เย่อกับปลา
มรณฐิโต
๑.
" พรุ่งนี้วันหยุดมีการบ้านหรือเปล่าลูก"
" มีนิดหน่อยครับแม่ คืนนี้ทำก็เสร็จ"
" ทำไมรีบทำล่ะ เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้นี่ " ผู้เป็นแม่บอกลูกชายที่กำลังเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มอย่างเป็นห่วง
" พรุ่งนี้ผมจะไปตกปลากับเพื่อนที่บึงแสนสุขครับ"
" ที่ไหนล่ะ บึงนี้น่ะ มันอยู่ที่ไหน แม่ไม่เคยได้ยิน" แม่ถามอย่างสงสัย
" อยู่ที่ท้ายหมู่บ้านถัดเราไปนี่แหละครับ เขาเป็นบึงใหม่ เพิ่งสร้างเสร็จ
ค่าตกปลาเขาไม่แพงดี นั่งได้ทั้งวัน ผมนัดเพื่อนเอาไว้สองคน พรุ่งนี้จะขี่จักรยานไปด้วยกันครับ"
" ปลาที่อยู่ในบึงเขาเลี้ยงไว้นานแล้วเหรอ"
" ผมไม่ทราบครับ แต่เพื่อนที่เคยไปบอกว่า มันตัวใหญ่ดี แล้วก็เย่อสนุกด้วย"
ลูกชายพูดด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือล้น
" อะไรกันลูก เย่อเป็นยังไง" แม่สงสัยในคำพูดของลูกชายเสียเต็มประดา
" อ๋อ…..ก็ตกปลานั่นแหละครับแม่ แต่ตอนที่ปลากินเบ็ด เราก็ดึงมันขึ้นมา
มันก็ไม่ยอม เลยต้องดึงกันไปดึงกันมา เขาเรียกว่าเย่อกับปลาครับ แม่ไม่เคยได้ยินเลยเหรอ"
" ไม่เคยน่ะสิ ฟังดูแปลกๆ คนเดี่ยวนี้ทำอะไรกันแปลกๆ สมัยแม่เป็นเด็ก เวลาคนตกปลา
พอปลากินเบ็ด เขาก็วัดมันขึ้นมา แล้วก็ปลดออกจากเบ็ดใส่ตะข้อง ก็แค่นั้น ไม่เห็นต้องเย่ออะไรกันนี่
ทำไมเดี๋ยวนี้ต้องเย่อกันล่ะ ไม่เย่อมันจะไม่ได้ปลาเหรอแม่ไม่เข้าใจ"
" ปลาที่ไปตกกันนี่ ตัวมันใหญ่ครับแม่ เกือบเท่าไอ้ดิ๊กกี้หมาของเราเลย"
" หา..อะไรนะ ปลาน่ะเหรอตัวขนาดไอ้ดิ๊กกี้ " แม่ได้ฟังลูกชายแล้วตกใจเหลือประมาณ
ที่ปลาตัวเท่ากับหมาพันธุ์กระเป๋าที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
" ปลาอะไรน่ะลูก"
" ปลาอะไรผมไม่รู้ครับ แต่ผมไม่ได้เอามากินหรอกนะครับ ผมตกปลาเป็นกีฬาเฉยๆ ตกเล่นสนุกๆ
ไม่ได้ทำให้มันตายครับ แม่ไม่ต้องห่วง"
" นี่ลูกเอ๊ย……….เฮ้อ........" ผู้เป็นแม่ถอนหายใจอย่างหนักใจ ไม่รู้จะพูดกับลูกชายวัยรุ่นอย่างไร
ให้เขาใจถึงบาปบุญคุณโทษ ครั้นจะไม่พูดไม่บอก ก็เป็นห่วงว่าลูกจะทำบาปทำกรรมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
สักครู่ก็ถามลูกไปอีกว่า
" ลูกนัดเพื่อนเอาไว้กี่โมงล่ะลูก"
" แม่ถามทำไมล่ะฮะ ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงเช้านั่นแหละครับ วันหยุดพวกมันชอบตื่นสายกัน"
" แม่จะให้ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อย "
" แม่จะไปไหนครับ แล้วผมจะกลับมาทันนัดมั้ย "
" อ๋อแค่นี้เองลูก ทันแน่ แม่จะเอาของไปถวายพระที่วัด ไม่มีเพื่อนไป ถวายเสร็จก็กลับ "
" วัดไหนครับแม่ วัดใหญ่ข้างตลาดหรือวัดใหม่ท้ายหมู่บ้านเรา "
" วัดใหม่น่ะลูก พระท่านมาอยู่ใหม่ ไม่ค่อยมีใครไปทำบุญ แม่ทำอาหารเจไปถวาย "
" ท่านกินเจเหรอครับ ทำไมท่านกินเจล่ะครับ ท่านไม่กลัวขาดอาหารเหรอครับ "
" ไม่รู้สิ แม่ไม่เคยถามท่านสักที ลูกถามเองสิ พรุ่งนี้ไปกับแม่หน่อยนะ เออนี่ เวลาพูดว่าพระกินอะไรน่ะ
เขาต้องใช้คำว่าฉันนะ ไม่ใช่กิน"
" ครับแม่ แม่จะไปก็เรียกผมแล้วกันนะครับ อ้อ..แม่จะไปกี่โมงครับ "
" แม่ว่าจะไปสักเก้าโมง ไม่ช้าหรอกลูก "
" ครับแม่ " ลูกชายรับคำแม่
๒.
" ฮัลโหล……ขอพูดกับเกรียงหน่อยครับ…..อ้นครับ…..ครับ "
" เฮ้ยเกรียง พรุ่งนี้จะมากี่โมง ที่จะไปตกปลากันน่ะ "
" เออ…….สิบโมงกว่านะ กูจะไปธุระกับแม่กูก่อน……เออ"
" ไปวัดว่ะ………อย่าหัวเราะเยาะกูสิ ไปแป๊บเดียวไม่ตายหรอก "
" ไม่มีทางหรอกโว้ย ใครจะมาห้ามกูตกปลา แม่กูยังไม่ว่ากูสักคำเลย "
" เออ……กูไม่นับถือหรอกพระน่ะ กูฟังไม่รู้เรื่อง "
" เออ…ตกลงอย่ามาช้านะ ……เออ โอเค "
๓.
หน้ากุฏิหลังย่อม ซึ่งเป็นหนึ่งในกุฏิสองสามหลัง ซึ่งปลูกเรียงรายอยู่ มีพระภิกษุวัยกลางคน
กับแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นชานกุฏิ กำลังสนทนากัน
" ลูกชายหรือโยม "
" ค่ะท่าน ชวนเขามาเป็นเพื่อน ช่วยถืออาหารแล้วก้อยากให้เขาเข้าวัดเข้าวามารู้จักอะไรดีดีบ้างน่ะค่ะ"
" ชื่ออะไรล่ะ "
"ชื่ออ้นค่ะ เป็นลูกชายคนเดียว เลยห่วงเขามากค่ะ ยิ่งโตก็ยิ่งทำอะไรแผลงๆ"
" ทำอะไรล่ะโยม ที่โยมว่าแผลงๆน่ะ "
" เขาชอบเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ยิงตัวผู้ร้ายอะไรของเขา แล้วก็วันนี้นัดเพื่อนจะไปตกปลา
แต่เขาบอกว่าจะไปเย่อกับปลาค่ะ ท่านว่าไม่แปลกเหรอคะ ดิฉันเกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ"
" มันเป็นยังไงล่ะเย่อกับปลานี่น่ะ อาตมาก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน "
" อ้นบอกท่านซิลูก แม่เล่าไม่ถูกหรอก "
" เออ..บอกหลวงลุงหน่อยสิ มันทำยังไงที่ว่าเย่อกับปลาน่ะ หลวงลุงอยากรู้ "
" คือยังงี้ครับ ที่ว่าเย่อกับปลาน่ะเป็นภาษาที่นักตกปลาเขาเรียกกันครับ เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ตกปลาเอามากินอย่างเดียว
เขาให้การตกปลาเป็นกีฬาครับ กำลังนิยมกันครับ ผมก็ไม่เคยหรอกครับ เคยอ่านแต่หนังสือ พวกกีฬากลางแจ้งครับ "
" อ้าวไม่เคยแล้วรู้ได้ยังไงว่ามันสนุกล่ะ " พระถามต่อ
" ก็ผมอ่านในหนังสือไงครับ แล้วเพื่อนผมหลายคนก็ไปเย่อกันบ่อย มันมาชวนผมก็เลยอยากไปเย่อมั่ง "
" อ้อ..ยังงี้นี่เอง แล้วมันเป็นกีฬาได้ยังไง หลวงลุงยังงอยู่นะ "
" ผมอ่านมาว่า เขาแข่งกันครับ ใครได้ปลาตัวโตกว่ากัน ใครใช้เวลาตกน้อยกว่ากัน หรือในเวลาเท่ากันใครตกปลาได้มากกว่ากันก็ชนะครับ"
" นั่นมันก็เป็นการตกปลา แล้วเย่อกับปลาเป็นไง "
" ก็ตกปลานั่นแหละครับ แต่ตอนที่ปลาติดเบ็ดแล้วเราจะเอาปลาขึ้นมาจากน้ำให้ได้ ต้องดึงมันมา เขาเรียกเย่อกับปลาครับ "
" อ้อ…..เข้าใจละคือดึงกันไปดึงกันมา ใช่มั้ย "
" ใช่ครับ เราก็ดึงมันมันก็ดึงเรา "
" แล้วปลาเคยชนะคนมั้ยล่ะ " พระรุกถามต่อ
" ก็มีครับ คือมันดิ้นจนสายเบ็ดขาดและหลุดไปครับ "
" อ้าว แล้วตัวเบ็ดมันก็ติดปากปลาไปน่ะสิ ใช่มั้ยอ้น "
" คงยังงั้นละครับ ก็สายมันขาดนี่ครับ "
" เออ….คนเดี๋ยวนี้เล่นอะไรพิกลดีแท้ " พระภิกษุรำพึงออกมา
(อ่านตอนต่อไป)
.....เย่อกับปลา..(เรื่องสั้นไทย)...๑
มรณฐิโต
๑.
" พรุ่งนี้วันหยุดมีการบ้านหรือเปล่าลูก"
" มีนิดหน่อยครับแม่ คืนนี้ทำก็เสร็จ"
" ทำไมรีบทำล่ะ เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้นี่ " ผู้เป็นแม่บอกลูกชายที่กำลังเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มอย่างเป็นห่วง
" พรุ่งนี้ผมจะไปตกปลากับเพื่อนที่บึงแสนสุขครับ"
" ที่ไหนล่ะ บึงนี้น่ะ มันอยู่ที่ไหน แม่ไม่เคยได้ยิน" แม่ถามอย่างสงสัย
" อยู่ที่ท้ายหมู่บ้านถัดเราไปนี่แหละครับ เขาเป็นบึงใหม่ เพิ่งสร้างเสร็จ
ค่าตกปลาเขาไม่แพงดี นั่งได้ทั้งวัน ผมนัดเพื่อนเอาไว้สองคน พรุ่งนี้จะขี่จักรยานไปด้วยกันครับ"
" ปลาที่อยู่ในบึงเขาเลี้ยงไว้นานแล้วเหรอ"
" ผมไม่ทราบครับ แต่เพื่อนที่เคยไปบอกว่า มันตัวใหญ่ดี แล้วก็เย่อสนุกด้วย"
ลูกชายพูดด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือล้น
" อะไรกันลูก เย่อเป็นยังไง" แม่สงสัยในคำพูดของลูกชายเสียเต็มประดา
" อ๋อ…..ก็ตกปลานั่นแหละครับแม่ แต่ตอนที่ปลากินเบ็ด เราก็ดึงมันขึ้นมา
มันก็ไม่ยอม เลยต้องดึงกันไปดึงกันมา เขาเรียกว่าเย่อกับปลาครับ แม่ไม่เคยได้ยินเลยเหรอ"
" ไม่เคยน่ะสิ ฟังดูแปลกๆ คนเดี่ยวนี้ทำอะไรกันแปลกๆ สมัยแม่เป็นเด็ก เวลาคนตกปลา
พอปลากินเบ็ด เขาก็วัดมันขึ้นมา แล้วก็ปลดออกจากเบ็ดใส่ตะข้อง ก็แค่นั้น ไม่เห็นต้องเย่ออะไรกันนี่
ทำไมเดี๋ยวนี้ต้องเย่อกันล่ะ ไม่เย่อมันจะไม่ได้ปลาเหรอแม่ไม่เข้าใจ"
" ปลาที่ไปตกกันนี่ ตัวมันใหญ่ครับแม่ เกือบเท่าไอ้ดิ๊กกี้หมาของเราเลย"
" หา..อะไรนะ ปลาน่ะเหรอตัวขนาดไอ้ดิ๊กกี้ " แม่ได้ฟังลูกชายแล้วตกใจเหลือประมาณ
ที่ปลาตัวเท่ากับหมาพันธุ์กระเป๋าที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
" ปลาอะไรน่ะลูก"
" ปลาอะไรผมไม่รู้ครับ แต่ผมไม่ได้เอามากินหรอกนะครับ ผมตกปลาเป็นกีฬาเฉยๆ ตกเล่นสนุกๆ
ไม่ได้ทำให้มันตายครับ แม่ไม่ต้องห่วง"
" นี่ลูกเอ๊ย……….เฮ้อ........" ผู้เป็นแม่ถอนหายใจอย่างหนักใจ ไม่รู้จะพูดกับลูกชายวัยรุ่นอย่างไร
ให้เขาใจถึงบาปบุญคุณโทษ ครั้นจะไม่พูดไม่บอก ก็เป็นห่วงว่าลูกจะทำบาปทำกรรมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
สักครู่ก็ถามลูกไปอีกว่า
" ลูกนัดเพื่อนเอาไว้กี่โมงล่ะลูก"
" แม่ถามทำไมล่ะฮะ ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงเช้านั่นแหละครับ วันหยุดพวกมันชอบตื่นสายกัน"
" แม่จะให้ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อย "
" แม่จะไปไหนครับ แล้วผมจะกลับมาทันนัดมั้ย "
" อ๋อแค่นี้เองลูก ทันแน่ แม่จะเอาของไปถวายพระที่วัด ไม่มีเพื่อนไป ถวายเสร็จก็กลับ "
" วัดไหนครับแม่ วัดใหญ่ข้างตลาดหรือวัดใหม่ท้ายหมู่บ้านเรา "
" วัดใหม่น่ะลูก พระท่านมาอยู่ใหม่ ไม่ค่อยมีใครไปทำบุญ แม่ทำอาหารเจไปถวาย "
" ท่านกินเจเหรอครับ ทำไมท่านกินเจล่ะครับ ท่านไม่กลัวขาดอาหารเหรอครับ "
" ไม่รู้สิ แม่ไม่เคยถามท่านสักที ลูกถามเองสิ พรุ่งนี้ไปกับแม่หน่อยนะ เออนี่ เวลาพูดว่าพระกินอะไรน่ะ
เขาต้องใช้คำว่าฉันนะ ไม่ใช่กิน"
" ครับแม่ แม่จะไปก็เรียกผมแล้วกันนะครับ อ้อ..แม่จะไปกี่โมงครับ "
" แม่ว่าจะไปสักเก้าโมง ไม่ช้าหรอกลูก "
" ครับแม่ " ลูกชายรับคำแม่
๒.
" ฮัลโหล……ขอพูดกับเกรียงหน่อยครับ…..อ้นครับ…..ครับ "
" เฮ้ยเกรียง พรุ่งนี้จะมากี่โมง ที่จะไปตกปลากันน่ะ "
" เออ…….สิบโมงกว่านะ กูจะไปธุระกับแม่กูก่อน……เออ"
" ไปวัดว่ะ………อย่าหัวเราะเยาะกูสิ ไปแป๊บเดียวไม่ตายหรอก "
" ไม่มีทางหรอกโว้ย ใครจะมาห้ามกูตกปลา แม่กูยังไม่ว่ากูสักคำเลย "
" เออ……กูไม่นับถือหรอกพระน่ะ กูฟังไม่รู้เรื่อง "
" เออ…ตกลงอย่ามาช้านะ ……เออ โอเค "
๓.
หน้ากุฏิหลังย่อม ซึ่งเป็นหนึ่งในกุฏิสองสามหลัง ซึ่งปลูกเรียงรายอยู่ มีพระภิกษุวัยกลางคน
กับแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นชานกุฏิ กำลังสนทนากัน
" ลูกชายหรือโยม "
" ค่ะท่าน ชวนเขามาเป็นเพื่อน ช่วยถืออาหารแล้วก้อยากให้เขาเข้าวัดเข้าวามารู้จักอะไรดีดีบ้างน่ะค่ะ"
" ชื่ออะไรล่ะ "
"ชื่ออ้นค่ะ เป็นลูกชายคนเดียว เลยห่วงเขามากค่ะ ยิ่งโตก็ยิ่งทำอะไรแผลงๆ"
" ทำอะไรล่ะโยม ที่โยมว่าแผลงๆน่ะ "
" เขาชอบเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ยิงตัวผู้ร้ายอะไรของเขา แล้วก็วันนี้นัดเพื่อนจะไปตกปลา
แต่เขาบอกว่าจะไปเย่อกับปลาค่ะ ท่านว่าไม่แปลกเหรอคะ ดิฉันเกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ"
" มันเป็นยังไงล่ะเย่อกับปลานี่น่ะ อาตมาก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน "
" อ้นบอกท่านซิลูก แม่เล่าไม่ถูกหรอก "
" เออ..บอกหลวงลุงหน่อยสิ มันทำยังไงที่ว่าเย่อกับปลาน่ะ หลวงลุงอยากรู้ "
" คือยังงี้ครับ ที่ว่าเย่อกับปลาน่ะเป็นภาษาที่นักตกปลาเขาเรียกกันครับ เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ตกปลาเอามากินอย่างเดียว
เขาให้การตกปลาเป็นกีฬาครับ กำลังนิยมกันครับ ผมก็ไม่เคยหรอกครับ เคยอ่านแต่หนังสือ พวกกีฬากลางแจ้งครับ "
" อ้าวไม่เคยแล้วรู้ได้ยังไงว่ามันสนุกล่ะ " พระถามต่อ
" ก็ผมอ่านในหนังสือไงครับ แล้วเพื่อนผมหลายคนก็ไปเย่อกันบ่อย มันมาชวนผมก็เลยอยากไปเย่อมั่ง "
" อ้อ..ยังงี้นี่เอง แล้วมันเป็นกีฬาได้ยังไง หลวงลุงยังงอยู่นะ "
" ผมอ่านมาว่า เขาแข่งกันครับ ใครได้ปลาตัวโตกว่ากัน ใครใช้เวลาตกน้อยกว่ากัน หรือในเวลาเท่ากันใครตกปลาได้มากกว่ากันก็ชนะครับ"
" นั่นมันก็เป็นการตกปลา แล้วเย่อกับปลาเป็นไง "
" ก็ตกปลานั่นแหละครับ แต่ตอนที่ปลาติดเบ็ดแล้วเราจะเอาปลาขึ้นมาจากน้ำให้ได้ ต้องดึงมันมา เขาเรียกเย่อกับปลาครับ "
" อ้อ…..เข้าใจละคือดึงกันไปดึงกันมา ใช่มั้ย "
" ใช่ครับ เราก็ดึงมันมันก็ดึงเรา "
" แล้วปลาเคยชนะคนมั้ยล่ะ " พระรุกถามต่อ
" ก็มีครับ คือมันดิ้นจนสายเบ็ดขาดและหลุดไปครับ "
" อ้าว แล้วตัวเบ็ดมันก็ติดปากปลาไปน่ะสิ ใช่มั้ยอ้น "
" คงยังงั้นละครับ ก็สายมันขาดนี่ครับ "
" เออ….คนเดี๋ยวนี้เล่นอะไรพิกลดีแท้ " พระภิกษุรำพึงออกมา
(อ่านตอนต่อไป)