เทร็ค ทะยานสูงในอเมริกา แต่ว่าต่ำกว่าเป้า


US BOX OFFICE May 17-19, 2013
Star Trek Into Darkness เปิดตัวในอันดับ 1 ได้สบายๆ ในสัปดาห์นี้ แต่ก็ไม่สามารถสร้างความฮือฮาอะไรได้ โดยเฉพาะเมื่อมองว่า หนังไม่ได้เป็นไปตามที่ทางพาราเมาท์ผู้จัดจำหน่ายคาดการณ์เอาไว้

หนังของเจเจ เอบรามส์เรื่องนี้ทำเงิน 3 วันแรกไป 70.2 ล้านเหรียญ แต่ถ้ารวมรายได้ในคืนวันพุธ และตลอดวันพฤหัสฯ ยานเอนเตอร์ไพรส์รับทรัพย์ไปแล้ว 83.7 ล้านเหรียญ หากเปรียนเทียบกับหนังปี 2009 หนัง Star Trek เรื่องแรกของเจเจ ทำได้ดีกว่าด้วยตัวเลข 75.2 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์ และ 86.7 ล้านเหรียญจาก 4 วันครึ่ง

และหากนำรายได้เปิดตัวของ Star Trek Into Darkness ไปเทียบกับเรื่องก่อน ก็จะพบว่ารายได้ของหนังภาคนี้นั้น "น่าผิดหวัง" เพราะไม่ว่าจะมองในมุมไหนหนังปี 2009 ก็ทำได้ดีกว่า นับตั้งแต่คะแนนจากเว็บ ไอเอ็มอีบี ที่หนังได้ถึง 8.0 ขณะที่ทางพาราเมาท์เองก็วางแผนการตลาดในแบบเดียวกับภาคแรก ให้ความรู้สึกว่าหนังยังเป็นงาน Star Trek ในแบบที่คุ้นเคย แต่มีตวาม "ใหม่" อยู่ในตัว เมื่อจัดการปรับเรื่องค่าตั๋ว และเติมรายได้จากสามมิติ และไอแมกซ์เข้ามา หนังน่าจะเปิดตัว 4 วันแรกด้วยตัวเลข100 ล้านเหรียญ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทางพาราเมาท์คาดเอาไว้

มีอยู่ 2-3 ทฤษฎีที่น่าจะอธิบายได้ถึงการเปิดตัวที่ต่ำกว่าเป้าของ Star Trek Into Darkness ไม่ว่าจะเป็น ตัวร้ายที่หนังให้นิยามได้ไม่ชัดเจน รวมไปถึงระยะห่างระหว่างภาคที่ยาวถึง 4 ปี ซึ่งถือว่านานเกินไป แถมกำหนดเปิดตัวของหนังก็อยู่ในช่วงที่มีคู่แข่งที่แข็งแรง เมื่อ Iron Man 3 และ The Great Gatsby ยังเดินหน้าเก็บเงินได้ดีในช่วงวันรำลึกทหารผ่านศึก ทำให้ Star Trek Into Darkness ไม่ใช่หนังเรื่องเดียวที่มีความน่าสนใจในสายตาของคนดูหนังทั่วๆ ไป หากดูสถิติคนดูของหนังแล้วจะเห็นได้ชัด เมื่อเป็นชายถึง 64% และอายุเกิน 25 ถึง 73% แต่ถ้ามองไปถึงหนังภาคแรก หนังเรียกคนดูกลุ่มใหม่ให้หนังได้โดยเป็นชายแค่ 60% และมีแค่ 65% ที่อายุเกิน 25

และรายได้สามมิติของหนังก็ทำได้ไม่ดีนักถึงโรงไอแมกซ์ 3 มิติจะเก็บเงินไปถึง 16% ของรายได้รวม แต่รายได้จากโรงที่ไม่ใช่ ไอแมกซ์ 3 มิติ เพิ่มขึ้นเพียง 29% ซึ่งคิดเป็น 45% ของรายได้รวมทั้งหมด ขณะที่เวอร์ชั่น 3 มิติของ The Great Gatsby ทำได้แค่ 33% และหากมองไปถึงหนังสามมิติ ที่รายได้สามมิติเป็นล่ำเป็นสัน ก็ต้องมองไปถึงเดือนมีนาคม Oz The Great and Powerful เปิดตัวด้วยรายได้จากโรงสามมิติมากกว่า 50% ของรายได้ทั้งหมด

Star Trek Into Darkness น่าจะได้เสียงบอกปากต่อปากที่ดี เมื่อได้คะแนน A จากซีนีมา สกอร์ แต่สัปดาห์นี้ หนังก็จะเจอคู่แข่งหนังๆ อย่าง Fast & Furious 6 และมีตัวเตะตัดขาอย่าง The Hangover Part III ทำให้ดูแล้วหนังไม่มีทางทำเงินเทียบหนังภาคก่อนที่ทำไว้ 257.7 ล้านเหรียญได้เลย แม้จะเก็บเงินได้เกิน 200 ล้านเหรียญก็ตาม

อันดับ 2 Iron Man 3 รายได้ตกลง 51% เก็บเงินมาอีก 35.8 ล้านเหรียญ ผ่าน 17 วันหนังทำเงินไปถึง 337.7 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าที่หนังสองภาคแรกทำได้ รายได้ของหนังน่าจะไปจบที่ราวๆ 400 ล้านเหรียญ

กับหนังที่ได้เสียงบอกปากต่อปากที่อบอุ่นพอประมาณ รายได้ของ The Great Gatsby ตกลง 52% ทำเงินไปอีก 23.9 ล้านเหรียญ ทำเงินรวม 90.7 ล้านเหรียญ และกำลังจะทำเงินทาบ หรือมากกว่า หนังของลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ อย่าง The Departed (132.4 ล้านเหรียญ) และ Shutter Island (128 ล้านเหรียญ)

Pain and Gain รายได้ตกแค่ 35% ทำเงินไปอีก 3.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 46.7 ล้านเหรียญ ในสัปดาห์ที่เก้าของการฉาย The Croods กลับมาในห้าอันดับแรกด้วยรายได้ 3.02 ล้านเหรียญ ทำเงินรวมไป 177 ล้านเหรียญ ก่อนจะหายไปจากโรงเมื่อ Epic แอนิเมชั่นจากบลูสกายเข้าฉายในสัปดาห์หน้า แต่ตอนนี้ The Croods ก็คือหนังที่ประสบความสำเร็จหนึ่งในเรื่องแรกๆ ของปีนี้

กับการเพิ่มโรงมาอีกเล็กน้อย Mud ทำเงินได้ 2.23 ล้านเหรียญจาก 960 โรง หนังทำรายได้ทั้งหมด 11.7 ล้านเหรียญแล้ว และกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของค่าย Roadside Attractions ซึ่งถ้ายังไปได้ดีแบบนี้ก็น่าจะเก็บเงินได้เกิน 20 ล้านเหรียญ

Tyler Perry Presents Peeples รายได้ตก 53% ในการฉายสัปดาห์ที่สอง ทำเงินมาอีก 2.16 ล้านเหรียญ แม้จะถือว่าทรงตัวได้ดีสำหรับการเป็นหนังไทเลอร์ เพอร์รี่ แต่เมื่อมองรายได้ 10 วันที่ทำไป 7.9 ล้าน นี่คือหนังที่รายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหนังเพอร์รี่โดยทั่วๆ ไป

และในตลาดนอกอเมริกา พร้อมๆ กับการเปิดตัวที่คานส์ The Great Gatsby เปิดตัวใน 49 ประเทศ และทำได้รายได้เป็นเนื้อเป็นหนังถึง 42.1 ล้านเหรียญ โดยขึ้นอันดับ 1 ได้ที่ รัสเซียด้วยรายได้ 6.2 ล้านเหรียญ ขณะที่อังกฤษตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยรายได้ 6.1 ล้านเหรียญแม้จะเปิดตัวภายใต้กระแสของ Fast & Furious 6 หนังยังทำได้ดีที่เกาหลีใต้ 4.3 ล้านเหรียญ, เยอรมันนี 3.7 ล้านเหรียญ และสเปน 2.2 ล้านเหรียญ สิ้นเดือนนี้หนังจะเปิดตัวที่ออสเตรเลีย และเม็กซิโก ก่อนจะไปที่บราซิลกับญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน รายได้หนังเพิ่มขึ้น 38% จาก Australia หนังเรื่องก่อนของบาซ เลอหร์แมน กับพื้นที่ในการฉายเท่าๆ กัน และน่าจะปิดตัวนอกอเมริกาได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญ

ขณะที่ Iron Man 3 ยังเดินหน้าสร้างสถิติต่อไป หนังเก็บเงินได้ 40.2 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 736.2 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 9 หนังทำเงินตลอดกาลนอกอเมริกา และอันดับ 9 หนังทำเงินตลอดกาลทั่วโลกด้วยตัวเลข 1.07 พันล้านเหรียญ ในสุดสัปดาห์นี้น่าจะแซง Transformers: Dark of the Moon ที่ทำรายได้ไว้ 1.12 พันล้านเหรียญ ไปอยู่อันดับ 5 ตลาดใหญ่ของหนังอยู่ที่จีน เมื่อทำได้ 109.5 ล้านเหรียญ ขณะที่เกาหลีใต้ก็ไปได้ดีกับตัวเลข 61.1 ล้านเหรียญ

Star Trek Into Darkness ทำรายได้นอกอเมริกาพอๆ กับในอเมริกาหลังเปิดตัวเพิ่มในระดับครึ่งหนึ่งของตลาด หนังทำเงินไป 40 ล้านเหรียญ และทำได้ดีแค่ที่ตลาดใหม่อย่าง รัสเซียกับรายได้เปิดตัว 8 ล้านเหรียญซึ่งมากเป็นสองเท่าของรายได้หนังภาคแรก โดยเฉลี่ยแล้ว Star Trek Into Darkness ทำรายได้เปิดตัวดีกว่าหนังภาคก่อนประมาณ 3 เท่า โดยได้แรงหนุนจากตลาดใหม่ๆ 34 แห่ง หนังมีแนวโน้มว่าน่าจะทำได้ดีกว่าหนังภาคก่อนถึง 80% โดย Star Trek ปี 2009 ทำเงินได้อย่างน่าผิดหวัง 128 ล้านเหรียญ แต่ Star Trek Into Darkness ทำเงินไปแล้วในตอนนี้ถึง 80.5 ล้านเหรียญนอกอเมริกา

ก่อนจะเปิดตัวที่อเมริกาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า Epic เปิดตัวแล้วใน 15 ตลาด ทำเงินไป 14.1 ล้านเหรียญ ซึ่งไปได้ดีที่เม็กซิโก (3.5 ล้านเหรียญ), บราซิล (2.5 ล้านเหรียญ) และเยอรมันนี (2.3 ล้านเหรียญ) ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี ทำให้พอมองได้ว่าหนังน่าจะทำรายได้รวมตลอดการฉายนอกอเมริกาด้วยค่าเฉลี่ยของหนังแอนิเมชั่นทั่วๆ  ไป 200-250 ล้านเหรียญ

Fast & Furious 6 เปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยมในอังกฤษ 13.8 ล้านเหรียญ เป็นหนังเปิดตัวสูงสุดที่นี่ของยูนิเวอร์แซล สุดสัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวในอีกหลายประเทศ รวมทั้งอเมริกา และน่าจะทำเงินได้พอๆ กับภาคที่แล้ว ที่ทำไว้ 626 ล้านเหรียญทั่วโลก

แม้คู่แข่งตรงๆ เปิดตัวมาแล้ว แต่ The Croods ยังไปได้ดี เมื่อเก็บเงินมาอีก 10.6 ล้านเหรียญหนังทำเงินไปแล้ว 373.3 ล้านเหรียญนอกอเมริกา รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 550 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าสูงมากๆ สำหรับหนังแอนิเมชั่นที่ไม่ใช่งานภาคต่อ

อ่านแล้วชอบอยากให้กำลังใจคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่ www.sadaos.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่