แก้ปัญาหาครอบครัวไม่ได้ เครียดมาก

เครียดค่ะ นอนไม่หลับ ไม่รู้จะคุยกับใคร

เลยเข้ามาหาเพื่อนคุยในพันทิปค่ะ

เรื่องยาวนิดนึง อดทนอ่านหน่อยนะคะ...


เราอยู่กินกับสามีมาร่วม 10 ปีแล้ว มีลูกสองคน
ตัวเราไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านอย่างเดียว

ชีวิตคู่ที่ผ่านมามีสุขเศร้า เคล้าน้ำตา  มีเถียงกันทะเลาะ โดนตบ เตะ ต่อย บ้าง โดนกระทืบบ้าง (อ่านไม่ผิดค่ะโดนจริง ๆ)

เรื่องทะเลาะกันมีทั้งเรื่องเงิน เรื่องสามีแอบมีกิ๊กจับได้ 1 ครั้ง หลังจากนี้มีอีกรึเปล่าไม่รู้ค่ะ มันผ่านมา 4 ปีและอาจจะไม่มีหรือไม่ได้ระแคะระคาย
บางครั้งก็ไม่อยากจะคิดอะไรมากนัก

แต่ก็มีปรึกษาคนรู้จักบ้าง ใจเราน่ะอยากเลิก เพื่อน ๆ ก็แนะนำให้เราอดทนนึกถึงลูกเข้าไว้ คือเค้ากลัวว่าถ้าเลิกกันไป
แล้วเราไม่ได้ทำงานจะลำบาก ลำพังต้องเลี้ยงลูกและไม่มีใครช่วยดุแล คือช่วงทะเลาะกันหนัก ๆ ลูกก็ยังเล็ก
เราได้แต่อดทนกันไป เดี๋ยวดีเดี๋ยวทะเลาะ แต่ก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือกันทุกครั้งนะคะ  ช่วง 2 ปี ที่ผ่านมานี่ห่างไกลลำแข้งไปมากพอสมควร

ปีที่ผ่านมานี่ก็ทะเลาะกันเรื่องเงิน คือสามีไปกู้เงินซื้อบ้านมา แต่เป็นบ้านมือสอง
ด้วยความที่มันเก่า เลยหมดเงินไปเยอะ และกู้มาเพิ่มอีกแต่ก็ยังไม่พอ
ทีนี้งบมันบานปลายไปมาก ไหนจะเอาเงินจากบัตรเครดิตอีก เป็นหนี้อีรุงตุงนัง
ไปหมด เค้าโทษเรา ไม่ใช่สิ เรียกว่าด่าดีกว่า ถึงจะถูก
หาว่าเราน่ะต้นเหตุ ที่ทำให้เค้าเป็นหนี้เยอะ  พอดีตอนนั้นเค้าออกจากงานและได้งานที่ใหม่
บริษัทเก่าก็จะจ่ายเงินสะสมพนักงานได้มาก้อนนึง เค้าก็ต้องเอาไปโปะบัตรอีก

คือช่วงนั้น สถานะทางการเงินตึงมาก  พอเครียดก็หาเรื่องมาด่าเราว่าเรา เรื่องต่อเติม
เราก็พยายามเต็มที่แล้ว แต่เงินมันไม่พอ และบ้านก็ไม่เสร็จก็เลยต้องทำให้มันเสร็จ ทู่ซี้กันไป ไม่งั้นบ้านก็จะเข้าไปอยู่ยังไม่ได้
ไหนจะโดนโกงเงินอีก แต่ไม่ใช่เพราะเรานะ เพราะตัวเค้าเองนั่นแหละ ช่างโทรมาบอกให้โอนก็โอน ไม่ถามเราซักคำเลย
เป็นไงล่ะโดนเลยพูดนิดหน่อยก็มีน้ำโห ทีด่าเรา ข้ามปียังไม่จบเลยอ่ะ

เราสองคนอยู่ด้วยกันมานาน รู้ไส้รู้พุงกันหมด เค้ารู้ว่าทางบ้านเราเป็นยังไง
ชีวิตวัยเด็ก เรื่องอะไรเลวร้ายเราก็เล่าให้เค้าฟังหมด  
พอทะเลาะกันก็ขุดเอามาด่าๆๆๆๆๆๆ เรา

คิดดูคนเรายิ่งอยู่ด้วยกันนาน ๆ แทนที่จะเห็นอกเห็นใจ กลับเอาปมด้อยเราขึ้นมาด่า ต่าง ๆ นานา
ให้เรานั่งร้องไห้  เราได้แต่เก็บความแค้นเอาไว้ในใจแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้
จะเถียงตอบก็ไม่กล้า กลัวมันโมโหลุกขึ้นกะโดดฟรีคิกล่ะแย่แน่ เลยนั่งปล่อยให้มันด่าจนสาแก่ใจ

หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยพูดกันไม่มองหน้ากัน แต่ต้องอยู่บ้านเดียวกัน
เป็นอะไรที่มันอึดอัดใจมาก ๆ เลยนะ ทำไงได้ล่ะบ้านยังไม่เสร็จ
ที่เค้าอยู่ปัจจุบันคือบ้านเราซึ่งอยู่กันหลายคน จะหลบไปไหนก็ไม่ได้ ต้องทนเหม็นหน้ากันตลอดเวลา
ทำได้อย่างมากแค่เดินขึ้นเดินลงเท่านั้น

พอบ้านเสร็จดีแล้ว ความสุขเริ่มมาเยือนทีละนิด ค่อย ๆ คืบมาทีละก้าว
สถานะการณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย  สามวันดี สี่วันร้าย
ดีกันบ้างทะเลาะกันบ้าง แต่ดีว่าทะเลาะกันแล้วเค้าหนีไปอยู่บ้านใหม่เป็นอาทิตย์ซึ่งช่วงนั้นเป็นอะไรที่ปลอดโปร่งสุด ๆ

มีบ้านสองหลังมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง เฮ้อ
และช่วงที่ทะเลาะกันเค้าก็ไปกินเหล้ากับเพื่อนกับฝูง ไปเจอใครอะไรมาบ้าง
เราก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะเราอยู่บ้านตัวเองก็ดูแลลูก รับส่งลูกไปโรงเรียนพอวันหยุดถ้าเค้าไม่มีที่ไป คือหาเพื่อนไม่ได้
ก็จะกลับมาบ้านมาหาลูก พอกลับมานอนได้ไม่กี่วันก็เข้าอีหรอบเดิมคือบ่นเรื่องเงินอีกเหมือนเคย
พอบ่นมาก ๆ เข้าก็ไม่คุยกันอีก แล้วก็หอบเสื้อผ้าไปนอนบ้านใหม่ คนเดียว
บางทีวันหยุดก็ไม่มา ไม่สนใจลูกเต้าเลยว่าเป็นยังไง โทรมาถามซักคำยังไม่มีเลยว่าลูกสบายดีมั้ย
กินข้าวรึยัง ทั้งที่มันเป็นคำถามง่าย ๆ แสดงความห่วงใยกับลูกซักนิดนึงว่ายังคิดถึงอยู่ ขอแค่นี้เราก็ชื่นใจและ

มันต้องหมดหนทางไปจริง ๆ ถึงจะกลับมาบ้านมาหาลูก

ส่วนปัญหาเรื่องเงินมันก็ยังไม่จบ ความจริงเราน่ะเห็นใจและสงสารเค้านะ ที่ต้องทำงานดูแลเราและลูก
เราถามเค้าว่าให้เราไปหางานทำมั้ย  เผื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้าง

รู้มั้ยว่าเค้าตอบเราว่าไง "น้ำหน้าอย่างมุง จะไปทำ H-e-r-e  อะไรได้ "
เรา??????????????

วิ่งกลับไปเอาหน้าซุกหมอนนอนร้องไห้  โชคดีว่าลูกหลับแล้ว ไม่งั้นลูกก็คงจะได้ยินคำพูดอุบาทจากปากพ่อมันแน่นอน

กลับมานอนคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านี้เหรอ คือคนที่เราแต่งงานและอยากใช้ชีวิต หวังฝากผีฝากไข้ดูแลกันในยามแก่เฒ่า
ทำไมมันมาดูถูกเราได้มากมายขนาดนี้นะ พ่อแม่เราเองหรือแม้แต่ญาติพี่น้องเรายังไม่เคย
มีใครพูดแบบนี้กับเราเลย ถึงแม้ว่าญาติ ๆ เราจะไม่ค่อยรักเราซักเท่าไหร่ (เพราะครอบครัวคนจีนมักไม่ค่อยสนใจหลานสาว)

และเมื่อวันหยุดที่ผ่านมามันก็เอาเรื่องนี้มาชวนทะเลาะอีก
ทั้ง ๆ ที่บรรยากาศในบ้านดีหมดทุกอย่าง ไม่มีวี่แววว่าจะมาทะเลาะอะไรเล้ย
คือเค้ากินเหล้าเราก็นั่งคุยเป็นเพื่อน กลัวเค้าจะเหงา คุยไปคุยมาด่ากรูซะงั้นเฮ้อ
เสา อาทิตยที่ผ่านมานี่กลายเป็นวันแห่งความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
และคืนนี้มันก็ไม่กลับบ้านเหมือนเคย

ทีนี้นึกไงไม่รู้ลองแอบเข้าไปเช็คเมล์ดู โดยใช้วิชามารเคาะรหัสเข้าเมล์ได้สำเร็จ
มีความพยายามจริง ๆ เลยชั้น -_-

เห็นมีข้อความชวนผู้หญิงคนนึงไปดูคอนเสิร์ตกันวันพฤหัสที่จะถึงนี้
นั่งอ่านไปใจสั่น มือสั่น พาพันเศร้า

คำชวนจากสามีเรา  งานคอน.......? ไปป่ะ  
จากการวิเคราะห์แปลว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้มานาน และชื่อก็ไม่คุ้นหูเราเลย เพราะเค้าไม่เคยพูดถึงคนชื่อนี้ให้เราได้ยินสักครั้ง

แน่ละสิ เรื่องอะไรจะเอาชื่อผู้หญิงที่เป็นกิ๊กมาเล่าให้เมียฟัง เหอะ กรูมันโง่จริง ๆ

คำตอบจากนางนั้น เรียกชื่อสามีเรา  และทิ้งเบอร์ใหม่ไว้ให้ พร้อมข้อความนี้ Hope to see u soon.

เราไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย ไม่รู้ว่าจะทำเฉย ๆ ให้เค้าไปดูด้วยกันหรือคาดคั้นเอาความจริงดี
คิดไม่ออกเลย มีเบอร์ทิ้งไว้ด้วยอ่ะ คือเราน่ะอยากรู้ว่านางทำงานที่ไหนมาเจอกันยังไง

แปลกนะถ้าได้รู้ความจริงแล้วมันเจ็บแต่ก็อยากจะรู้อีก  
หรือว่าจะเลิกกันไปเลย แล้วฟ้องหย่าเรียกค่าเสียหายดีคะ
สงสารลูกกับตัวเองมาก ๆ เลย เป็นอีเพิ้ง เลี้ยงลูก ไม่ได้มีสังคมกะใครเค้าเลย
ถ้าเค้ายอมเลิกกะเราจริง ๆ เราน่ะพร้อมเสมอ กลัวจะต้องอยู่กันแบบค้าง ๆ คา สุก ๆ ดิบ ๆไปแบบนี้ตลอดชีวิตน่ะ
มันไม่แฟร์สำหรับเรา เอ๊ะ หรือเราจะประชดหากิ๊กเพื่อแก้แค้นดี โอย ยิ่งคิดยิ่งเลอะเทอะจังเลย

เครียด คืออยากเลิกอ่ะ เคยพูดกันหลายครั้งแล้วแต่เค้าไม่ยอมไปน่ะ เค้าบอกรักลูก แต่ไม่รักเมีย(ก็ยังดี)
และเราเองก็ไม่อยากจะเจอปัญหาแบบนี้อีกแล้วเสียสุภาพจิตแถมนอนไม่หลับด้วย
อยากจะหนีก็ไม่รู้จะไปไหนดี ลูกก็เรียน รร.ใกล้บ้านค่าเทอมก็จ่ายไปแล้ว
ไม่อยากกลับไปเจอวังวนเดิม ๆ น่ะ ปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่ได้ จริง ๆ
ใจจริงน่ะอยากจะหาผู้ชายซักคนที่ดูแลเรากับลูกได้เค้าจะได้ไปให้พ้น ๆ เราซะที
แต่ติดที่ว่าแม่ม่ายลูกติดสองคนใครเค้าจะมาแล
หรือว่าเราคือ คู่กรรม(คู่เวร)



แก้ไข คำไม่ให้โดนเซนเซ่อ..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่