงอาจต้องเปลี่ยนมาเป็นการปฏิวัติ ซึ่งเป็นการรื้อระบบเดิมทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนถ่ายสู่ระบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพกว่า
ตอนที่ 4 ของสกู๊ปชุด “แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ” จะนำเสนอแนวคิดปฏิวัติการศึกษาของนายวิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ นักวิชาการศึกษาอิสระ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์การศึกษา www.eduzones.com และทำวิจัยพัฒนา “ห้องเรียนแห่งอนาคต” ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ โดยใช้วิธีการเรียนแบบ Creativity-Based Learning (การเรียนการสอนที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นฐาน) กับนักเรียนชั้น ม.ต้น และ ม.ปลาย ทั่วประเทศ ซึ่งได้ผลน่าพอใจ จนมีการนำไปใช้ในการเรียนการสอนจริงในปัจจุบัน
นายวิริยะแสดงความคิดเห็นต่อระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันว่า คุณภาพการศึกษาไทยวัดได้จากผลคะแนน ไม่ว่าจะเป็นการสอบ O-NET หรือการสอบวัดผลพิซา (PISA) ที่ใช้วัดความสามารถความเข้าใจในโครงการประเมินผลการศึกษาของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ซึ่งไม่ว่าจะวัดโดยมิติใดหรือโดยสถาบันใด การเรียนของเด็กไทยล้วนแล้วแต่ติดอันดับรั้งท้ายของโลกทั้งสิ้น ทั้งที่ศักยภาพการแข่งขันด้านอื่นๆ ของประเทศไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร
หากโลกมี 10 อันดับ ความสามารถในการแข่งขันด้านอื่นๆ ของไทยจะอยู่ประมาณอันดับที่ 4.5 ของโลก ขณะที่ความสามารถทางการศึกษาของเด็กไทยกลับตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 9 ซึ่งถือว่าเรามีปัญหาแน่ๆ!
“ผมยังไม่คิดว่ามีปัญหานะ ถ้าเด็กของเราสอบได้คะแนนน้อยแต่สังคมดี เช่น เด็กมีจิตใจงดงาม มีการยับยั้งชั่งใจ โดนหลอกยาก มีเมตตา รู้จักแบ่งปันกัน ยาเสพติดลดลง เด็กไม่ตีกัน ฯลฯ หากสังคมดี คะแนน O-NET จะต่ำ ก็ไม่เดือดร้อนอะไร แต่วันนี้เราเห็นจากสื่อต่างๆ กันอยู่ว่า คุณภาพเยาวชนของเราต่ำลง”
เขาวิเคราะห์ว่า รากเหง้าที่ทำให้ระบบการศึกษาไทยตกต่ำมาจาก 2 เหตุใหญ่ที่ต้องรีบแก้! คือ 1. ตัวระบบ และ 2. ตัวครู
ระบบการศึกษาห่วย เพราะ “ก๊อป” มาทั้งดุ้น
นายวิริยะอธิบายต่อไปว่า ระบบการศึกษาไทยเป็นเหตุให้คุณภาพเยาวชนไทยตกต่ำลงไป เนื่องจากประเทศไทยไม่มีการศึกษาเป็นของตนเองมาตั้งแต่แรก
สมัยก่อนวัดเป็นสถานที่ให้การศึกษากับคนไทย โดยเน้นสอนคนให้เป็นคน แต่ต่อมาประเทศไทยไปเลียนแบบการจัดการศึกษาจากต่างประเทศ ยึดการวิจัยที่ศึกษาจากเด็กต่างชาติ โดยไม่มีการปรับเข้ากับความเป็นคนไทย การศึกษาไทยจึงเบลอมาถึงทุกวันนี้
“พอไปก๊อบปี้การศึกษามาจากคนอื่น เราจึงเบลอว่า ไปๆ มาๆ แล้วคนไทยคืออะไร ความรู้ของไทยคืออะไร แล้วเด็กจะภูมิใจในความเป็นไทยเมื่อไร แม้จะบังคับให้เด็กเคารพธงชาติกี่ครั้งต่อวันก็ไม่มีทางรักชาติขึ้นมาได้ เพราะชาติไม่รักและให้โอกาสเขาเหมือนเมื่อก่อน วันนี้สังคมไทยให้โอกาสอะไรกับเด็กบ้าง โรงเรียนให้ความรักกับเด็กหรือไม่ เรามีแต่เอาการศึกษาไปวัดแยกเด็กออกเป็น 2-3 กลุ่ม แยกเป็นกลุ่มเด็กฉลาด กลุ่มเด็กโง่ เชิดชูเด็กทำข้อสอบเก่ง แต่เด็กอีกเป็นล้านคนที่ทำข้อสอบไม่ได้ กลายเป็นคนโง่ไป ทั้งที่เขาไม่ได้โง่ เขาเพียงแต่ทำข้อสอบไม่ได้ เขาเป็นคนธรรมดาที่ถูกตัดสินโดยระบบการศึกษาแบบฝรั่ง” นายวิริยะกล่าว
นอกจากนั้น การเลียนแบบโดยไม่มีการปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง ยังทำให้ “ระบบการศึกษาไทย” อยู่ในภาวะแก้ไขลำบากด้วย
“เราก๊อบปี้การศึกษามาเป็น 100 ปี แต่เพิ่งมาคิดปฏิรูปในปี 2542 เมื่อปฏิรูปออกมาก็สับสนงงงวย เพราะคนไม่เคยมีการศึกษาเป็นของตัวเอง ไปลอกมา 100 ปี พอประกาศว่าต้องคิดของตัวเองใหม่ ผู้ปฏิบัติที่เคยสอนแบบเดิม เคยสอบแบบเดิม ก็เกิดอาการงง ทำไม่เป็น เพราะไปลอกเขามา ไม่ได้คิดเอง”
ขณะที่รูปแบบการศึกษาของชาติอื่น หลายประเทศมีการเลียนแบบเช่นกัน แต่ไม่ทั้งหมด กลยุทธ์ของชาติที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบการศึกษาจะใส่ความเป็นตัวเองลงไปด้วย เช่น ประเทศญี่ปุ่นสอนให้เด็กรักชาติ ครูใส่ความรักให้กับเด็กทำให้คนญี่ปุ่นรักกัน หรือเกาหลียุคแรกสอนให้คนทุ่มเทจริงจัง แต่ยุคหลังเปลี่ยนมาเป็นความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่ประเทศสิงคโปร์สอนให้คนเคารพกฎกติกา มีวินัย สิงคโปร์จึงกลายเป็นประเทศใสสะอาด คอร์รัปชันต่ำที่สุดอันดับหนึ่งของโลก
“ส่วนประเทศไทยที่เคยมีลักษณะนอบน้อมถ่อมตน มีน้ำใจ มีเมตตา เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นคนโอ้อวดจองหอง ขี้โมโห มีความยับยั้งชั่งใจต่ำ มีน้ำใจเฉพาะตอนช่วยน้ำท่วมออกทีวี” นายวิริยะกล่าว
...........................................................................
อ่่านตอน 4 ต่อค่ะ --
http://astv.mobi/A5rbIzO
ตอน 3 รัฐจ่ายค่าโง่ปีละ 2 หมื่นล้านเพิ่มค่าผลงานครูห่วย! (ตอนที่ 3) --
http://astv.mobi/AWnBA2J
ตอน 2 พบแล้ว! ตัวการใหญ่รับจ้างเขียนผลงานเลื่อนวิทยฐานะครู (ตอนที่2) --
http://astv.mobi/ARSTMKW
ตอน 1 ครูอยากเติบโตเลื่อนวิทยฐานะ “จ่าย 2 เด้ง” (ตอนที่ 1) --
http://astv.mobi/Ax58gHP
แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ จี้รัฐดึงเงินกู้ 2.2 ล้านล้านปฏิวัติระบบการศึกษายุคใหม่! (ตอนที่ 4)
แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ จี้รัฐดึงเงินกู้ 2.2 ล้านล้านปฏิวัติระบบการศึกษายุคใหม่! (ตอนที่ 4)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2556 20:21 น.
นักวิชาการ ผู้สร้างศาสตร์ห้องเรียนแห่งอนาคต ชี้ระบบการศึกษาไทยห่วยแตก ปฏิรูปกี่ครั้งก็ไม่สำเร็จ ครูก็ยังก่อหนี้ท่วมตัว แม้มีรายได้เพิ่มจากค่าวิทยฐานะแล้ว เหตุประเทศไทยเลียนแบบต่างชาติ ทำครูไทยเป็นง่อย ปรับเปลี่ยนวิธีสอนไม่เป็น เสนอ 5 วิธีปฏิวัติทั้งระบบ-ครู-นักเรียน-หลักสูตร จี้รัฐต้องกล้าหาญดึงเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน “พัฒนาคน-โครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษา” ทันโลกยุคใหม่ ติงอย่าดีแต่ “หาเสียง-หาเงิน” เชื่ออีก 10 ปีคนไทยคุณภาพเยี่ยม!
“Special Scoop” ได้นำเสนอสกู๊ปข่าว “แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ” ไปแล้ว 3 ตอน ซึ่งสะท้อนความผิดพลาดในนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ทำให้การศึกษาไทยเดินมาสู่ภาวะตกต่ำสุดขีด ทั้งคุณภาพและจริยธรรมคนเป็น “ครู” ไปจนถึงคุณภาพ “นักเรียน” อันเป็นผลพวงจากความผิดพลาดของระบบ
วันนี้คนไทยเกิดคำถามต่อระบบการศึกษาที่มีปัญหาเป็นจำนวนมาก
เมื่อปฏิรูปการศึกษาไม่ได้ผล จึงอาจต้องเปลี่ยนมาเป็นการปฏิวัติ ซึ่งเป็นการรื้อระบบเดิมทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนถ่ายสู่ระบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพกว่า
ตอนที่ 4 ของสกู๊ปชุด “แฉนโยบาย ศธ.ต้นเหตุการศึกษาไทยตกต่ำ” จะนำเสนอแนวคิดปฏิวัติการศึกษาของนายวิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ นักวิชาการศึกษาอิสระ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์การศึกษา www.eduzones.com และทำวิจัยพัฒนา “ห้องเรียนแห่งอนาคต” ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ โดยใช้วิธีการเรียนแบบ Creativity-Based Learning (การเรียนการสอนที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นฐาน) กับนักเรียนชั้น ม.ต้น และ ม.ปลาย ทั่วประเทศ ซึ่งได้ผลน่าพอใจ จนมีการนำไปใช้ในการเรียนการสอนจริงในปัจจุบัน
นายวิริยะแสดงความคิดเห็นต่อระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันว่า คุณภาพการศึกษาไทยวัดได้จากผลคะแนน ไม่ว่าจะเป็นการสอบ O-NET หรือการสอบวัดผลพิซา (PISA) ที่ใช้วัดความสามารถความเข้าใจในโครงการประเมินผลการศึกษาของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ซึ่งไม่ว่าจะวัดโดยมิติใดหรือโดยสถาบันใด การเรียนของเด็กไทยล้วนแล้วแต่ติดอันดับรั้งท้ายของโลกทั้งสิ้น ทั้งที่ศักยภาพการแข่งขันด้านอื่นๆ ของประเทศไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร
หากโลกมี 10 อันดับ ความสามารถในการแข่งขันด้านอื่นๆ ของไทยจะอยู่ประมาณอันดับที่ 4.5 ของโลก ขณะที่ความสามารถทางการศึกษาของเด็กไทยกลับตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 9 ซึ่งถือว่าเรามีปัญหาแน่ๆ!
“ผมยังไม่คิดว่ามีปัญหานะ ถ้าเด็กของเราสอบได้คะแนนน้อยแต่สังคมดี เช่น เด็กมีจิตใจงดงาม มีการยับยั้งชั่งใจ โดนหลอกยาก มีเมตตา รู้จักแบ่งปันกัน ยาเสพติดลดลง เด็กไม่ตีกัน ฯลฯ หากสังคมดี คะแนน O-NET จะต่ำ ก็ไม่เดือดร้อนอะไร แต่วันนี้เราเห็นจากสื่อต่างๆ กันอยู่ว่า คุณภาพเยาวชนของเราต่ำลง”
เขาวิเคราะห์ว่า รากเหง้าที่ทำให้ระบบการศึกษาไทยตกต่ำมาจาก 2 เหตุใหญ่ที่ต้องรีบแก้! คือ 1. ตัวระบบ และ 2. ตัวครู
ระบบการศึกษาห่วย เพราะ “ก๊อป” มาทั้งดุ้น
นายวิริยะอธิบายต่อไปว่า ระบบการศึกษาไทยเป็นเหตุให้คุณภาพเยาวชนไทยตกต่ำลงไป เนื่องจากประเทศไทยไม่มีการศึกษาเป็นของตนเองมาตั้งแต่แรก
สมัยก่อนวัดเป็นสถานที่ให้การศึกษากับคนไทย โดยเน้นสอนคนให้เป็นคน แต่ต่อมาประเทศไทยไปเลียนแบบการจัดการศึกษาจากต่างประเทศ ยึดการวิจัยที่ศึกษาจากเด็กต่างชาติ โดยไม่มีการปรับเข้ากับความเป็นคนไทย การศึกษาไทยจึงเบลอมาถึงทุกวันนี้
“พอไปก๊อบปี้การศึกษามาจากคนอื่น เราจึงเบลอว่า ไปๆ มาๆ แล้วคนไทยคืออะไร ความรู้ของไทยคืออะไร แล้วเด็กจะภูมิใจในความเป็นไทยเมื่อไร แม้จะบังคับให้เด็กเคารพธงชาติกี่ครั้งต่อวันก็ไม่มีทางรักชาติขึ้นมาได้ เพราะชาติไม่รักและให้โอกาสเขาเหมือนเมื่อก่อน วันนี้สังคมไทยให้โอกาสอะไรกับเด็กบ้าง โรงเรียนให้ความรักกับเด็กหรือไม่ เรามีแต่เอาการศึกษาไปวัดแยกเด็กออกเป็น 2-3 กลุ่ม แยกเป็นกลุ่มเด็กฉลาด กลุ่มเด็กโง่ เชิดชูเด็กทำข้อสอบเก่ง แต่เด็กอีกเป็นล้านคนที่ทำข้อสอบไม่ได้ กลายเป็นคนโง่ไป ทั้งที่เขาไม่ได้โง่ เขาเพียงแต่ทำข้อสอบไม่ได้ เขาเป็นคนธรรมดาที่ถูกตัดสินโดยระบบการศึกษาแบบฝรั่ง” นายวิริยะกล่าว
นอกจากนั้น การเลียนแบบโดยไม่มีการปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง ยังทำให้ “ระบบการศึกษาไทย” อยู่ในภาวะแก้ไขลำบากด้วย
“เราก๊อบปี้การศึกษามาเป็น 100 ปี แต่เพิ่งมาคิดปฏิรูปในปี 2542 เมื่อปฏิรูปออกมาก็สับสนงงงวย เพราะคนไม่เคยมีการศึกษาเป็นของตัวเอง ไปลอกมา 100 ปี พอประกาศว่าต้องคิดของตัวเองใหม่ ผู้ปฏิบัติที่เคยสอนแบบเดิม เคยสอบแบบเดิม ก็เกิดอาการงง ทำไม่เป็น เพราะไปลอกเขามา ไม่ได้คิดเอง”
ขณะที่รูปแบบการศึกษาของชาติอื่น หลายประเทศมีการเลียนแบบเช่นกัน แต่ไม่ทั้งหมด กลยุทธ์ของชาติที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบการศึกษาจะใส่ความเป็นตัวเองลงไปด้วย เช่น ประเทศญี่ปุ่นสอนให้เด็กรักชาติ ครูใส่ความรักให้กับเด็กทำให้คนญี่ปุ่นรักกัน หรือเกาหลียุคแรกสอนให้คนทุ่มเทจริงจัง แต่ยุคหลังเปลี่ยนมาเป็นความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่ประเทศสิงคโปร์สอนให้คนเคารพกฎกติกา มีวินัย สิงคโปร์จึงกลายเป็นประเทศใสสะอาด คอร์รัปชันต่ำที่สุดอันดับหนึ่งของโลก
“ส่วนประเทศไทยที่เคยมีลักษณะนอบน้อมถ่อมตน มีน้ำใจ มีเมตตา เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นคนโอ้อวดจองหอง ขี้โมโห มีความยับยั้งชั่งใจต่ำ มีน้ำใจเฉพาะตอนช่วยน้ำท่วมออกทีวี” นายวิริยะกล่าว
...........................................................................
อ่่านตอน 4 ต่อค่ะ -- http://astv.mobi/A5rbIzO
ตอน 3 รัฐจ่ายค่าโง่ปีละ 2 หมื่นล้านเพิ่มค่าผลงานครูห่วย! (ตอนที่ 3) -- http://astv.mobi/AWnBA2J
ตอน 2 พบแล้ว! ตัวการใหญ่รับจ้างเขียนผลงานเลื่อนวิทยฐานะครู (ตอนที่2) -- http://astv.mobi/ARSTMKW
ตอน 1 ครูอยากเติบโตเลื่อนวิทยฐานะ “จ่าย 2 เด้ง” (ตอนที่ 1) -- http://astv.mobi/Ax58gHP