%%%% เหนื่อย และเพลียใจ กับความคิดของสามี %%%%

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะว่า กระทู้นี้ ขอแค่มีที่ระบาย ขอคลายน็อตความเครียด สักนิด

เรา กับสามี คบกันมาตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยปี 3 จนปัจจุบัน แต่งงาน และมีลูกด้วยกัน วัย2ขวบ
เราทั้งคู่ต่างทำงานบริษัท ที่มั่นคง มีครอบครัวเล็กๆ ที่น่ารัก ซึ่งในสายตาของคนภายนอก
ดูเหมือนเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่จะมีใครบ้างหละที่จะรู้ว่า เราผู้เป็นทั้งแม่ของลูกน้อย และ
ผู้ที่เป็นภรรยาของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังจะใกล้บ้า เพราะสามี

????????????????????

ตอนที่เราคบกัน เมื่อสมัยที่ยังเรียนอยู่ เขาดูเป็นคนดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เราคบหา
และเป็นผู้ชายที่เราตัดสินใจแต่งงานด้วย ใช่แล้วคะ เรามีเขาเป็นแฟนคนแรก และไม่มีใครอีกเลย
เมื่อเราเรียนจบ เราเริ่มทำงาน เราคิดว่าเราเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ไม่สนใจคำของพ่อแม่ โกหกบุพการีของตัวเอง
หอบเสื้อผ้าเข้าไปอยู่กินกับเขาที่บ้านของเขา

แรกๆก็มีความสุข ตามประสาข้าวใหม่ปลามัน แต่สักพักก็เริ่มออกลายนักมวยเก่า ซ้อมเรา จนถึงขั้นบีบคอเรา
เพียงเพราะเราต้องการให้เขาซื้อชั้นวางหนังสือ เพื่อเก็บของในห้องให้เป็นระเบียบ ครั้นจะเก็บของกลับบ้าน ก็กลัว
จะโดนบุพการีซ้ำเติม จึงต้องทนอยู่ต่อ แต่เหตุการณ์ในวันนั้น พ่อแม่เขาไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งหลังจากนั่น
ก็ไม่เกิดขึ้นอีกซ้ำ 2

ต่อมา เขามีโอกาสได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เราตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่บ้าน แต่เขาอยากให้เราอยู่ที่บ้านเขา
เราใจอ่อนจึงอยู่บ้านเขาต่อ เพราะอย่างน้อย ก็เพื่อเป็นการรับประกันในสิ่งที่เราเสียไปว่าจะไม่เสียฟรี

เวลาผ่านไป เรามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่น ไปอยู่ด้วยกันกับเขา ดีใจมากนะ เพราะนอกจากจะได้อยู่ด้วยกัน เรายังมีโอกาสได้เรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย
โดยที่ไม่รู้เลยว่า เราจะกลายเป็นกระสอบทรายให้เขาเป็นระยะๆ ซ้ำทั้งตัว ซ้ำทั้งใจ จะทำอะไรได้นอกจากทน

เมื่อเรียนจบ กลับมา เราทั้งคู่ได้ทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรืออาจจะระดับโลกทั้งคู่ (คนละบริษัท)
เราทั้งคู่ต่างคนต่างมีรายได้สูง จึงตัดสินใจซื้อบ้านด้วยกัน ทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อแยกมาอยู่บ้านที่เราร่วมกันซื้อ
คิดว่าน่าจะมีความสุขดี แต่เปล่าเลย กลับมีปัญหากันอยู่เรื่อยๆ เราโดนลงไม้ลงมือ ถึงขั้นที่ต้องเข้าโรงพยาบาล
ครั้นจะเลิกก็อายชาวบ้าน อายเพื่อนเพื่อนฝูง จึงได้แต่ทน

ก่อนแต่งงานได้ไม่กี่เดือน เราทะเลาะกันรุนแรง เขาทำร้ายร่างกายเราเหมือนทุกครั้ง ครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดเท่าที่เราโดนมา
คือ เยื่อหุ้มตาอักเสบรุนแรง เนื่องจากโดนของแข็งกระแทก รวมทั้งดั้งจมูกร้าว แก้มฉีก แต่แทนที่พ่อแม่เขาจะตักเตือนลูกตัวเอง
กลับมาบอกให้เราระงับงานแต่ง ซ้ำอีกครั้ง

ด้วยความที่กลัวเสียหน้า เราไม่ได้ยกเลิกงานแต่ง เราแต่งงานกันตามกำหนดการเดิม จนมีลูกด้วยกัน ซึ่งตอนนี้เขาอายุ 2ขวบ
ซึ่งในชีวิตคู่มันก็มีทะเลาะกันบ้างตามปกติ แต่หลังจากมีลูก เขาเปลี่ยนไป ไม่ตบตีเราเหมือนเดิม แต่จะท้าให้เลิก ซึ่งพ่อเขา
ก็มีมาพูดจาส่งเสริมลูกตัวเองว่าให้เลิกไปเลย เราได้แต่ทน กับความบ้าอำนาจ ของพ่อลูกคู่นี้ ซึ่งนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ได้แต่ทน
เพราะไม่อยากให้ลูกมีปมด้อย

ล่าสุด ทุกครั้งที่เราป้อนข้าวลูก จะชอบมาให้ท้ายลูก เมื่อลูกงองแง มีลีลาไม่ยอมกินดีๆ ตามประสาเด็ก ซึ่งยิ่งทำให้เราป้อนข้าวลูกได้ยากขึ้น
รวมทั้งลูกชอบขะย้อนอ้วกข้าวที่กินเข้าไปออกมาเอง เขาก็จะด่าเรา ว่าเราบังคับให้ลูกกินมากเกินไป วันนี้เราฟิลว์ขาด เลยบอกไปว่าไม่ต้งมาให้ท้ายลูกนัก
จนมีปากเสียงกัน เขาเรียกให้เราไปหลังบ้าน เพราะอยากจะลงไม้ลงมือกับเรา แต่เราไม่ไปเพราะไม่อยากให้ลูกมาเห็นสิ่งที่จะทำให้เขาเป็นปมด้อย
แล้วเขาก็พูดว่า เขาต้องควบคุม ดูแล เราให้ได้ เราเลยบอกออกไปว่าให้เขาควบคุมตัวเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาควบคุมคนอื่น (ในใจก็คิดนะว่า
ฉันเนี่ย ก็ทำงานมีเงินเข้าบ้านเหมือนกัน ไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ งอมืองอเท้าให้ _ึงหาเลี้ยงสักหน่อย แต่แ_่งพูดจาเหมือนหาเลี้ยงตรูหวะ)

เท่านั้นแหละ โทรหาพ่อเขา ว่าเขากับเรามีปากเสียงกัน เขาจะให้โอกาสเราอีกแค่ทีเดียว ถ้ามีอีกมันจะเลิกเลย

เราอยากจะบ้า คิดไม่ตกว่าต้องทำยังต่อไปดี

ใจหนึ่งก็อยากเลิก แต่ใจหนึ่งก็สงสารลูก ไม่อยากให้มีปมด้อย ยิ่งลูกเราเป็นลูกผู้หญิงด้วย

คงต้องทน เพื่อลูกตลอดชีวิต จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง หรืออย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่