หลวงปู่เสือ คุตะธัมมโร วัดบึงกระจับ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์


หลายท่านอาจจะเห็นแปลกตา ทำไมพระรูปหล่อองค์นี้ถึงไม่ได้ครองจีวร ทำไมถึงห่มคลุม พระองค์นี้ไม่มีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน จะคิดว่าอุปโหลก ขึ้นมาก็หาไม่ แต่ด้วยบุญฤทธิ์ ที่ท่านแสดงให้เห็นประจักษ์ ด้วยผู้มีญาณ ทัศนะ ที่สามารถสื่อจิตผ่านมิติ ที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใจ หากยังปฏิบัติฝึกฝนกรรมฐานไม่เพียงพอ ขอเล่าย้อนไปกับความศรัทธาของคนใน หมู่บ้านบึงกระจับ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จะมีศาล ที่ผู้คนนับถือว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือมีดวงจิตผู้มีฤทธิ์ในอดีตสถิตอยู่ โดยทางตะวันออก จะอยู่ในวัดบึงกระจับ คือเรียกว่า เจ้าพ่อเสือ ความเป็นมาไม่ทราบชัดมาได้อย่างไร เพียงแต่มีศาลเพียงตาตั้งมาพร้อม หรืออาจจะก่อนสร้างวัดบึงกระจับ เกิน 50 ปี ผู้คนมักไปบนบาน เมื่อประสบผลสำเร็จก็มักจะนำเครื่องหวาน คาวมาถวาย จากที่ได้ผล มานับครั้งไมถ้วน คนในหมู่บ้านนี้จะรู้ดี อีกทั้งท่านทิศตะวันตกก็จะมีพ่อปู่ทองดำ เป็นศาลเพียงตาอยู่ติดกับบึงใหญ่ของหมู่บ้าน เรียกว่าบึงกระจับ  แต่ครั้งนี้จะกล่าวคือ หลวงปู่เสือ ทุกคนไม่เคยเห็นก็มักว่าจะเป็นเจ้าพ่อเสือ คือคิดว่ามีหน้าตาเป็นเสือ ซึ่งท่านจะมาในสภาวะจิต ที่แม้นแต่ต่างชาติก็ยังศรัทธา เพราะมาเข้าฝัน ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักมาก่อน และก็นับถือได้สร้างศาล แบบถาวรให้ ประดิษฐาน รูปหล่อเริ่มแรกก็มีหน้าเป็นเสือครองหนังสือ แต่เมื่อผม และอาจารย์ที่ผมปฏิบัติร่วมกัน ท่านมานิมิตให้ผมเห็น ขณะกึ่งหลับก็ไม่ใช่ จะตื่นก็ไม่ใช่ ว่าท่านคือพระ รุ่งเช้าผมได้สอบถามอาจารย์ว่า สรุปว่าในวัดบึงกระจับ หลวงพ่อเสือ ท่านคือพระนี่ ไม่ใช่เหมือนคนอื่นๆ เขากล่าวไว้ อาจารย์ผมก็บอกว่าใช่ ท่านเป็นพระ ตัวผมก็อยากรู้ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จึงได้ให้อาจารย์ผมได้นั่งสมาธิสื่อสารว่า เป็นอย่างไรทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ พอท่านหลับตาสื่อสารสักพักใหญ่ หลังจากลืมตา ก็บอกว่า ท่านเคยเห็นทหารในอดีตหลายร้อยปีแล้ว เคยมีถิ่นฐานเดิมติดแม่น้ำโขง ครั้งอดีตมีการสู้รบกันบ่อยท่านไม่อยากเป็นทหาร จึงระหกระเหิน หนีภัยสงคราม และก็เข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ ครองผ้าเหลืองแต่ศึกษาวิชาหลายแขนง ร่วมทั้งวิชาเสือสมิง ที่หลายๆ คนเห็นเป็นเสือ บ้างก็มีในฝันที่ท่านไปให้เห็น แต่ผมเห็นเป็นพระ หลังจากนั้นทาง อบต. บึงกระจับ ได้มีการจัดอุปสมบทหมู่ โดยมีปลัด อบต. ก็บวชด้วย สบโอกาสที่จะได้สร้างรูปหล่อเพื่อเสริมบารมีวัด จึงได้ปรึกษากับปลัด อบต. ทำอย่างไรจะสร้างรูปหล่อได้ ท่านก็เสนอว่าจะหาทุนเอง โดยออกเป็นรูปหล่อองค์เล็กก่อน แล้วนำเงินที่ปล่อยเช่าองค์เล็ก ไปสร้างรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริง เชื่อหรือไม่ว่า เพียงไม่ถึง 15 วัน รูปหล่อองค์องค์ถูกเช่าเกลี้ยง และได้ปัจจัย ไปสร้างรูปหล่อองค์ใหญ่ ท่านปลัดได้ไปที่ นครสวรรค์ เดินทางคนเดียวไปติดต่อช่างหล่อ แต่ก็ด้วยไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาองค์จริง มาก่อนและไม่มีรูปภาพใดๆ ตอนแรกช่างหล่อจะปฏิเสธแล้ว แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ คืนนั้นเองช่างหล่อฝันเห็นว่าหน้าตา ท่านจึงสามารถทำรูปหล่อองค์ใหญ่ออกมาได้ ส่วนองค์ใหญ่อยู่ที่ศาล วัดบึงกระจับ วิเชียรบุรี  ครับ คราวนี้จะมาเล่าส่วนที่ผมประสบขณะทำการปลุกเสกบ้าง สำหรับรูปหล่อตามรูป ครั้งแรกที่ได้รูปหล่อมาในห่อผ้าสีขาว ผมก็หาพานทองจัดใส่พาน เพื่อทำพิธีตอนกลางคืนราว 1 ทุ่ม ของคืนที่ได้รับพระ ผม และ อาจารย์ ปรึกษากันว่าให้ท่านอธิฐานจิต ผมจะเป็นคนสวดมนต์เอง หลังจากชุมนุมเทวดา มีกลิ่นหอมเย็นๆ ลมพัดเบาๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ นานา พันธุ์ฟุ้ง ตะลบอบอวล บริเวณทำพิธี ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นมีแต่ต้นสัก ไม่มีดอกไม้ คือกลิ่นแรกมาก และลมก็โชยเข้า โชยออก บริเวณที่ทำพิธี โดยมีขันน้ำมนต์ สายสิญจ์อาจารย์ท่านอธิฐานจิต ในความมืดมีเพียงแสงเทียน และแสงไฟสลัวๆ หลังจบพิธี กลิ่นหอมของดอกไม้ป่ายังคงอบอวล ตามมาถึงกุฎิคือแรงมากก็ว่าได้ ทุกวันไม่มีกลิ่นดอกไม้ ผ่านมาอีก 2 วันหลังผม และ อาจารย์ทำพิธี ทางวัดก็ได้นิมนต์ วัดในตำบลมาทำพิธีใหญ่ 4-5 วัดได้ในตำบล แต่พอทำเสร็จในตอนเช้า ผมก็ถามอาจารย์ว่า หลวงปู่ท่านเมตตาลงให้ไหม อาจารย์ผมบอกว่า "ไม่ลง" อ้าว แล้วทำไงละมันจะแรงไหมละพุทธคุณที่จะนำไปให้ญาติโยม ผมก็ได้ใช้ความคิด อีกรอบอาจารย์ส่งไปถามหลวงปู่หน่อยจะลอธิฐานจิตได้ไหม คราวนี้อาจารย์ของผมก็หลับตา พอลืมตาท่านบอกว่า ได้แต่ให้ดูเมฆดำที่ทางทิศตะวันตก หากมาอยู่ที่ พระธาตุ ก็เริ่มพิธีได้เลย เป็นอัศจรรย์ ช่วงบ่ายมีเมฆดำขนาดใหญ่ปกคลุมพระธาตุ จริงๆ จากที่ท้องฟ้าสว่างๆ แต่มีคลุมอยู่ที่เดียว หลังเริ่มพิธีอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 คราวนี้ให้พระลูกวัด 3 รูปเป็นคนสวดมนต์ ผมและอาจารย์ อธิฐานจิต คลุม ซ้าย-ขวา แต่เว้นที่นั่งตรงกลางว่างไว้ พร้อมน้ำมนต์โอ่งเล็ก เริ่มพิธีขณะหลับตา ในสภาวะเหมือนมีมนต์พิธีที่ผมไม่เคยได้ยินสวดแทรก เข้ามาในพิธีตลอด ทั้งๆ ที่สวด 3 คน แต่เสียงคนอื่นสวด ไม่ใช่บทที่นัดกัน ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เชื่อไหมว่า เทียนแท่งเท่าแขนพาดทำพิธีที่ปากโอ่ง เหมือนมีพลังงานบางอย่างดีดออก อย่างแรง ครั้งแรกก็ยังพอทนคิดว่ามันลื่นกันได้ แต่อาจารย์ผมถือเทียน มีไม้พาดที่ปากโอ่ง ขนาด 2 นิ้ว และเทียนตั้งอย่างมั่นคง ก็ยังดีดออกเป็นครั้งที่ 2 และ 3 ทำเอาเป็นงง กันเลยทีเดียวไม่ใช่กลิ้ง แต่ดีดออกจากโอ่งน้ำมนต์ จนจบพิธี ผมปล่อยผ้าครองลดสังฆาฎิ ลง แต่ก็ยังเหมือนมีคนสวดมนต์ ยังไม่จบกล้องอยู่ในพระธาตุ ผมได้ถามอาจารย์ว่า เราทำพิธีจบแล้วนี่ ทำไมยังได้ยินเสียงอยู่เลย ท่านบอกว่า เราจบ แต่เขายังไม่จบ ผมก็ถามต่อว่าสรุปใครสวดอยู่ ท่านบอกว่า หลวงปู่เสือ และพระในอีกมิติ ยังสวดอยู่ราว 98 รูป (หากผมจำพลาดไปขออภัย แต่ก็เยอะอยู่) จึงมั่นใจได้เลยใครได้ไปเก็บไว้ดีๆ รุ่นนี้ หลวงปู่เสือ ท่านเมตตาเรียกว่า "รุ่นทัพหน้า" ไม่มีคำอื่นอย่าไปเรียกผิด ส่วนอภินิหารที่ 2 คือ น้ำมนต์ที่ทำพิธีตอนนั้น พี่สาวผมเองเดินทางมาจาก สวีเดน บอกว่าตนเองถูกของ ครั้งแรกที่เดินเข้ามาหาผมขณะที่ผมบวชอยู่ และกำลังนั่งสนทนากับอาจารย์ของผม อยู่ใต้กุฎิ แบบชิวๆ แต่พี่สาวเดินมาหน้าฉีดเทาเข้ามาเชียวเรียกว่าไม่มีราศี เอาซะเลย แม่ผมพามา ฟังเรื่องราวจากแม่ว่าโดนของ ตอนแรกก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ ผมจึงได้ให้หลวงพี่ไปนำน้ำมนต์ที่ปลุกเสกหลวงปู่เสือมา ตักมา 1 แล้วพอ แล้วก็ให้พี่สาวดื่ม เท่านั้นเองแหละ อาการออก เริ่มนิ่ง และบอกว่า "กูไม่ไป" ผมจึงให้อาจารย์ช่วยแก้ไขหน่อยนิมนต์หลวงปู่ มาช่วยหน่อย ไม่นาน พี่สาวก้มหน้าฟลุ๊บลงกับพื้น ราว 2-3 นาที พอเงยหน้าขึ้นมา หน้าตาจากสีเทาๆ มีเลือดฝาดขึ้นมาทันที จะด้วยอะไรก็พิจารณาเองละท่าน ผมก็ไม่เคยเจอมาก่อนเหมือนกัน สุดท้าย พิธีการไม่อยาก ให้หลวงพี่เอาน้ำมาถัง และนำน้ำมนต์มาอีกแก้ว คราวนีก็ครองผ้าสวดชะยันโต เพื่อเป็นสิริมงคลซะ เป็นอันจบ ปัจจุบันพี่สาวผมก็หายแล้ว ใช้ชีวิตปกติ สุข ส่วนอภินิหารหลวงพ่อยังมีอีกเยอะ ที่ใครได้ใช้จะรู้เอง คำบริกรรม ที่นิมนต์หลวงปู่ หรือนึกถึงท่านใช้คำว่า "ยะ โส ระ สิ" มีเท่านี้เอง และอธิฐานถึงท่านให้ช่วย แต่อย่าไปบนบาน ไม่งั้นท่านต้องมาแก้เอง ที่วัดบึงกระจับ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่