นัยยะแฝงจาก Inception การปลูกฝังจิตใต้สำนึกเชิงบวกที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับเรื่องราวรอบตัวได้เป็นอย่างดี

สวัสดีครับ

วันนี้ผมมีประเด็นการปลูกฝังความคิดเชิงบวกจากภาพยนตร์เรื่อง Inception ซึ่งผมว่ามันน่านำไปปรับใช้ในการพูดจาโน้มน้าวผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

จุดเริ่มต้นของการ Inception คือบริษัทพลังงานคู่แข่งต้องการให้ฟิสเชอร์เปลี่ยนใจไม่สานต่องานของพ่อ ไซโตะเป็นตัวแทนมาจ้างค็อบบ์ให้ทำการเปลี่ยนความคิดของฟิสเชอร์ ให้ฟิสเชอร์บาดหมางกับคนเป็นพ่อจนภารกิจผูกขาดพลังงานต้องล้มเหลวไป แต่แทนที่ค็อบบ์จะสร้างจิตใต้สำนึกให้ฟิสเชอร์เกลียดพ่อ (ซึ่งเป็นการสร้างอารมณ์เชิงลบให้เกิดความโกรธเคืองในใจ) เขากลับเลือกสร้างจิตใต้สำนึกให้ฟิสเชอร์สร้างผลงานตัวเองขึ้นมาโดยไม่เดินตามรอยเท้าความสำเร็จของพ่อ (เป็นการสร้างแรงกระตุ้นเชิงบวกให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะความสำเร็จของพ่อ)

ผมว่าประเด็นนี้มันน่าสนใจทีเดียว เป็นที่รู้กันว่าหลายครั้งในการโน้มน้าวบุคคลอื่นให้ทำตามความต้องการของเรา การเลือกคำพูดที่จะใช้โน้มน้าวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ การโน้มน้าวให้บุคคลอื่นทำตามความต้องการของเราจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อเราสร้างเหตุผลให้เขายอมรับความคิดนั้น ๆ ไม่ใช่การบังคับให้เขาปฏิบัติตาม

การสร้างเหตุผลให้เขายอมรับความคิดของเรามันจึงควรเป็นการสร้างเหตุผลทางบวก เหตุผลที่เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเอาชนะ เหตุผลที่ไม่ทำให้เกิดความบาดหมางขุ่นเคืองใจ เช่น
เฟอร์กูสันต้องการยกเลิกสัญญานักเตะบางคน ซึ่งผมมองว่าการเลิกจ้างงานใครสักคนมันเป็นอะไรที่ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน แต่เฟอร์กูสันมีวิธีพูดในแบบฉบับของเขา "ผมอาจจะตัดสินใจผิดที่เลิกสัญญาจ้างกับคุณ แต่ผมคิดว่า ณ วันนี้มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีม" จากประโยคสั้น ๆ แค่นี้เรามาลองวิเคราะห์การพูดของเขาดูสิครับ
1. เขาพูดถึงตัวเองกับคนฟังว่านี่อาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกต้อง คนฟังก็ฟังแล้วรู้สึกไม่แย่จนเกินไป และบางคนอาจจะเกิดแรงกระตุ้นอยากเอาชนะ อยากทำให้ดีกว่าเดิมเมื่อไปอยู่ที่ทำงานใหม่
2. เขาปิดท้ายด้วยเหตุผลของตัวเองว่ามันคือการตัดสินใจเพื่อส่วนรวม โดยไม่ได้ยัดเยียดไปว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับอีกฝ่าย เหมือนเป็นการโน้มน้าวความคิดอีกฝ่ายให้กลับไปคิดว่าการที่ตัวเองถูกเลิกสัญญาจ้างเป็นเพราะอะไร และเขาก็จะเกิดความคิดที่เป็นเหตุผลของตัวเอง

นอกจากนี้เรายังสามารถนำวิธีโน้มน้าวด้วยความคิดเชิงบวกไปปรับใช้กับวิธีการพูดเพื่อให้ผู้อื่นปฏิบัติตามได้ด้วย เช่นการสั่งงานให้คนอื่นทำ (อันนี้ผมหาตัวอย่างชัด ๆ ไม่ค่อยได้แฮะ ไม่คุ้นกับการพูดเชิงบวกเหมือนกันครับ ฮ่า ๆ) สมมุติคุณติดงานอยู่และมีงานด่วนเข้ามา คุณทำไม่ทันต้องพึ่งเพื่อนร่วมงาน คุณอาจจะเลี่ยงจากการออกคำสั่งโดยตรงเป็นการถามความเห็น เช่น "ขอปรึกษาอะไรหน่อย ผมติดงานชิ้นนี้อยู่แล้วมีงานอีกชิ้นเข้ามา คุณว่าผมจะทำยังไงให้เสร็จทันกำหนด" การเลี่ยงการออกคำสั่งด้วยวิธีนี้หลายครั้งจะทำให้อีกฝ่ายอาสาเข้ามาช่วยเหลือ ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนที่คุณต้องการนั่นคือ มีคนมาช่วยทำงานด่วนให้คุณ เพียงแค่เลือกวิธีพูดที่เหมาะสมก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย

จากตัวอย่างข้างต้นคร่าว ๆ น่าจะทำให้คุณเห็นแล้วว่าการปลูกสร้างความคิดเชิงบวกมันก่อให้เกิดผลดีกว่าการสร้างความคิดเชิงลบเป็นไหน ๆ ตัวผมเองคงไม่สามารถจะสรรหาตัวอย่างการโน้มน้าวความคิดเชิงบวกได้มากกว่านี้แล้วครับ อยากให้คุณลองนำการสร้างความคิดเชิงบวกไปปรับใช้กับเรื่องรอบตัวกันนะครับ

"I think positive emotion trumps negative emotion every time." Cobb - Inception, 2010



หนังโปรดของข้าพเจ้า: https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่