http://pantip.com/topic/30044265
Link ของตอนที่ 1 ครับ
http://pantip.com/topic/30458341
Link ของตอนที่ 2 ครับ
ฝ่ายหญิงเดินเข้ามาหาผมในขณะที่กำลังยืนแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำแล้วบอกกับผมว่า "ชั้นกับสามีเราทะเลาะกันอีกแล้วแต่ครั้งนี้มันเกินกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สามีชั้นบอกว่าเราอาจจะขายบ้านหลังนี้และคงต้องส่งเธอกลับไปอยู่เมืองไทย" ผมก็งงดิ อะไรว่ะ จะมาส่งกูกลับบ้านทำไมสัญญาก็ระบุเอาไว้ว่าสามารถเปลี่ยนบ้านได้ ผมเลยพูดสวนกลับไปว่า"ชั้นขอหาบ้านใหม่ ขอบคุณครับ" แค่นั้นที่ผมบอกแต่ก็ตามฟอร์มเธอ "อย่าบอกสามีชั้นนะว่าชั้นมาบอกเธอเรื่องนี้" จนขนาดนี้แล้วเธอก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากเอาเท้ายันหน้ามันมากบอกไว้เลย โมโหสุดๆ คืนนั้นผมแทบไม่ได้นอนติดต่อทุกคนเท่าที่ทำได้ว่าจะเปลี่ยนบ้าน โทรหาพี่คนไทย โทรหาเอเจนซี่ โทรหาป้าที่รู้จัก สุดท้ายผมมาได้ข้อมูลบ้านใหม่จากพี่คนไทยที่เป็นออแพร์ด้วยกัน ตอนนั้นมันหลายอย่างในความคิดกลับบ้านไทยดีไหม ทำไงดี ต้องยอมรับเลยว่าสภาพจิตใจค่อนข้างแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมได้ติดต่อกับบ้านใหม่คืนวันนั้นเลยเราคุยกันทาง sms และเป็นจังหวะที่ดีมากเพราะเค้ายังไม่มีออแพร์เลยแล้วก็กำลังหาอยู่
เหตุการณ์เกิดขึ้นวันอาทิตย์และพอวันพุธผมก็เดินทางไปคุยกับบ้านหลังใหม่โดยขอฮอลิเดย์ 1 วันกับบ้านเดิม เป็นสัญญานดีที่บ้านใหม่พอได้คุยกับผมแล้วเค้ารับเลยเอาเลย รอแค่เราเคลียกับบ้านเก่าให้เรียบร้อยละมาได้เลย(เดี๋ยวผมจะมาเล่าเรื่องกฎเกณฑ์การย้ายบ้านของออแพร์ให้ฟัง) เย็นวันนั้นผมตัดสินใจขอคุยกับ 2 สามีภรรยาคู่นั้นและบอกไปเลยว่า"ชั้นจะเปลี่ยนครอบครัวนะ ขอเวลา 2 อาทิตย์ ถ้าหาบ้านไม่ได้จะกลับไทย(ในใจตอนนั้นคือมีบ้านแล้วแต่ไม่บอกพวกมันแค่นั้นเอง)" ฝั่งพ่อไม่พอใจมาก "ทำไมจะเปลี่ยนมีเหตุผลอะไร" ผมก็เลยบอกว่า "คุณทะเลาะกันบ่อยมาก ไม่เคยนึกถึงคนอาศัยด้วยเลยและยังบังคับให้ผมต้องกินอาหารแบบพวกคุณอีก ไหนจะเรื่องส่วนตัวผมอีก ขอโทษที่จะไป แต่ตามสัญญาแล้วผมทำได้เพียงแจ้งให้ทราบเท่านั้นเอง" พ่อมันพูดต่อมาว่า "ไม่ได้ !! เธอเป็นออแพร์บ้านชั้น ชั้นเอาเธอมานี่เธอต้องอยู๋จนสัญญาหมด ชั้นเป็นนายจ้างเธอ เธอเป็นลูกจ้างชั้น ชั้นจ่ายค่าเรียนและค่าประกันสุขภาพให้เธอ เธอไม่มีสิทธืย้ายไปไหน ต้องอยู่ที่นี่ !!! " ผมโมโหนะครับ โมโหมากแต่ก็นั่งยิ้มๆมุมปาก แต่ในใจสั่นๆแล้วเพราะไม่เคยต้องมาเถียงกับฝรั่งภาษาเราก็ไม่ดีแต่ก็ย้อนกลับไปนะว่า "เธอกลับไปดูสัญญาใหม่ไหม ? ชั้นสามารถย้ายบ้านได้แต่ต้องบอกให้ครอบครัวรู้ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ ไปดูสิ" เค้าสวนกลับมาว่า "ไม่ใช่ ต้อง 1 เดือน" ผมก็เถียงอีกว่า "ไม่ใช่แค่ 2 อาทิตย์ ไปดูสัญญา" เค้าลุกขึ้นครับไปดูสัญญาที่ผมบอกเค้าแล้วก็กลับลงทำหน้าไม่พอใจก็ผมบอกแล้วไงว่ามัน 2 อาทิตย์ ฮ่าๆๆ ความร้ายของบ้านนี้มันไม่หมดเท่านี้นะครับ มันชอบเล่นละครตบตาผู้คนนอกว่าแสร้งว่าครอบครัวอบอุ่นและร่ำรวยมาก แต่กว่าผมจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เกือบโดนมันส่งกลับไทยแล้ว
หลังจากที่เกิดเรื่องผมรีบประสานกับทางเอเจนซี่ทันทีว่าเราได้ครอบครัวใหม่แล้ว ติดต่อไปทางครอบครัวและทำสัญญากันได้เลย ผมปรึกษาเพื่อนออแพร์ที่เคยย้ายบ้านเค้าก็บอกว่าเราต้องทำจดหมายยกเลิกสัญญาด้วยเพื่อนผมน่ารักครับส่งจดหมายมาให้ผมเป็นตัวอย่างด้วย ผมรีบไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทำบัตรให้ผมตอนมาถึงถามเค้าทุกอย่างว่าต้องยังไงเรื่องย้ายบ้านใหม่ เค้าน่ารักมากครับตอบทุกอย่างให้ข้อมูลดีมาก ตอนนี้ข้อมูลผมพร้อมมากรอแค่บ้านที่ผมอยู่มันจะเล่นอะไรกับผมอีกละแล้วก็เป็นไปตามคาดฝั่งผู้เป็นพ่อมาบอกว่า "เธอต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะว่าเธอจะไปแล้ว ไปเอาชื่อออกจากบ้านด้วย แต่ชั้นเกรงว่าหน้าจะไม่ง่ายเพราะเธอคงหาบ้านได้ไม่ทันหรอก" มันรู้จักผมน้อยไป ฮ่าๆๆ พอพูดจบผมก็ อืมๆอะ ไม่รู้ไปต่อความยาวทำไม ผมทำทุกอย่างปกตินะงานก็ทำเหมือนเดิมน้องก็ดูแลเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือผมไม่พูดไม่คุยไม่ยุ่งอะไรอีกเลย ถ้าไม่มีคำถามจากเค้าผมจะไม่พูดอะไร ระหว่างรอวันย้ายบ้านก็แอบไปถ่ายเอกสารของผมที่เค้าไม่ให้ผมเก็บ(แต่พาสปอร์ตผมไม่ให้นะเก็บติดจัวตลอด) ผมไปเอากระเป๋ามาเก็บของโดยที่เค้าไม่รุ้ว่าผมเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว ผมเริ่มเก็บกวาดห้องเก็บเสื้อ หนังสือ รองเท้า เข้ากระเป๋า เอาเป็นว่าถึงวันย้ายผมหยิบละออกได้เลย
ผมต้องย้ายออกวันจันทร์แต่พอวันอาทิตย์ผมมีปากเสียงกับคนเป็นพ่ออีกครั้ง เนื่องจากเค้าแกล้งล็อคประตูบ้านและจะหาเรื่องผมตอนเข้าบ้านทั้งๆที่ผมส่ง sms บอกภรรยาเค้าแล้วว่าไม่ต้องล็อคซึ่งปกติก็จะไม่ล็อค เค้าพูดขึ้นมาก่อนว่า"เธอไม่คิดจะเล่นกับลูกพวกชั้นเป็นครั้งสุดท้ายเหรอ" ผมบอกว่า "มันวันหยุดผมและผมก็อยู่กับน้องไปแล้วตอนเวลาทำงาน คุณมีอะไรรึเปล่า" เค้าบอกว่า "เธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนะ" ผมก็ถามอีกว่า "อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจะถามเรื่องนี้เหรอ ? " เค้าก็เลยบอกว่า "ชั้นขอกุญแจบ้านคืน ขอกุญแจจักรยานคืน ขอของทุกอย่างคืน และก่อนนจะไปเธอทำความสะอาดห้องที่อยู่รึยัง ? " ผมเลยบอกว่า "รอซักครู่ เดี๋ยวผมมา" ผมเดินมาพร้อมกับของที่เค้าอยากได้ทุกอย่างและตอบกลับเค้าไปว่า "ชั้นทำความสะอาดให้คุณแล้ว เชิญมาดูที่ห้องได้เลย" เค้าก็เดินตามผมมาครับ ยังแต่มันยังไม่จบนะ... เค้าพูดต่ออีกว่า "พรุ่งนี้เธอออกจากบ้านไม่ได้ เธอไม่มีสัญญาบ้านใหม่ เธอไม่มีประสุขภาพที่บ้านใหม่ ชั้นไม่ให้เธอไป ถ้ากล้าออกจากบ้านชั้นจะแจ้งตำรวจมาจับเธอ" บ๊ะ บ๊ะ บ๊ะ มันเห็นคนไทยโง่เหรอผมอยากรู้จริงๆก่อนมันจะพูดอะคิดซักนิดไหมว่าเราอ่านหนังสือออก เราเรียนจบป.ตรีมานะ กูมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไอบ้าาาาาา บ้าไปแล้ว ผมเลยย้อนไปว่า "จะแจ้งตำรวจเหรอ เชิญเลย คุณสามารถแจ้งตำรวจได้เลยไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องสัญญาบ้านใหม่ผมคงไม่มีตอนนี้หรอกเพราะเค้ารอผมไปเซ็นที่บ้านเค้า ประกันสุขภาพเค้าก็ทำให้แล้วเอกสารมันก็อยู่บ้านเค้าและพรุ่งนี้ผมก็จะไปจากที่นี่ คุณจะแจ้งตำรวจก็เรื่องของคุณ ผมไม่มีปัญหานะ" แล้วผมก็ยืนยิ้มๆเพราะอะไรรู้ไหม ? เพราะผมสืบมาหมดแล้ว เค้าแจ้งตำรวจมาจับเราไม่ได้ เรามาแบบถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตทำงาน เอกสารทุกอย่างเรามีพร้อม บ้านใหม่ที่เราจะไปก็มีแล้วตำรวจจะมาจับเพื่ออะไรผมก็งงกับเค้า พอจบประโยคผมพูดเค้าก็ไม่หยุดอีก "เอาชื่อโฮสบ้านใหม่และที่อยู่มาให้เค้า ไม่งั้นไม่ต้องไปไหน" ผมก็บอกว่า " ไม่มี(ตามจริงอะมีแต่ไม่ให้อะครับ ไม่รู้จักให้มันทำไม) เค้าก็บอกว่า "ชั้นจะเธอแค่ 1 นาทีจะไม่เอามาให้จะได้มีเรื่องกัน" ห๊ะ !!! อะไรของมันอะ นี่มันอายุเท่าไหร่อะ จะเอาอะไรก็จะเอาให้ได้เลยเดี๋ยวนั้นตรงนั้น ผมพอเข้าใจครับเพราะว่าไม่เคยมีใครกล้าเถียงหรือขัดกับเค้าแบบนี้เลยในบ้าน ทุกคนยอมเค้า เค้าสั่งอะไรทุกคนต้องทำตามไม่งั้นจะเป็นเรื่องครับ เค้าเริ่มเสียงดังใส่ผมขึ้นเลื่อยๆฝ่ายภรรยาเหมือนจะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะดีก็เลยเดินลงมา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น บ้าไง ปัญญาอ่อนปะว่ะ เถียงกันโครมครามและเรื่องที่เกิดมันก็มาจากตัวนั้นแหละ ที่ทำตัวเป็นนก 2 หัวพูดจาไม่รักษาคำพูดตัวเอง แต่ผมก็อธิบายให้คนเป็นแม่ฟังแล้วบอกว่าขอตัวเข้าห้องนะครับ ราตรีสวัสดิ์ ผมก็เดินเข้าห้องเลย
เช้าวันที่ต้องย้ายบ้านเป็นวันจันทร์ครับผมอะบอกตรงๆว่าอยากจะขอลาโฮสแม่ซักหน่อย อยากคุยกับเค้าส่วนตัวแต่เค้าก็น่ารักมากนะครับ ตอนที่สามีเค้าเดินมาหาผมและบอกว่า "ไปเอากระเป๋ามาเลยเพราะดูเหมือนคุณคงไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีก" ผมก็พูดกับเค้าดีๆนะครับว่า "ขอเอากระเป๋าไว้ที่นี่ได้ไหมเพราะอยากจะคุยอะไรเล็กๆน้อยๆกับโฮสมัมซักหน่อย" เรามาดูความน่ารักของโฮสมัมกันครับ เธอพูดว่า "ชั้นไม่ว่างคุยกับเธอหรอกนะ ชั้นมีอย่างอื่นต้องทำ" อ่าว ... คุณผู้หญิงสันดารยังห_าจนวันสุดท้ายอีกนะครับ ผมก็เว๋อดิมันพูดมางี้อ่ะ ก็เลยไม่ตอบอะไรแค่คิดอย่างเดียวว่าระวังตัวไว้นะครับ เพราะถ้าวันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นอย่ามาว่าหาว่าผมใจดำ(มันมีเหตุการณ์ครับ ทีละตอนๆฮ่าๆๆๆ) ตัดกลับมาที่กระเป๋าผมนะครับ กระเป๋าผมหนักมากเค้าไม่ช่วยแม้แต่จะยกกระเป๋าเลย เค้าขับรถพาผมไปที่ Rathause ของเมืองครับ พอไปถึงผมก็ยกกระเป๋าลงเองฝนก็ตก ถนนลื่น แฉะมากครับ หลังจากนั้นผมก็เดินไปพบเจ้าหน้าที่ครับ
อารมณ์ตอนนี้เหมือนจะอยากเอาพลุมาจุดมากแต่ต้องใจเย็น เพราะมันจ้องจะแจ้งตำรวจจับผม มันจ้องจะให้เจ้าหน้าที่บอกว่าผมย้ายบ้านไม่ได้ มันจ้องจะเห็นความพินาศจากผมอยู่ ฮ่าๆๆ ผมนั่งลงและยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่ในใจหน้าหงายแน่ๆ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มบทสนทนาด้วยการ Guten Morgen เพราะมันเช้าอยู่อะครับ จากนั้นมันก็พล่ามมมมมมไปอะไรของมันอ่ะ ฟังไม่ทันหรอกจับๆเอาแค่มันบอกเค้าว่า "ออแพร์จะย้ายบ้าน แต่ตามสัญญาเค้ามากับผม เค้าสามารถย้ายได้เหรอ ?" ผมไม่อยากจะด่าแทนเจ้าหน้าที่(ไอค_ายเอ้ยยย สัญญาก็มีอ่านเข้าไปดิ) เจ้าหน้าที่น่ารักจริงๆครับตอบทุกอย่างเหมือนเดิมหมดเลยเหมือนที่ผมเคยมาคุยเอาไว้แล้ว เธอพูดมาว่า "ย้ายได้ แต่ต้องหาบ้านใหม่ให้ได้ภายใน 2 อาทิตย์ ไม่ต้องเอาชื่อออกจากบ้านเก่า เพราะเดี๋ยวไปบ้านใหม่แล้วเอาชื่อเข้าที่นั้นได้เลย ระบบจะดึงข้อมูลเราไปอัตโนมัติ" หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ขอใบอนุญาตทำงานจากผมครับและเขียนสลักหลังให้ว่าผมกำลังจะย้ายออกจากเมืองเก่าแล้วก็ลงวันที่ครับ อิอิ ฮ่าๆๆๆ โอสพ่อมันลุกขึ้นออกจากโต๊ะเลยครับ แสดงอาการมากว่าไม่พอใจ ส่วนผมก็นั่งยิ้มมองหน้าเจ้าหน้าที่ แล้วก็รอเค้าเขียนสลักหลังให้เสร็จ ผมอยากตะโกนออกไปดังๆๆๆๆ อยากตะโกนใส่หน้ามันครับ อยากด่ามันให้หยาบคาย ผมแค้นที่มันแสร้งเล่นละครตบตาผมทั้งคู่ผัว-เมีย มันยังมีหน้ามา ยกมือไหว้สวัสดีผมอีกนะครับ โถ่คนไทยอ่ะ ถ้าจะยกมือไหว้ผ่านๆอ่ะ ก็กองก็ไว้ตรงนั้นอ่ะ ผมไม่รับไหว้ครับ ยืนเฉยๆหลังจากเหตุการณ์ตรงนั้นผมไม่ติดต่อกับพวกมันอีกเลย
เหตุการณ์ทั้งหมดผมมีป้าคนไทยในเมืองเดียวกันให้กำลังใจมาตลอดครับ บ้านเราใกล้กันมากระหว่างที่ผมอาศํยอยู่ที่เมืองเดิม ผมใจได้ดีครับ วันที่ 11 มีนาคม 2013 ป้าบอกผมว่า "ออกจากบ้านมันได้มาหาป้า มากินข้าวกันก่อนที่ชิณจะย้ายเมืองนะลูก" ป้าจัดกับข้าวชุดใหญ่รอผมเลยครับ พร้อมกับที่นอนอีก 1 คืนก่อนจะเดินทางสู่บ้านหลังใหม่ ผมอบอุ่นมาก เหมือนผมได้กลับบ้านไปหาแม่ผมเอง ผมถึงบ้านป้าตั้งแต่เช้าครับ พอไปถึงก็นอนเลยเหนื่อยมากครับ เครียดตลอดระยะเวลา 2 อาทิตย์สุดท้ายที่มีปัญหากับครอบครัวเก่าและดูเหมือนผมจะเป็นไข้นิดๆเลยกินยาและหลับไปครับ ตื่นมาอีกทีก็กินข้าวเที่ยงแล้วก็นอนอีก แล้วก็มากินข้าวเย็นแล้วก็นอน ป้าปล่อยผมนอนป้ามาบอกผมว่า "พักผ่อนให้เต็มที่เพราะเดี๋ยวไปบ้านใหม่ก็ต้องเหนื่อยอีก" เช้าวันที่ 12 มีนาคม 2013 ตื่นเร็วหน่อยครับเพราะเมื่อคืนนอนอิ่มแล้ว ตื่นมาป้าเตรียม ข้าว ไก่ทอด ผัดผัก โอ้ยยยยยย ผมบอกเลยนะครับ 3 เดือนที่ผมมาอยู่ที่เมืองนี้ผมมีป้ามาตลอด ไม่รู้อะไรทำให้เรามาเจอกัน ครอบครัวป้าน่ารักมากครับ น้องๆพูดภาษาไทย อังกฤษ เยอรมัน ส่วนสามีป้าก็น่ารักครับใจดี เจอกันทีไรทักทายตลอดๆ ไม่เพียงแต่เตรียมข้าวเช้าให้ผมนะครับ ยังมีน้ำพริกอีก 2 กระปุก ป้าบอกว่า "เอาไว้กินที่บ้านใหม่ไม่รุ้จะมีคนไทยไหม" แล้วก็เอาขนมกับน้ำวางไว้บอกว่า "เอาไว้กินบนรถไฟนะชิณ" เห้ออออ ผมอะไม่รู้จะไปตอบแทนป้าได้ยังไง บุญคุญครั้งนี้มันมากมาย ต่างบ้านต่างเมืองไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจออะไรแบบนี้
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จผมก็มาเตรียมของเตรียมขึ้นรถครับ สามีป้าไปส่งครับ... ผมเดินทางจาก Basel(Switzerland) ไปที่ Baden-Baden(Germany) ครับ และที่นั้นแหละครับคือบ้านใหม่ผมเรื่องราวของผมกำลังจะเริ่มใหม่อีกครั้งที่บ้านหลังนี้แหละครับ มันไม่ดีอะไรมาก แต่ก็ไม่แย่เท่าบ้านหลังเดิม รวมๆเลย ทน ทน ทน และ ทน เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนที่ 4 ครับ ตอนหน้านี้มันจะมีเรื่องของบ้านเก่าเข้ามาวุ่นวายด้วย ทำไมเค้าต้องติดต่อผมกลับมา เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวที่แสร้งว่าดี เดี๋ยวมาอ่านกันต่อครับ
เรามาดูกันว่าการมาเป็นออแพร์ที่เยอรมันต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง ทั้ง ช/ญ
ฮ่าๆๆๆ ผมโดนจำกัดข้อความไม่เกิน 10000 ตัวอักษร เดี๋ยวรอบหน้ามาต่อให้หมดเลยครับ
ขอบคุณที่คิดตามอ่าน ตามชมกัน /// สวัสดีครับ
เรื่องเล่าจาก Aupair(ชาย) ที่ประเทศเยอรมัน ตอนที่ 3
Link ของตอนที่ 1 ครับ
http://pantip.com/topic/30458341
Link ของตอนที่ 2 ครับ
ฝ่ายหญิงเดินเข้ามาหาผมในขณะที่กำลังยืนแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำแล้วบอกกับผมว่า "ชั้นกับสามีเราทะเลาะกันอีกแล้วแต่ครั้งนี้มันเกินกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สามีชั้นบอกว่าเราอาจจะขายบ้านหลังนี้และคงต้องส่งเธอกลับไปอยู่เมืองไทย" ผมก็งงดิ อะไรว่ะ จะมาส่งกูกลับบ้านทำไมสัญญาก็ระบุเอาไว้ว่าสามารถเปลี่ยนบ้านได้ ผมเลยพูดสวนกลับไปว่า"ชั้นขอหาบ้านใหม่ ขอบคุณครับ" แค่นั้นที่ผมบอกแต่ก็ตามฟอร์มเธอ "อย่าบอกสามีชั้นนะว่าชั้นมาบอกเธอเรื่องนี้" จนขนาดนี้แล้วเธอก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากเอาเท้ายันหน้ามันมากบอกไว้เลย โมโหสุดๆ คืนนั้นผมแทบไม่ได้นอนติดต่อทุกคนเท่าที่ทำได้ว่าจะเปลี่ยนบ้าน โทรหาพี่คนไทย โทรหาเอเจนซี่ โทรหาป้าที่รู้จัก สุดท้ายผมมาได้ข้อมูลบ้านใหม่จากพี่คนไทยที่เป็นออแพร์ด้วยกัน ตอนนั้นมันหลายอย่างในความคิดกลับบ้านไทยดีไหม ทำไงดี ต้องยอมรับเลยว่าสภาพจิตใจค่อนข้างแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมได้ติดต่อกับบ้านใหม่คืนวันนั้นเลยเราคุยกันทาง sms และเป็นจังหวะที่ดีมากเพราะเค้ายังไม่มีออแพร์เลยแล้วก็กำลังหาอยู่
เหตุการณ์เกิดขึ้นวันอาทิตย์และพอวันพุธผมก็เดินทางไปคุยกับบ้านหลังใหม่โดยขอฮอลิเดย์ 1 วันกับบ้านเดิม เป็นสัญญานดีที่บ้านใหม่พอได้คุยกับผมแล้วเค้ารับเลยเอาเลย รอแค่เราเคลียกับบ้านเก่าให้เรียบร้อยละมาได้เลย(เดี๋ยวผมจะมาเล่าเรื่องกฎเกณฑ์การย้ายบ้านของออแพร์ให้ฟัง) เย็นวันนั้นผมตัดสินใจขอคุยกับ 2 สามีภรรยาคู่นั้นและบอกไปเลยว่า"ชั้นจะเปลี่ยนครอบครัวนะ ขอเวลา 2 อาทิตย์ ถ้าหาบ้านไม่ได้จะกลับไทย(ในใจตอนนั้นคือมีบ้านแล้วแต่ไม่บอกพวกมันแค่นั้นเอง)" ฝั่งพ่อไม่พอใจมาก "ทำไมจะเปลี่ยนมีเหตุผลอะไร" ผมก็เลยบอกว่า "คุณทะเลาะกันบ่อยมาก ไม่เคยนึกถึงคนอาศัยด้วยเลยและยังบังคับให้ผมต้องกินอาหารแบบพวกคุณอีก ไหนจะเรื่องส่วนตัวผมอีก ขอโทษที่จะไป แต่ตามสัญญาแล้วผมทำได้เพียงแจ้งให้ทราบเท่านั้นเอง" พ่อมันพูดต่อมาว่า "ไม่ได้ !! เธอเป็นออแพร์บ้านชั้น ชั้นเอาเธอมานี่เธอต้องอยู๋จนสัญญาหมด ชั้นเป็นนายจ้างเธอ เธอเป็นลูกจ้างชั้น ชั้นจ่ายค่าเรียนและค่าประกันสุขภาพให้เธอ เธอไม่มีสิทธืย้ายไปไหน ต้องอยู่ที่นี่ !!! " ผมโมโหนะครับ โมโหมากแต่ก็นั่งยิ้มๆมุมปาก แต่ในใจสั่นๆแล้วเพราะไม่เคยต้องมาเถียงกับฝรั่งภาษาเราก็ไม่ดีแต่ก็ย้อนกลับไปนะว่า "เธอกลับไปดูสัญญาใหม่ไหม ? ชั้นสามารถย้ายบ้านได้แต่ต้องบอกให้ครอบครัวรู้ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ ไปดูสิ" เค้าสวนกลับมาว่า "ไม่ใช่ ต้อง 1 เดือน" ผมก็เถียงอีกว่า "ไม่ใช่แค่ 2 อาทิตย์ ไปดูสัญญา" เค้าลุกขึ้นครับไปดูสัญญาที่ผมบอกเค้าแล้วก็กลับลงทำหน้าไม่พอใจก็ผมบอกแล้วไงว่ามัน 2 อาทิตย์ ฮ่าๆๆ ความร้ายของบ้านนี้มันไม่หมดเท่านี้นะครับ มันชอบเล่นละครตบตาผู้คนนอกว่าแสร้งว่าครอบครัวอบอุ่นและร่ำรวยมาก แต่กว่าผมจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เกือบโดนมันส่งกลับไทยแล้ว
หลังจากที่เกิดเรื่องผมรีบประสานกับทางเอเจนซี่ทันทีว่าเราได้ครอบครัวใหม่แล้ว ติดต่อไปทางครอบครัวและทำสัญญากันได้เลย ผมปรึกษาเพื่อนออแพร์ที่เคยย้ายบ้านเค้าก็บอกว่าเราต้องทำจดหมายยกเลิกสัญญาด้วยเพื่อนผมน่ารักครับส่งจดหมายมาให้ผมเป็นตัวอย่างด้วย ผมรีบไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทำบัตรให้ผมตอนมาถึงถามเค้าทุกอย่างว่าต้องยังไงเรื่องย้ายบ้านใหม่ เค้าน่ารักมากครับตอบทุกอย่างให้ข้อมูลดีมาก ตอนนี้ข้อมูลผมพร้อมมากรอแค่บ้านที่ผมอยู่มันจะเล่นอะไรกับผมอีกละแล้วก็เป็นไปตามคาดฝั่งผู้เป็นพ่อมาบอกว่า "เธอต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะว่าเธอจะไปแล้ว ไปเอาชื่อออกจากบ้านด้วย แต่ชั้นเกรงว่าหน้าจะไม่ง่ายเพราะเธอคงหาบ้านได้ไม่ทันหรอก" มันรู้จักผมน้อยไป ฮ่าๆๆ พอพูดจบผมก็ อืมๆอะ ไม่รู้ไปต่อความยาวทำไม ผมทำทุกอย่างปกตินะงานก็ทำเหมือนเดิมน้องก็ดูแลเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือผมไม่พูดไม่คุยไม่ยุ่งอะไรอีกเลย ถ้าไม่มีคำถามจากเค้าผมจะไม่พูดอะไร ระหว่างรอวันย้ายบ้านก็แอบไปถ่ายเอกสารของผมที่เค้าไม่ให้ผมเก็บ(แต่พาสปอร์ตผมไม่ให้นะเก็บติดจัวตลอด) ผมไปเอากระเป๋ามาเก็บของโดยที่เค้าไม่รุ้ว่าผมเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว ผมเริ่มเก็บกวาดห้องเก็บเสื้อ หนังสือ รองเท้า เข้ากระเป๋า เอาเป็นว่าถึงวันย้ายผมหยิบละออกได้เลย
ผมต้องย้ายออกวันจันทร์แต่พอวันอาทิตย์ผมมีปากเสียงกับคนเป็นพ่ออีกครั้ง เนื่องจากเค้าแกล้งล็อคประตูบ้านและจะหาเรื่องผมตอนเข้าบ้านทั้งๆที่ผมส่ง sms บอกภรรยาเค้าแล้วว่าไม่ต้องล็อคซึ่งปกติก็จะไม่ล็อค เค้าพูดขึ้นมาก่อนว่า"เธอไม่คิดจะเล่นกับลูกพวกชั้นเป็นครั้งสุดท้ายเหรอ" ผมบอกว่า "มันวันหยุดผมและผมก็อยู่กับน้องไปแล้วตอนเวลาทำงาน คุณมีอะไรรึเปล่า" เค้าบอกว่า "เธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนะ" ผมก็ถามอีกว่า "อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจะถามเรื่องนี้เหรอ ? " เค้าก็เลยบอกว่า "ชั้นขอกุญแจบ้านคืน ขอกุญแจจักรยานคืน ขอของทุกอย่างคืน และก่อนนจะไปเธอทำความสะอาดห้องที่อยู่รึยัง ? " ผมเลยบอกว่า "รอซักครู่ เดี๋ยวผมมา" ผมเดินมาพร้อมกับของที่เค้าอยากได้ทุกอย่างและตอบกลับเค้าไปว่า "ชั้นทำความสะอาดให้คุณแล้ว เชิญมาดูที่ห้องได้เลย" เค้าก็เดินตามผมมาครับ ยังแต่มันยังไม่จบนะ... เค้าพูดต่ออีกว่า "พรุ่งนี้เธอออกจากบ้านไม่ได้ เธอไม่มีสัญญาบ้านใหม่ เธอไม่มีประสุขภาพที่บ้านใหม่ ชั้นไม่ให้เธอไป ถ้ากล้าออกจากบ้านชั้นจะแจ้งตำรวจมาจับเธอ" บ๊ะ บ๊ะ บ๊ะ มันเห็นคนไทยโง่เหรอผมอยากรู้จริงๆก่อนมันจะพูดอะคิดซักนิดไหมว่าเราอ่านหนังสือออก เราเรียนจบป.ตรีมานะ กูมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไอบ้าาาาาา บ้าไปแล้ว ผมเลยย้อนไปว่า "จะแจ้งตำรวจเหรอ เชิญเลย คุณสามารถแจ้งตำรวจได้เลยไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องสัญญาบ้านใหม่ผมคงไม่มีตอนนี้หรอกเพราะเค้ารอผมไปเซ็นที่บ้านเค้า ประกันสุขภาพเค้าก็ทำให้แล้วเอกสารมันก็อยู่บ้านเค้าและพรุ่งนี้ผมก็จะไปจากที่นี่ คุณจะแจ้งตำรวจก็เรื่องของคุณ ผมไม่มีปัญหานะ" แล้วผมก็ยืนยิ้มๆเพราะอะไรรู้ไหม ? เพราะผมสืบมาหมดแล้ว เค้าแจ้งตำรวจมาจับเราไม่ได้ เรามาแบบถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตทำงาน เอกสารทุกอย่างเรามีพร้อม บ้านใหม่ที่เราจะไปก็มีแล้วตำรวจจะมาจับเพื่ออะไรผมก็งงกับเค้า พอจบประโยคผมพูดเค้าก็ไม่หยุดอีก "เอาชื่อโฮสบ้านใหม่และที่อยู่มาให้เค้า ไม่งั้นไม่ต้องไปไหน" ผมก็บอกว่า " ไม่มี(ตามจริงอะมีแต่ไม่ให้อะครับ ไม่รู้จักให้มันทำไม) เค้าก็บอกว่า "ชั้นจะเธอแค่ 1 นาทีจะไม่เอามาให้จะได้มีเรื่องกัน" ห๊ะ !!! อะไรของมันอะ นี่มันอายุเท่าไหร่อะ จะเอาอะไรก็จะเอาให้ได้เลยเดี๋ยวนั้นตรงนั้น ผมพอเข้าใจครับเพราะว่าไม่เคยมีใครกล้าเถียงหรือขัดกับเค้าแบบนี้เลยในบ้าน ทุกคนยอมเค้า เค้าสั่งอะไรทุกคนต้องทำตามไม่งั้นจะเป็นเรื่องครับ เค้าเริ่มเสียงดังใส่ผมขึ้นเลื่อยๆฝ่ายภรรยาเหมือนจะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะดีก็เลยเดินลงมา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น บ้าไง ปัญญาอ่อนปะว่ะ เถียงกันโครมครามและเรื่องที่เกิดมันก็มาจากตัวนั้นแหละ ที่ทำตัวเป็นนก 2 หัวพูดจาไม่รักษาคำพูดตัวเอง แต่ผมก็อธิบายให้คนเป็นแม่ฟังแล้วบอกว่าขอตัวเข้าห้องนะครับ ราตรีสวัสดิ์ ผมก็เดินเข้าห้องเลย
เช้าวันที่ต้องย้ายบ้านเป็นวันจันทร์ครับผมอะบอกตรงๆว่าอยากจะขอลาโฮสแม่ซักหน่อย อยากคุยกับเค้าส่วนตัวแต่เค้าก็น่ารักมากนะครับ ตอนที่สามีเค้าเดินมาหาผมและบอกว่า "ไปเอากระเป๋ามาเลยเพราะดูเหมือนคุณคงไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีก" ผมก็พูดกับเค้าดีๆนะครับว่า "ขอเอากระเป๋าไว้ที่นี่ได้ไหมเพราะอยากจะคุยอะไรเล็กๆน้อยๆกับโฮสมัมซักหน่อย" เรามาดูความน่ารักของโฮสมัมกันครับ เธอพูดว่า "ชั้นไม่ว่างคุยกับเธอหรอกนะ ชั้นมีอย่างอื่นต้องทำ" อ่าว ... คุณผู้หญิงสันดารยังห_าจนวันสุดท้ายอีกนะครับ ผมก็เว๋อดิมันพูดมางี้อ่ะ ก็เลยไม่ตอบอะไรแค่คิดอย่างเดียวว่าระวังตัวไว้นะครับ เพราะถ้าวันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นอย่ามาว่าหาว่าผมใจดำ(มันมีเหตุการณ์ครับ ทีละตอนๆฮ่าๆๆๆ) ตัดกลับมาที่กระเป๋าผมนะครับ กระเป๋าผมหนักมากเค้าไม่ช่วยแม้แต่จะยกกระเป๋าเลย เค้าขับรถพาผมไปที่ Rathause ของเมืองครับ พอไปถึงผมก็ยกกระเป๋าลงเองฝนก็ตก ถนนลื่น แฉะมากครับ หลังจากนั้นผมก็เดินไปพบเจ้าหน้าที่ครับ
อารมณ์ตอนนี้เหมือนจะอยากเอาพลุมาจุดมากแต่ต้องใจเย็น เพราะมันจ้องจะแจ้งตำรวจจับผม มันจ้องจะให้เจ้าหน้าที่บอกว่าผมย้ายบ้านไม่ได้ มันจ้องจะเห็นความพินาศจากผมอยู่ ฮ่าๆๆ ผมนั่งลงและยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่ในใจหน้าหงายแน่ๆ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มบทสนทนาด้วยการ Guten Morgen เพราะมันเช้าอยู่อะครับ จากนั้นมันก็พล่ามมมมมมไปอะไรของมันอ่ะ ฟังไม่ทันหรอกจับๆเอาแค่มันบอกเค้าว่า "ออแพร์จะย้ายบ้าน แต่ตามสัญญาเค้ามากับผม เค้าสามารถย้ายได้เหรอ ?" ผมไม่อยากจะด่าแทนเจ้าหน้าที่(ไอค_ายเอ้ยยย สัญญาก็มีอ่านเข้าไปดิ) เจ้าหน้าที่น่ารักจริงๆครับตอบทุกอย่างเหมือนเดิมหมดเลยเหมือนที่ผมเคยมาคุยเอาไว้แล้ว เธอพูดมาว่า "ย้ายได้ แต่ต้องหาบ้านใหม่ให้ได้ภายใน 2 อาทิตย์ ไม่ต้องเอาชื่อออกจากบ้านเก่า เพราะเดี๋ยวไปบ้านใหม่แล้วเอาชื่อเข้าที่นั้นได้เลย ระบบจะดึงข้อมูลเราไปอัตโนมัติ" หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ขอใบอนุญาตทำงานจากผมครับและเขียนสลักหลังให้ว่าผมกำลังจะย้ายออกจากเมืองเก่าแล้วก็ลงวันที่ครับ อิอิ ฮ่าๆๆๆ โอสพ่อมันลุกขึ้นออกจากโต๊ะเลยครับ แสดงอาการมากว่าไม่พอใจ ส่วนผมก็นั่งยิ้มมองหน้าเจ้าหน้าที่ แล้วก็รอเค้าเขียนสลักหลังให้เสร็จ ผมอยากตะโกนออกไปดังๆๆๆๆ อยากตะโกนใส่หน้ามันครับ อยากด่ามันให้หยาบคาย ผมแค้นที่มันแสร้งเล่นละครตบตาผมทั้งคู่ผัว-เมีย มันยังมีหน้ามา ยกมือไหว้สวัสดีผมอีกนะครับ โถ่คนไทยอ่ะ ถ้าจะยกมือไหว้ผ่านๆอ่ะ ก็กองก็ไว้ตรงนั้นอ่ะ ผมไม่รับไหว้ครับ ยืนเฉยๆหลังจากเหตุการณ์ตรงนั้นผมไม่ติดต่อกับพวกมันอีกเลย
เหตุการณ์ทั้งหมดผมมีป้าคนไทยในเมืองเดียวกันให้กำลังใจมาตลอดครับ บ้านเราใกล้กันมากระหว่างที่ผมอาศํยอยู่ที่เมืองเดิม ผมใจได้ดีครับ วันที่ 11 มีนาคม 2013 ป้าบอกผมว่า "ออกจากบ้านมันได้มาหาป้า มากินข้าวกันก่อนที่ชิณจะย้ายเมืองนะลูก" ป้าจัดกับข้าวชุดใหญ่รอผมเลยครับ พร้อมกับที่นอนอีก 1 คืนก่อนจะเดินทางสู่บ้านหลังใหม่ ผมอบอุ่นมาก เหมือนผมได้กลับบ้านไปหาแม่ผมเอง ผมถึงบ้านป้าตั้งแต่เช้าครับ พอไปถึงก็นอนเลยเหนื่อยมากครับ เครียดตลอดระยะเวลา 2 อาทิตย์สุดท้ายที่มีปัญหากับครอบครัวเก่าและดูเหมือนผมจะเป็นไข้นิดๆเลยกินยาและหลับไปครับ ตื่นมาอีกทีก็กินข้าวเที่ยงแล้วก็นอนอีก แล้วก็มากินข้าวเย็นแล้วก็นอน ป้าปล่อยผมนอนป้ามาบอกผมว่า "พักผ่อนให้เต็มที่เพราะเดี๋ยวไปบ้านใหม่ก็ต้องเหนื่อยอีก" เช้าวันที่ 12 มีนาคม 2013 ตื่นเร็วหน่อยครับเพราะเมื่อคืนนอนอิ่มแล้ว ตื่นมาป้าเตรียม ข้าว ไก่ทอด ผัดผัก โอ้ยยยยยย ผมบอกเลยนะครับ 3 เดือนที่ผมมาอยู่ที่เมืองนี้ผมมีป้ามาตลอด ไม่รู้อะไรทำให้เรามาเจอกัน ครอบครัวป้าน่ารักมากครับ น้องๆพูดภาษาไทย อังกฤษ เยอรมัน ส่วนสามีป้าก็น่ารักครับใจดี เจอกันทีไรทักทายตลอดๆ ไม่เพียงแต่เตรียมข้าวเช้าให้ผมนะครับ ยังมีน้ำพริกอีก 2 กระปุก ป้าบอกว่า "เอาไว้กินที่บ้านใหม่ไม่รุ้จะมีคนไทยไหม" แล้วก็เอาขนมกับน้ำวางไว้บอกว่า "เอาไว้กินบนรถไฟนะชิณ" เห้ออออ ผมอะไม่รู้จะไปตอบแทนป้าได้ยังไง บุญคุญครั้งนี้มันมากมาย ต่างบ้านต่างเมืองไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจออะไรแบบนี้
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จผมก็มาเตรียมของเตรียมขึ้นรถครับ สามีป้าไปส่งครับ... ผมเดินทางจาก Basel(Switzerland) ไปที่ Baden-Baden(Germany) ครับ และที่นั้นแหละครับคือบ้านใหม่ผมเรื่องราวของผมกำลังจะเริ่มใหม่อีกครั้งที่บ้านหลังนี้แหละครับ มันไม่ดีอะไรมาก แต่ก็ไม่แย่เท่าบ้านหลังเดิม รวมๆเลย ทน ทน ทน และ ทน เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนที่ 4 ครับ ตอนหน้านี้มันจะมีเรื่องของบ้านเก่าเข้ามาวุ่นวายด้วย ทำไมเค้าต้องติดต่อผมกลับมา เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวที่แสร้งว่าดี เดี๋ยวมาอ่านกันต่อครับ
เรามาดูกันว่าการมาเป็นออแพร์ที่เยอรมันต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง ทั้ง ช/ญ
ฮ่าๆๆๆ ผมโดนจำกัดข้อความไม่เกิน 10000 ตัวอักษร เดี๋ยวรอบหน้ามาต่อให้หมดเลยครับ
ขอบคุณที่คิดตามอ่าน ตามชมกัน /// สวัสดีครับ