สวัสดีค่ะ 🙏 . . อ่านจบแล้วเพื่อนๆมีความคิดยังไง จะเดินไปทางไหนแนะนำได้ค่ะ
ขอพื้นที่ตรงนี้เล่าเรื่องชีวิตจริง ที่ฉันใช้ชีวิตวนอยู่กับความรู้สึกผิด การถูกตัดพ้อ และหนี้สินที่ไม่เคยจบสิ้น... ไม่ใช่เพื่อขอความสงสาร แต่เพื่อเป็น "กระจก" ให้ใครหลายคนที่กำลังติดอยู่ในวังวนเดียวกัน ได้หยุดและตั้งสติให้เร็วกว่าเรา
ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกแท้ๆ 1 คน และลูกติดของแฟนอีก 1 คนที่ฉันรักเหมือนลูกแท้ๆ เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่อนุบาลสอง
ฉันเปิดร้านขายเคสมือถือ ซ่อมโทรศัพท์ และรับติดฟิล์ม ทำอาหารขายตอนเช้า ชีวิตเหมือนจะไปได้ดี แต่เบื้องหลัง... ฉันแบกหนี้ก้อนใหญ่ ทั้งรายวัน ดอกเบี้ยราย 3 วัน แชร์ และเงินที่หยิบยืมเขามาทุกทางเพราะต้องพยุงร้าน พยุงครอบครัว
แฟนของฉันเคยช่วยทำร้าน แต่เขาไม่ทนกับความกดดัน ทั้งจากตัวฉันเอง และจากปัญหาการเงิน เขาบอกว่าไม่ชอบให้ใครมาบังคับ เขาไม่สามารถอยู่กับปัญหาที่ไม่มีทางออกได้ เขาเลือกไปทำงานไกลบ้าน และพูดกับฉันว่า “ถ้ามีเรื่องหนี้อีก จะทิ้งให้ตายคนเดียวเลย”
ในขณะที่ฉัน... อยู่กับลูก ต้องทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียวในบางวัน แต่ยังต้องยิ้มให้ลูกกินมื้อเที่ยงอย่างอิ่มที่สุด ต้องจ่ายเจ้าหนี้รายวันให้ทัน เพราะถ้าไม่ทันจะรีเซ็ตดอกใหม่ทั้งหมด ต้องฟังคำดูถูกว่า “ใครใช้ให้มาทำหนี้” หรือ “ไม่เก็บเงินก็สมควรแล้ว” จากคนที่ไม่เคยรู้เลยว่า ฉันไม่ได้ใช้เงินเพื่อซื้อกระเป๋าแบรนด์ ฉันใช้มันซื้อไข่ ซื้อข้าว ซื้อโอกาสให้ลูกอยู่รอดแค่นั้น
เคยร้องไห้กลางดึกเพราะหมากินของที่เตรียมไว้ขาย สูญเงิน 1,000 บาทที่ไม่มีวันจะหาใหม่ได้ทันพรุ่งนี้เช้า เคยถูกลูกค้าจะฟ้องร้องเพราะเคลมเครื่องไม่ได้ตามกำหนด ทั้งที่เรากำลังพยายามที่สุดแล้ว
เมื่อไม่ไหว ฉันไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ ไปที่สำนักงานเขตและขอคำแนะนำจาก พม. (พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) และต่อมาพวกเขาก็ส่งเรื่องให้ สน. เพื่อเจรจาหนี้ เพราะฉันมีเจ้าหนี้รายวันหลายรายมาก
ฉันเคยมีหนี้เจ้าหนี้ชื่อแบ๊ง ต้องจ่ายวันละ 600 บาท รวม 32 วัน พลาดไม่ได้เลย วันไหนไม่จ่ายจะถูกรีเซ็ตสัญญาใหม่ ฉันเจรจาได้สำเร็จแค่บางราย เช่นเจ้าหนี้ชื่อตูน ลดรายวันลงเหลือ 150 บาท แต่บางรายไม่ยอม ลดไม่ได้ ไม่ให้เจรจา เช่นเจ้าหนี้แชร์รายหนึ่ง ซึ่งยืนยันจะคิดดอกต่อไปเหมือนเดิมแม้เราจะอธิบายความลำบากแล้ว
ฉันเคยคิดว่าแฟนจะช่วย แต่เขาบอกว่า "ฉันไม่รู้จะช่วยยังไง" เขาเคยให้ฉัน 3,000 เพื่อไปตัดหนี้ดอกรายวันครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาไปหยิบยืมจากรุ่นพี่มา 5,000 บาท แล้วต้องรับผิดชอบใช้หนี้แทนฉัน และเขาเอาอีก 2,000 ไปจัดวันเกิดให้ลูกที่เขารักมาก
หลังจากนั้น เขาตัดสินใจไปทำงานต่างจังหวัดกับรุ่นพี่เพื่อหาเงินใช้หนี้ของเขาเอง และไม่เคยให้ฉันพูดถึงหนี้อีก เขาเคยพูดแรงๆ ว่า “ต่อไปนี้อย่าเอาปัญหามาให้ ฉันจะไม่ยุ่งอีกแล้ว จะหาอะไรก็หาเอง ฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น"
แต่ถึงแม้เขาจะพูดแบบนั้น ฉันไม่ได้โกรธ ไม่ได้โทษเขาเลย ฉันรู้ดีว่าเขาเองก็เจ็บปวดและเครียดไม่ต่างกัน ฉันยังขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ที่แม้จะไม่ได้ช่วยในทุกอย่าง แต่เขาเคยยื่นมือมาช่วยฉันในจังหวะที่ฉันแทบจะล้ม ขอบคุณที่เขาให้ที่อยู่อาศัย ให้ฉันกับลูกมีที่นอน มีหลังคาในวันที่ไม่มีใคร
ฉันเคยไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะไม่มีข้าวให้ลูกกินในวันรุ่งขึ้น เคยนั่งทำของขายทั้งคืน หวังว่าจะขายหมดเพื่อเอาเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ แต่ของโดนสุนัขกินหมดเสียก่อน ขาดทุนอีกพันบาท แล้วต้องเริ่มใหม่ด้วยความว่างเปล่า
ฉันเคยโทรหาเจ้าหนี้ เพื่อขอเจรจา ขอเลื่อน ขอแบ่งจ่าย ขอแม้แต่การยอมให้หักต้นหนี้บางส่วน ทุกการเจรจาไม่ใช่ความสำเร็จ แต่ฉันทำทุกทางเพื่อไม่ให้ลูกอด ฉันเคยไม่กล้าพูดเรื่องหนี้กับแฟน เพราะฉันรู้ว่าเขาจะไม่ช่วย และกลัวจะโดนไล่ออกจากบ้านที่เขาให้พักอยู่ด้วย
ตอนที่ไม่มีทางออก ฉันเคยคิดว่าจะหนี หรือหายไปจากโลกนี้ แต่เมื่อเห็นหน้าลูก ฉันก็คิดใหม่ว่า ถ้าฉันไม่อยู่ ใครจะดูแลลูกฉัน ใครจะสู้แทนฉันได้
ฉันเริ่มใหม่ทุกวันแม้ไม่มีเงินในกระเป๋า ฉันทำงานบ้าน จัดของ เตรียมโพสต์ขายของเก่า วางแผนหาเงินทีละ 200–500 บาท เพื่อให้ลูกได้กิน 3 มื้อ และเก็บไว้เป็นทุนสำรองเพื่อย้ายออกหากจำเป็น
ตอนนี้ฉันยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง แต่ฉันกำลังค่อยๆ ถอยออกจากจุดที่เคยกลืนฉันไปทั้งชีวิต
เรื่องนี้ไม่ได้เล่าเพื่อให้ใครมาช่วยเหลือ หรือเวทนา แต่หวังว่าใครก็ตามที่กำลังยอมอดเพื่อให้คนรักอยู่ต่อ ยอมกู้เงินเพื่อคนที่ไม่อยากฟังปัญหาเรา จะได้ฉุกคิดเร็วกว่าเรา
ความรักไม่ควรต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีและความเงียบ ความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถพูดความจริงได้ ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย
และหนี้ ไม่ใช่ตราบาป หนี้คือบทเรียนที่สอนให้เราเข้าใจคุณค่าของการอยู่รอดอย่างมีสติ
ขอให้เรื่องของฉันเป็นกำลังใจให้ใครก็ตามที่วันนี้ยังไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย แต่อย่างน้อย... คุณยังมีแรงจะเริ่มใหม่ได้ค่ะ
“ชีวิตจริงแม่ค้า อดทน : รักที่พูดไม่ได้ กับหนี้ที่กินทั้งชีวิต”
ขอพื้นที่ตรงนี้เล่าเรื่องชีวิตจริง ที่ฉันใช้ชีวิตวนอยู่กับความรู้สึกผิด การถูกตัดพ้อ และหนี้สินที่ไม่เคยจบสิ้น... ไม่ใช่เพื่อขอความสงสาร แต่เพื่อเป็น "กระจก" ให้ใครหลายคนที่กำลังติดอยู่ในวังวนเดียวกัน ได้หยุดและตั้งสติให้เร็วกว่าเรา
ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกแท้ๆ 1 คน และลูกติดของแฟนอีก 1 คนที่ฉันรักเหมือนลูกแท้ๆ เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่อนุบาลสอง
ฉันเปิดร้านขายเคสมือถือ ซ่อมโทรศัพท์ และรับติดฟิล์ม ทำอาหารขายตอนเช้า ชีวิตเหมือนจะไปได้ดี แต่เบื้องหลัง... ฉันแบกหนี้ก้อนใหญ่ ทั้งรายวัน ดอกเบี้ยราย 3 วัน แชร์ และเงินที่หยิบยืมเขามาทุกทางเพราะต้องพยุงร้าน พยุงครอบครัว
แฟนของฉันเคยช่วยทำร้าน แต่เขาไม่ทนกับความกดดัน ทั้งจากตัวฉันเอง และจากปัญหาการเงิน เขาบอกว่าไม่ชอบให้ใครมาบังคับ เขาไม่สามารถอยู่กับปัญหาที่ไม่มีทางออกได้ เขาเลือกไปทำงานไกลบ้าน และพูดกับฉันว่า “ถ้ามีเรื่องหนี้อีก จะทิ้งให้ตายคนเดียวเลย”
ในขณะที่ฉัน... อยู่กับลูก ต้องทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียวในบางวัน แต่ยังต้องยิ้มให้ลูกกินมื้อเที่ยงอย่างอิ่มที่สุด ต้องจ่ายเจ้าหนี้รายวันให้ทัน เพราะถ้าไม่ทันจะรีเซ็ตดอกใหม่ทั้งหมด ต้องฟังคำดูถูกว่า “ใครใช้ให้มาทำหนี้” หรือ “ไม่เก็บเงินก็สมควรแล้ว” จากคนที่ไม่เคยรู้เลยว่า ฉันไม่ได้ใช้เงินเพื่อซื้อกระเป๋าแบรนด์ ฉันใช้มันซื้อไข่ ซื้อข้าว ซื้อโอกาสให้ลูกอยู่รอดแค่นั้น
เคยร้องไห้กลางดึกเพราะหมากินของที่เตรียมไว้ขาย สูญเงิน 1,000 บาทที่ไม่มีวันจะหาใหม่ได้ทันพรุ่งนี้เช้า เคยถูกลูกค้าจะฟ้องร้องเพราะเคลมเครื่องไม่ได้ตามกำหนด ทั้งที่เรากำลังพยายามที่สุดแล้ว
เมื่อไม่ไหว ฉันไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ ไปที่สำนักงานเขตและขอคำแนะนำจาก พม. (พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) และต่อมาพวกเขาก็ส่งเรื่องให้ สน. เพื่อเจรจาหนี้ เพราะฉันมีเจ้าหนี้รายวันหลายรายมาก
ฉันเคยมีหนี้เจ้าหนี้ชื่อแบ๊ง ต้องจ่ายวันละ 600 บาท รวม 32 วัน พลาดไม่ได้เลย วันไหนไม่จ่ายจะถูกรีเซ็ตสัญญาใหม่ ฉันเจรจาได้สำเร็จแค่บางราย เช่นเจ้าหนี้ชื่อตูน ลดรายวันลงเหลือ 150 บาท แต่บางรายไม่ยอม ลดไม่ได้ ไม่ให้เจรจา เช่นเจ้าหนี้แชร์รายหนึ่ง ซึ่งยืนยันจะคิดดอกต่อไปเหมือนเดิมแม้เราจะอธิบายความลำบากแล้ว
ฉันเคยคิดว่าแฟนจะช่วย แต่เขาบอกว่า "ฉันไม่รู้จะช่วยยังไง" เขาเคยให้ฉัน 3,000 เพื่อไปตัดหนี้ดอกรายวันครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาไปหยิบยืมจากรุ่นพี่มา 5,000 บาท แล้วต้องรับผิดชอบใช้หนี้แทนฉัน และเขาเอาอีก 2,000 ไปจัดวันเกิดให้ลูกที่เขารักมาก
หลังจากนั้น เขาตัดสินใจไปทำงานต่างจังหวัดกับรุ่นพี่เพื่อหาเงินใช้หนี้ของเขาเอง และไม่เคยให้ฉันพูดถึงหนี้อีก เขาเคยพูดแรงๆ ว่า “ต่อไปนี้อย่าเอาปัญหามาให้ ฉันจะไม่ยุ่งอีกแล้ว จะหาอะไรก็หาเอง ฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น"
แต่ถึงแม้เขาจะพูดแบบนั้น ฉันไม่ได้โกรธ ไม่ได้โทษเขาเลย ฉันรู้ดีว่าเขาเองก็เจ็บปวดและเครียดไม่ต่างกัน ฉันยังขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ที่แม้จะไม่ได้ช่วยในทุกอย่าง แต่เขาเคยยื่นมือมาช่วยฉันในจังหวะที่ฉันแทบจะล้ม ขอบคุณที่เขาให้ที่อยู่อาศัย ให้ฉันกับลูกมีที่นอน มีหลังคาในวันที่ไม่มีใคร
ฉันเคยไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะไม่มีข้าวให้ลูกกินในวันรุ่งขึ้น เคยนั่งทำของขายทั้งคืน หวังว่าจะขายหมดเพื่อเอาเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ แต่ของโดนสุนัขกินหมดเสียก่อน ขาดทุนอีกพันบาท แล้วต้องเริ่มใหม่ด้วยความว่างเปล่า
ฉันเคยโทรหาเจ้าหนี้ เพื่อขอเจรจา ขอเลื่อน ขอแบ่งจ่าย ขอแม้แต่การยอมให้หักต้นหนี้บางส่วน ทุกการเจรจาไม่ใช่ความสำเร็จ แต่ฉันทำทุกทางเพื่อไม่ให้ลูกอด ฉันเคยไม่กล้าพูดเรื่องหนี้กับแฟน เพราะฉันรู้ว่าเขาจะไม่ช่วย และกลัวจะโดนไล่ออกจากบ้านที่เขาให้พักอยู่ด้วย
ตอนที่ไม่มีทางออก ฉันเคยคิดว่าจะหนี หรือหายไปจากโลกนี้ แต่เมื่อเห็นหน้าลูก ฉันก็คิดใหม่ว่า ถ้าฉันไม่อยู่ ใครจะดูแลลูกฉัน ใครจะสู้แทนฉันได้
ฉันเริ่มใหม่ทุกวันแม้ไม่มีเงินในกระเป๋า ฉันทำงานบ้าน จัดของ เตรียมโพสต์ขายของเก่า วางแผนหาเงินทีละ 200–500 บาท เพื่อให้ลูกได้กิน 3 มื้อ และเก็บไว้เป็นทุนสำรองเพื่อย้ายออกหากจำเป็น
ตอนนี้ฉันยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง แต่ฉันกำลังค่อยๆ ถอยออกจากจุดที่เคยกลืนฉันไปทั้งชีวิต
เรื่องนี้ไม่ได้เล่าเพื่อให้ใครมาช่วยเหลือ หรือเวทนา แต่หวังว่าใครก็ตามที่กำลังยอมอดเพื่อให้คนรักอยู่ต่อ ยอมกู้เงินเพื่อคนที่ไม่อยากฟังปัญหาเรา จะได้ฉุกคิดเร็วกว่าเรา
ความรักไม่ควรต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีและความเงียบ ความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถพูดความจริงได้ ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย
และหนี้ ไม่ใช่ตราบาป หนี้คือบทเรียนที่สอนให้เราเข้าใจคุณค่าของการอยู่รอดอย่างมีสติ
ขอให้เรื่องของฉันเป็นกำลังใจให้ใครก็ตามที่วันนี้ยังไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย แต่อย่างน้อย... คุณยังมีแรงจะเริ่มใหม่ได้ค่ะ