“ประเทศไทย - คนไทย - ฟุตบอลไทย” นามธรรมง่ายๆ เพียงสามคำที่สัมผัสไม่ได้ด้วยรสสัมผัสทางกาย แค่รับรู้ได้ด้วยเพียง
“ใจ” หากแต่มีความหมายอันลึกซึ้งและแนบแน่น
“ไม่มีวันขาดออกจากกัน”
แน่นอนว่าหากใครก็ตามนึกถึง
“ประเทศไทย” สิ่งที่ทุกคนทั้งเจ้าบ้านและต่างเมืองคงต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก คือ แหล่งท่องเที่ยวสวยงาม อาหารอร่อย ศิลปะ-วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียมอันดีงามที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ฯลฯ ซึ่งคงไม่สามารถไล่เรียงได้หมดภายในหน้ากระดาษแผ่นเดียว
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น
“ความภาคภูมิใจ” ที่สามารถยืดอกและบอกใครๆ ได้ว่า เราคือใคร เรามาจากที่ใด ...
แต่ในขณะเดียวกัน เราเองก็คงต้องยอมรับในอีกหลายๆ เรื่อง ที่ยังไม่ดี ไม่งาม ยังขาดการพัฒนาในแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งต้องระดมสมองสองมือร่วมกันแก้ ร่วมกันสร้าง ร่วมกันปรับปรุง เพื่อให้สามารถยืนอยู่ได้อย่างสง่าในเวทีสากลโดยไม่อายต่างชาติหรือใครก็ตาม เฉกเช่นเดียวกันกับหลากหลายตัวอย่างที่ถูกหยิบยกมาข้างต้น
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คืออีกหนึ่งความสำคัญ ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงการพัฒนาของคนในชาติ เศรษฐกิจ สังคม ความสำเร็จ รวมถึงได้ถูกจัดให้นับเป็นหนึ่งในหน้าตาของอารยประเทศในปัจจุบัน ที่เราจะต้องช่วยกันพัฒนา ผลักดันให้เดินหน้า
นั่นก็คือกีฬายอดนิยมอันดับ 1 ของโลก ...
“ฟุตบอล”
แล้วใครล่ะคือผู้ที่จะต้องมารับบทบาทหน้าที่พัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้สามารถยืนอยู่บนความสำเร็จ ?
รัฐบาล ? รัฐมนตรี ? สมาคมฯ ? กกท. ? ทีพีแอล ? สโมสร ? แน่นอนว่าองค์กรหรือบุคคลต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งที่มีหน้าที่ในการพัฒนา จะทั้งจากทางตรงหรือจะทางอ้อมก็ดี แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่ากลุ่มบุคคลหนึ่งที่มีจำนวนกว่า 70 ล้านคน ผู้ซึ่งถือเป็น
“เจ้าของฟุตบอลไทย” ผู้ถูกขนานนามว่า
“คนไทย”
หากแม้ทุกวันนี้คนไทยผู้เป็นเจ้าของฟุตบอลไทยหลายคนคงลืมไปแล้วว่า ยามใดที่มีนักเตะสวมเสื้อติดธงไตรรงค์บนอกซ้ายลงสนาม
“ก็มีเพียงแค่เราคนไทย” เท่านั้นแหละ ที่พร้อมจะมอบความศรัทธาและส่งกำลังใจให้นักเตะตัวแทนของเรา
เราเปล่งเสียงตะโกนเฮกึกก้องลั่นสนามเมื่อพวกเขาพังประตูคู่แข่ง เป็นการส่งสัญญาณบอกกล่าวให้โลกรู้ว่า
“เราคือคนไทย เราไม่เคยยอมแพ้ใคร”
และเราก็พร้อมมอบเสียงปรบมือและรอยยิ้มที่อาจจำต้องเปื้อนด้วยหยดน้ำตา เมื่อถึงคราวที่พวกเขาต้องพบความปราชัย ให้วีรบุรุษในสนามของเรารู้ว่า
“ยังมีคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างพวกเขาตลอดไป แม้จะอยู่ในสถานะผู้พ่ายแพ้ก็ตาม”
“บอลไทยชนะ เราก็ชนะ”
“บอลไทยแพ้ เราก็แพ้”
ตรรกะง่ายๆ ที่เข้าถึงความรู้สึกของใครหลายคน และเพียงพอที่จะสามารถนำมาอธิบายได้ว่า
“ฟุตบอลไทยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย”
แล้วเราคนไทยผู้ทีไม่มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบใดๆ จะสามารถช่วยพัฒนาฟุตบอลไทยได้อย่างไร ?
“เพียงแค่คุณรู้สึกว่าฟุตบอลไทยคือส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ พร้อมที่จะทุกข์ หรือจะสุขไปด้วยกัน นั่นก็เป็นหน้าที่ที่เพียงพอแล้วสำหรับเราคนไทยทุกคน”
หรือหากแต่ท่านใดที่มีโอกาสหรือมีกำลังมากกว่านั้น …
การได้สละเวลาเข้าไปเชียร์การแข่งขันในสนาม, การได้อุดหนุนสินค้าหรือช่วยกันสร้างทีมสโมสรท้องถิ่น, การประพฤติตนให้เป็นของกองเชียร์ที่ดี หรือแม้แต่การปลูกฝังลูกหลานซึ่งเป็นกำลังของชาติในอนาคตให้ตระหนักและหวงแหนความเป็นไทย รักในสปิริตของกีฬา รักในฟุตบอลไทย ก็ล้วนเป็นการดีที่ท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฟุตบอลไทยให้เป็น
“รูปธรรม” คือ การมีอยู่จริงซึ่งความสำเร็จที่สามารถจับต้องได้ ไม่เพียงแค่นั่งเพ้อฝันจะไปบอลโลกหรือรอคอยความหวังลมๆ แล้งๆ
“หากวันใดที่ฟุตบอลไทยล้มเหลว เราเองซึ่งเป็นคนไทยจะช่วยกันเป็นผู้พลิกฟื้นคืนกลับมา และเมื่อใดที่ฟุตบอลไทยประสบความสำเร็จ เราก็จะยินดีกับความสำเร็จนั้นไปด้วยกัน”
หวังไว้ว่าสักวัน
“ฟุตบอลไทย” จะเป็นหนึ่งใน
“ความภาคภูมิใจของคนไทย” ที่ใครๆ ต้องนึกถึง ...
“คนไทยเขาพร้อมทุ่มเทและมอบใจให้กับฟุตบอลไทย แล้วท่านผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหลายล่ะ ท่านได้มอบอะไรให้กับฟุตบอลไทยหรือยัง ?”
- TahKM
======
ทั้งหมดนี้เป็นบทความที่ผมเขียนขึ้นไว้สำหรับส่งประกวดครับ
ซึ่งยินดีรับคำติชมจากทุกท่านหรือถ้าชื่นชอบบทความก็ฝากเข้าไปกดไลค์ในนี้ด้วยนะครับ
http://www.footballer.in.th/topics/view/386
ขอบคุณครับผม
“ประเทศไทย - คนไทย - ฟุตบอลไทย”
แน่นอนว่าหากใครก็ตามนึกถึง “ประเทศไทย” สิ่งที่ทุกคนทั้งเจ้าบ้านและต่างเมืองคงต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก คือ แหล่งท่องเที่ยวสวยงาม อาหารอร่อย ศิลปะ-วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียมอันดีงามที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ฯลฯ ซึ่งคงไม่สามารถไล่เรียงได้หมดภายในหน้ากระดาษแผ่นเดียว
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น “ความภาคภูมิใจ” ที่สามารถยืดอกและบอกใครๆ ได้ว่า เราคือใคร เรามาจากที่ใด ...
แต่ในขณะเดียวกัน เราเองก็คงต้องยอมรับในอีกหลายๆ เรื่อง ที่ยังไม่ดี ไม่งาม ยังขาดการพัฒนาในแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งต้องระดมสมองสองมือร่วมกันแก้ ร่วมกันสร้าง ร่วมกันปรับปรุง เพื่อให้สามารถยืนอยู่ได้อย่างสง่าในเวทีสากลโดยไม่อายต่างชาติหรือใครก็ตาม เฉกเช่นเดียวกันกับหลากหลายตัวอย่างที่ถูกหยิบยกมาข้างต้น
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คืออีกหนึ่งความสำคัญ ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงการพัฒนาของคนในชาติ เศรษฐกิจ สังคม ความสำเร็จ รวมถึงได้ถูกจัดให้นับเป็นหนึ่งในหน้าตาของอารยประเทศในปัจจุบัน ที่เราจะต้องช่วยกันพัฒนา ผลักดันให้เดินหน้า
นั่นก็คือกีฬายอดนิยมอันดับ 1 ของโลก ... “ฟุตบอล”
แล้วใครล่ะคือผู้ที่จะต้องมารับบทบาทหน้าที่พัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้สามารถยืนอยู่บนความสำเร็จ ?
รัฐบาล ? รัฐมนตรี ? สมาคมฯ ? กกท. ? ทีพีแอล ? สโมสร ? แน่นอนว่าองค์กรหรือบุคคลต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งที่มีหน้าที่ในการพัฒนา จะทั้งจากทางตรงหรือจะทางอ้อมก็ดี แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่ากลุ่มบุคคลหนึ่งที่มีจำนวนกว่า 70 ล้านคน ผู้ซึ่งถือเป็น “เจ้าของฟุตบอลไทย” ผู้ถูกขนานนามว่า “คนไทย”
หากแม้ทุกวันนี้คนไทยผู้เป็นเจ้าของฟุตบอลไทยหลายคนคงลืมไปแล้วว่า ยามใดที่มีนักเตะสวมเสื้อติดธงไตรรงค์บนอกซ้ายลงสนาม “ก็มีเพียงแค่เราคนไทย” เท่านั้นแหละ ที่พร้อมจะมอบความศรัทธาและส่งกำลังใจให้นักเตะตัวแทนของเรา
เราเปล่งเสียงตะโกนเฮกึกก้องลั่นสนามเมื่อพวกเขาพังประตูคู่แข่ง เป็นการส่งสัญญาณบอกกล่าวให้โลกรู้ว่า “เราคือคนไทย เราไม่เคยยอมแพ้ใคร”
และเราก็พร้อมมอบเสียงปรบมือและรอยยิ้มที่อาจจำต้องเปื้อนด้วยหยดน้ำตา เมื่อถึงคราวที่พวกเขาต้องพบความปราชัย ให้วีรบุรุษในสนามของเรารู้ว่า “ยังมีคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างพวกเขาตลอดไป แม้จะอยู่ในสถานะผู้พ่ายแพ้ก็ตาม”
“บอลไทยชนะ เราก็ชนะ”
“บอลไทยแพ้ เราก็แพ้”
ตรรกะง่ายๆ ที่เข้าถึงความรู้สึกของใครหลายคน และเพียงพอที่จะสามารถนำมาอธิบายได้ว่า “ฟุตบอลไทยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย”
แล้วเราคนไทยผู้ทีไม่มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบใดๆ จะสามารถช่วยพัฒนาฟุตบอลไทยได้อย่างไร ?
“เพียงแค่คุณรู้สึกว่าฟุตบอลไทยคือส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ พร้อมที่จะทุกข์ หรือจะสุขไปด้วยกัน นั่นก็เป็นหน้าที่ที่เพียงพอแล้วสำหรับเราคนไทยทุกคน”
หรือหากแต่ท่านใดที่มีโอกาสหรือมีกำลังมากกว่านั้น …
การได้สละเวลาเข้าไปเชียร์การแข่งขันในสนาม, การได้อุดหนุนสินค้าหรือช่วยกันสร้างทีมสโมสรท้องถิ่น, การประพฤติตนให้เป็นของกองเชียร์ที่ดี หรือแม้แต่การปลูกฝังลูกหลานซึ่งเป็นกำลังของชาติในอนาคตให้ตระหนักและหวงแหนความเป็นไทย รักในสปิริตของกีฬา รักในฟุตบอลไทย ก็ล้วนเป็นการดีที่ท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฟุตบอลไทยให้เป็น “รูปธรรม” คือ การมีอยู่จริงซึ่งความสำเร็จที่สามารถจับต้องได้ ไม่เพียงแค่นั่งเพ้อฝันจะไปบอลโลกหรือรอคอยความหวังลมๆ แล้งๆ
“หากวันใดที่ฟุตบอลไทยล้มเหลว เราเองซึ่งเป็นคนไทยจะช่วยกันเป็นผู้พลิกฟื้นคืนกลับมา และเมื่อใดที่ฟุตบอลไทยประสบความสำเร็จ เราก็จะยินดีกับความสำเร็จนั้นไปด้วยกัน”
หวังไว้ว่าสักวัน “ฟุตบอลไทย” จะเป็นหนึ่งใน “ความภาคภูมิใจของคนไทย” ที่ใครๆ ต้องนึกถึง ...
“คนไทยเขาพร้อมทุ่มเทและมอบใจให้กับฟุตบอลไทย แล้วท่านผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหลายล่ะ ท่านได้มอบอะไรให้กับฟุตบอลไทยหรือยัง ?”
- TahKM
======
ทั้งหมดนี้เป็นบทความที่ผมเขียนขึ้นไว้สำหรับส่งประกวดครับ
ซึ่งยินดีรับคำติชมจากทุกท่านหรือถ้าชื่นชอบบทความก็ฝากเข้าไปกดไลค์ในนี้ด้วยนะครับ http://www.footballer.in.th/topics/view/386
ขอบคุณครับผม