เป็นเรื่องราว แก้ไขปัญหาความสำสัมพันธ์และการเงินบุคคลในครอบครัว บอกหัวข้อให้ทุกท่านทราบก่อน
เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาและขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ครับ
เวลามีค่า เสมอ มีเนื้อหาหลักๆดังต่อไปนี้นะครับ
ตอนที่1 พ่อลูก
พ่อผมกำลังเกษียณครับ ความจริงไม่กี่เดือนจากนี้ ก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปสามปี ผมคุยกับพ่อเรื่องพ่อจะเกษียณอย่างไรเราวางแผนปลดหนี้
กันอย่างไรผมก็พยายาม ทั้งวางแผนการเงิน หาเงิน หาทรัพยากรและคุยกับเจ้าหนี้ให้พ่อทั้งหมด
พ่อเป็นครูธรรมดา แต่เป็นคนดีจึงมีเครดิตทางการเงินค่อนข้างมากกว่าแม่ แม่ก็ครูเหมือนกันครับ
แต่ว่ามีอาชีพเสริมเป็นแม่ค้าและชอบซื้อขายที่ดิน แม่ก็ให้พ่อกู้เงินให้ ทั้งในระบบและนอกระบบจนบาน
บางส่วนที่ตัดไปแล้วเหลือเป็น หนี้ปัจจุบัน 9 ลบ. และบางส่วนก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่ดินที่ขายไม่ออก มันก็ไม่ได้หนี้เสียเสียทีเดียวครับ
ก่อนหน้านั้น ผมก็ให้เงินสดเพื่อแก้ปัญหาหนี้ให้กับแม่ไป เพราะว่าคิดว่าแม่จะไปตัดหนี้ให้พ่อ เพราะว่าคนที่ทำสัญญากู้ยืมคือพ่อ
พ่อกับแม่ผมรักกันมากไม่เคยมีปัญหาในความรัก พ่อเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยดุุแม่ มีแต่แม่ดุพ่อ พ่อเป็นสุภาพบุรษต้นแบบให้กับผมถึงทุกวันนี้
ข้อด้อยอย่างเดียวที่พ่อมี คือ พ่อเป็นคนตรงมาก ถามอย่างไรตอบอย่างนั้นตลอด และเป็นคนพอเพียงและซื่อสัตย์มาก
ตรงขามกับแม่ผม
เรื่องมาแดงตรงก่อนพ่อ เกษียณ ในช่วงนี้
07 น. ที่ผ่านมา เจ้าหนี้แม่บอกกว่า เช็คของแม่เด้ง ไม่มีเงินเข้ามาสองวันแล้ว
ผมก็ถามว่าเงินอะไร เงินต้นและดอกที่เคยคุยตัดต้นตัดดอกก่อนหน้านี้
ผมก็บอกว่าผมให้เป็นเงินสดกับแม่ไป เขาก็บอกว่าแม่จ่ายเป็นเช็คก็ไม่ว่าอะไรจนเกิดเรื่องขึ้น
เจ้าหนี้เขาก็บอกว่า ให้เกียรติพ่อกับแม่มากพอแล้ว เขาโกรธมาก ผมก็เลยบอกว่า งั้นผมจะหามาจ่ายให้ก่อน
ใจไม่คิดอะไรแค่ไม่อยากให้มีเรื่องฟ้องร้องถึงพ่อ เพราะว่าพ่อจะเกษียณ
ผมก็เลยเอาเงินที่จะจ่ายให้กับลูกค้า ซึ่งต้องจ่ายวันนี้เหมือนกัน มาจ่ายให้กับพ่อไปก่อน ตัดปัญหาตรงนี้ไปก่อน
ผมคงต้องโดนลูกค้าค่า คงต้องโดนตำหนิ แต่มันก็ได้ทำไปแล้ว
แม่ผมเป็นคนที่ดี ผมก็รักแม่
แต่แม่มีปัญหาเรื่องการขาดวินัยในการลงทุนอย่างแรง
ผมก็เลยบอกแม่ว่า ผมต้องยาแรงแล้วตอนนี้ ยึดเครดิตการ์ด เครดิตการค้า โฉนดทุกใบที่ผมและแม่มีสิทธิ
เป็นนาทีสั้นๆที่พูดออกไปพร้อมเสียงแข็งๆ
แม่คงคิดว่าผมใจร้ายมาก ทุกคนรอบๆตัว ก็คงคิดว่าผมเป็นพวกเอาเหตุผลเป็นใหญ่ เอาเงินเป็นที่ตั้ง
แต่ตอนนี้่ ณ นาทีนี้ผมก็ร้องให้ แค่มันคงเกิดขึ้นไม่นานอีก สองนาทีผมต้องจบและเดินหน้าต่อ
แต่แค่ไม่มีใครเห็นไม่อยากให้ใครเห็นเวลาผม อ่อนแอ ปวกเปียกแบบนี้ด้วยครับ
คำถามที่ผมอยากจะถามและขอความเห็นจากท่านที่มีประสบการณ์หรือคำแนะนำคือ
1. ผมใจแข็งมาตรฐานเด็ดขาดแบบนี้ แล้วมาควบคุมบริหารหนี้เองทั้งหมด เป็นสิ่งที่คิดว่าทำมาถูกทางหรือยังครับ
พร้อมกันนี้ก็เร่งมาหาเงินสุดชีวิตอุดทุกอย่างให้เป็นปกติตามแผน การเกษียณเดิมของพ่อ แค่ต้องทำให้เร็วหน่อยเท่านั้นเอง
2. ผมทำให้แม่เสียใจ ผมบาปมากไหมครับ ทำไมผมถึงลบตวามรู้สึกอย่างนี้ออกไปไม่ได้
ผมไม่ได้ด่าแม่ด้วยถ้อยคำที่ไม่ให้เกียรติแม่ ไม่ได้เสียงดังหรือดุ อะไร แต่ผมเลือกใช้คำที่ทิ่มแทงความรู้สึกของคนเป็นแม่
เช่น ผมรักแม่ แต่ผมคิดว่าแม่ทำให้ผมรู้สึกแย่ มันไม่น่าเกิดขึ้น ผมเลยคำว่าผิดหวังในตัวแม่มาไกลมากและมันคงไม่มีทางคืนไปง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ก็หลายครั้งแล้ว มันเป็นสิ่งที่กินใจผมรู้สึกผิดตลอดเวลา
จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรครับ
3. มันส่งผลถึงชีวิตส่วนตัว ทำให้ผมเป็นคนที่ถ้ากับการทำงานไม่มีปัญหาเลยนะครับ เราทำตัวเป็นมืออาชีพตรงเวลา ก่อนนัดงาน
คุยเรื่องส่วนตัวตามมารยาท สองสามนาที ถามสารทุกข์สุขดิบแล้วทำเริ่มงานไม่มีปัญหา
แต่ กับ การสร้างความรักและดำเนินความสัมพันธ์ส่วนตัว
มันใช้คำว่าประสิทธิภาพไม่ได้เลย
ผมเป็นประเภทที่น้อยครั้งมากจะตื่นสาย หรือตื่นมารับสายแล้วทำตัวงัวเงีย
บางครั้งการที่ปลายทางรับสายแล้วความไม่มีประสิทธิภาพใส่ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขา
ผมเลยเลือกวิธีสื่อสารด้วยการส่งข่้อความแทน
มันก็เหมือนกับปลายทางก็บอกเช่นกันว่า ข้อมูลที่ได้รับมันน้อยเกินไป
คำถามผมคือ การดำเนินความสัมพันธ์ ในการนำเสนอความรัก
เราจะใช้เกณฑ์ แบบไหน เพื่อให้เขารู้ว่าเราเคารพความเป็นส่วนตัว และ เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเป็นสุภาพสตรีในตัวเขา
อาจะไม่ต้องอ้างอนุสัญญาเจนีวา มาพูด แต่จากมาตรฐานของผมผมคิดว่าผม ไม่รบกวนให้มากครั้งแต่พยายามแสดงความห่วงใยแต่ใส่ใจ
ด้วยข้อความมันเหมือนยังไม่พอ
ถ้าอย่างนั้นเราควรเพิ่มจำนวนความถี่ มากขึ้น แล้วเก็บสถิติแล้วก็ค่อยๆประเมินดูปฏิกริยา แบบนี้จะดีกว่าไหมครับ
(อันนี้หากได้มุมมองของสุภาพสตรีจะดีมาก)
4. อันสุดท้ายครับ ผมพยายามลดน้ำหนักท่ามกลางปัญหาต่างๆไปด้วย
ก่อนหน้านั้น 100 กก. เหลือ 90 กก.ได้แล้ว อันนี้หมูไม่ยากเพราะไม่ทานน้ำอัดลมก็ทำได้
แต่ว่า จากนี้คือออกกำลังกายเอาอย่างเดียว เพราะว่าคุมอาหารทำได้แล้ว
ปํญหาคือผมทำงานหนัก บางทีกลับบ้านดึก ไม่ว่าเดินทางไปต่างที่แค่ไหนตื่นเช้ามาก็ต้องวิ่งและออกกำลังกายหนักให้ได้ 1 ชม
ปัญหาคือเริ่มถอดใจน้ำหนักไม่ลงและเหนื่อยมากครับ
อาจจะกล้ามเนื้อดีขึ้นแต่มันไม่ลงเลยน้ำหนัก แถมไมมีใครให้กำลังใจด้วยมีแต่บอกว่ายังอ้วนเหมือนเดิม
ขออภัยหากกการเรียงลำดับอักษรหรือเนื้อเรื่องไม่น่าสนใจหรืออ่านยาก
แต่ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุดในเบื่องต้นแล้วครับ
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่านอีกครั้ง
ขอบคุณครับ
เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ เลือกเป็นคนดี กับเป็นลูกที่ดี เวลาที่ต้องตัดสินใจหนักๆ ทุกท่านทำอย่างไรครับ Drama family 30+
เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาและขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ครับ
เวลามีค่า เสมอ มีเนื้อหาหลักๆดังต่อไปนี้นะครับ
ตอนที่1 พ่อลูก
พ่อผมกำลังเกษียณครับ ความจริงไม่กี่เดือนจากนี้ ก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปสามปี ผมคุยกับพ่อเรื่องพ่อจะเกษียณอย่างไรเราวางแผนปลดหนี้
กันอย่างไรผมก็พยายาม ทั้งวางแผนการเงิน หาเงิน หาทรัพยากรและคุยกับเจ้าหนี้ให้พ่อทั้งหมด
พ่อเป็นครูธรรมดา แต่เป็นคนดีจึงมีเครดิตทางการเงินค่อนข้างมากกว่าแม่ แม่ก็ครูเหมือนกันครับ
แต่ว่ามีอาชีพเสริมเป็นแม่ค้าและชอบซื้อขายที่ดิน แม่ก็ให้พ่อกู้เงินให้ ทั้งในระบบและนอกระบบจนบาน
บางส่วนที่ตัดไปแล้วเหลือเป็น หนี้ปัจจุบัน 9 ลบ. และบางส่วนก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่ดินที่ขายไม่ออก มันก็ไม่ได้หนี้เสียเสียทีเดียวครับ
ก่อนหน้านั้น ผมก็ให้เงินสดเพื่อแก้ปัญหาหนี้ให้กับแม่ไป เพราะว่าคิดว่าแม่จะไปตัดหนี้ให้พ่อ เพราะว่าคนที่ทำสัญญากู้ยืมคือพ่อ
พ่อกับแม่ผมรักกันมากไม่เคยมีปัญหาในความรัก พ่อเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยดุุแม่ มีแต่แม่ดุพ่อ พ่อเป็นสุภาพบุรษต้นแบบให้กับผมถึงทุกวันนี้
ข้อด้อยอย่างเดียวที่พ่อมี คือ พ่อเป็นคนตรงมาก ถามอย่างไรตอบอย่างนั้นตลอด และเป็นคนพอเพียงและซื่อสัตย์มาก
ตรงขามกับแม่ผม
เรื่องมาแดงตรงก่อนพ่อ เกษียณ ในช่วงนี้
07 น. ที่ผ่านมา เจ้าหนี้แม่บอกกว่า เช็คของแม่เด้ง ไม่มีเงินเข้ามาสองวันแล้ว
ผมก็ถามว่าเงินอะไร เงินต้นและดอกที่เคยคุยตัดต้นตัดดอกก่อนหน้านี้
ผมก็บอกว่าผมให้เป็นเงินสดกับแม่ไป เขาก็บอกว่าแม่จ่ายเป็นเช็คก็ไม่ว่าอะไรจนเกิดเรื่องขึ้น
เจ้าหนี้เขาก็บอกว่า ให้เกียรติพ่อกับแม่มากพอแล้ว เขาโกรธมาก ผมก็เลยบอกว่า งั้นผมจะหามาจ่ายให้ก่อน
ใจไม่คิดอะไรแค่ไม่อยากให้มีเรื่องฟ้องร้องถึงพ่อ เพราะว่าพ่อจะเกษียณ
ผมก็เลยเอาเงินที่จะจ่ายให้กับลูกค้า ซึ่งต้องจ่ายวันนี้เหมือนกัน มาจ่ายให้กับพ่อไปก่อน ตัดปัญหาตรงนี้ไปก่อน
ผมคงต้องโดนลูกค้าค่า คงต้องโดนตำหนิ แต่มันก็ได้ทำไปแล้ว
แม่ผมเป็นคนที่ดี ผมก็รักแม่
แต่แม่มีปัญหาเรื่องการขาดวินัยในการลงทุนอย่างแรง
ผมก็เลยบอกแม่ว่า ผมต้องยาแรงแล้วตอนนี้ ยึดเครดิตการ์ด เครดิตการค้า โฉนดทุกใบที่ผมและแม่มีสิทธิ
เป็นนาทีสั้นๆที่พูดออกไปพร้อมเสียงแข็งๆ
แม่คงคิดว่าผมใจร้ายมาก ทุกคนรอบๆตัว ก็คงคิดว่าผมเป็นพวกเอาเหตุผลเป็นใหญ่ เอาเงินเป็นที่ตั้ง
แต่ตอนนี้่ ณ นาทีนี้ผมก็ร้องให้ แค่มันคงเกิดขึ้นไม่นานอีก สองนาทีผมต้องจบและเดินหน้าต่อ
แต่แค่ไม่มีใครเห็นไม่อยากให้ใครเห็นเวลาผม อ่อนแอ ปวกเปียกแบบนี้ด้วยครับ
คำถามที่ผมอยากจะถามและขอความเห็นจากท่านที่มีประสบการณ์หรือคำแนะนำคือ
1. ผมใจแข็งมาตรฐานเด็ดขาดแบบนี้ แล้วมาควบคุมบริหารหนี้เองทั้งหมด เป็นสิ่งที่คิดว่าทำมาถูกทางหรือยังครับ
พร้อมกันนี้ก็เร่งมาหาเงินสุดชีวิตอุดทุกอย่างให้เป็นปกติตามแผน การเกษียณเดิมของพ่อ แค่ต้องทำให้เร็วหน่อยเท่านั้นเอง
2. ผมทำให้แม่เสียใจ ผมบาปมากไหมครับ ทำไมผมถึงลบตวามรู้สึกอย่างนี้ออกไปไม่ได้
ผมไม่ได้ด่าแม่ด้วยถ้อยคำที่ไม่ให้เกียรติแม่ ไม่ได้เสียงดังหรือดุ อะไร แต่ผมเลือกใช้คำที่ทิ่มแทงความรู้สึกของคนเป็นแม่
เช่น ผมรักแม่ แต่ผมคิดว่าแม่ทำให้ผมรู้สึกแย่ มันไม่น่าเกิดขึ้น ผมเลยคำว่าผิดหวังในตัวแม่มาไกลมากและมันคงไม่มีทางคืนไปง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ก็หลายครั้งแล้ว มันเป็นสิ่งที่กินใจผมรู้สึกผิดตลอดเวลา
จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรครับ
3. มันส่งผลถึงชีวิตส่วนตัว ทำให้ผมเป็นคนที่ถ้ากับการทำงานไม่มีปัญหาเลยนะครับ เราทำตัวเป็นมืออาชีพตรงเวลา ก่อนนัดงาน
คุยเรื่องส่วนตัวตามมารยาท สองสามนาที ถามสารทุกข์สุขดิบแล้วทำเริ่มงานไม่มีปัญหา
แต่ กับ การสร้างความรักและดำเนินความสัมพันธ์ส่วนตัว
มันใช้คำว่าประสิทธิภาพไม่ได้เลย
ผมเป็นประเภทที่น้อยครั้งมากจะตื่นสาย หรือตื่นมารับสายแล้วทำตัวงัวเงีย
บางครั้งการที่ปลายทางรับสายแล้วความไม่มีประสิทธิภาพใส่ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขา
ผมเลยเลือกวิธีสื่อสารด้วยการส่งข่้อความแทน
มันก็เหมือนกับปลายทางก็บอกเช่นกันว่า ข้อมูลที่ได้รับมันน้อยเกินไป
คำถามผมคือ การดำเนินความสัมพันธ์ ในการนำเสนอความรัก
เราจะใช้เกณฑ์ แบบไหน เพื่อให้เขารู้ว่าเราเคารพความเป็นส่วนตัว และ เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเป็นสุภาพสตรีในตัวเขา
อาจะไม่ต้องอ้างอนุสัญญาเจนีวา มาพูด แต่จากมาตรฐานของผมผมคิดว่าผม ไม่รบกวนให้มากครั้งแต่พยายามแสดงความห่วงใยแต่ใส่ใจ
ด้วยข้อความมันเหมือนยังไม่พอ
ถ้าอย่างนั้นเราควรเพิ่มจำนวนความถี่ มากขึ้น แล้วเก็บสถิติแล้วก็ค่อยๆประเมินดูปฏิกริยา แบบนี้จะดีกว่าไหมครับ
(อันนี้หากได้มุมมองของสุภาพสตรีจะดีมาก)
4. อันสุดท้ายครับ ผมพยายามลดน้ำหนักท่ามกลางปัญหาต่างๆไปด้วย
ก่อนหน้านั้น 100 กก. เหลือ 90 กก.ได้แล้ว อันนี้หมูไม่ยากเพราะไม่ทานน้ำอัดลมก็ทำได้
แต่ว่า จากนี้คือออกกำลังกายเอาอย่างเดียว เพราะว่าคุมอาหารทำได้แล้ว
ปํญหาคือผมทำงานหนัก บางทีกลับบ้านดึก ไม่ว่าเดินทางไปต่างที่แค่ไหนตื่นเช้ามาก็ต้องวิ่งและออกกำลังกายหนักให้ได้ 1 ชม
ปัญหาคือเริ่มถอดใจน้ำหนักไม่ลงและเหนื่อยมากครับ
อาจจะกล้ามเนื้อดีขึ้นแต่มันไม่ลงเลยน้ำหนัก แถมไมมีใครให้กำลังใจด้วยมีแต่บอกว่ายังอ้วนเหมือนเดิม
ขออภัยหากกการเรียงลำดับอักษรหรือเนื้อเรื่องไม่น่าสนใจหรืออ่านยาก
แต่ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุดในเบื่องต้นแล้วครับ
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่านอีกครั้ง
ขอบคุณครับ