ผมดูเรื่องนี้สองรอบ รอบแรกดูในโรง รอบสองดูทางทีวี ในเรื่องตอนที่นักวิทยาศาสตร์ผู้หญิง ที่ศึกษาไวรัส ฉากตอนที่คุยโทรศัพท์กับตามอร์เฟียส (ที่เป็นหัวหน้า) คือเหมือนเธอบอกว่ายังค้นคว้าต่อ พอฉากต่อมาเป็นภาพกรงลิงที่รักษาหายแล้ว คือตอนดูแล้วแต่ละคนเข้าใจว่ายังไงบ้างครับ
ของผมตอนดูรอบแรกในโรง รู้สึกว่ามันตะหงิดๆนิดนึง เหมือนหนังมันได้เล่าในเชิงเพื่อส่อไปในทางว่า ค้นคว้าและสำเร็จ แต่เหมือนผู้หญิงคนนี้โกหก คือค้นพบวัคซีนแล้วแต่ไม่ยอมบอกใคร ยิ่งพอมาดูรอบสองยิ่งขัดมากกว่าเดิม พอเธอฉีดให้ตัวเองเสร็จ แล้วเดินผ่านคนป่วยเยอะแยะแต่กลับไปฉีดให้พ่อตัวเองก่อน
ความจริงคือตอนดูรอบแรก ผมรู้สึกตรงกันข้ามเลยนะ คือรอบแรกนี่เราตามข้อมูลไปเรื่อยๆแล้วก็ไม่ค่อยทันหนังเท่าไหร่ เพราะโซเดอร์เบิร์กเล่าเรื่องเร็วมากแถมอัดชุดข้อมูลจนเราเองก็เบลอๆ คือรอบแรกน่ะ เข้าใจไปอีกแบบ เข้าใจว่าตอนเธอโทรหามอร์เฟียส ยังหาวัคซีนไม่ได้ พอหาได้ก็ลองทดลองกับตัวเอง ต่อมาก็ทดลองกับพ่อ เพื่อหวังจะช่วยมนุษยชาติ (ยิ่งตอนไปคุยกับพ่อเรื่องนักวิทยาศาตร์ที่สละตัวเองจนได้โนเบลมันยิ่งเสริมประเด็นนี้เข้าไปใหญ่)
แต่พอมาดูรอบสองนี่ตรงกันข้ามเลย ความรู้สึกนี่พลิกกลับสุดๆ แบบเฮ้ย ทำไมตัวละครมันเห็นแก่ตัววะ แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ เพราะในสถานการณ์นั้น เอาตัวเองรอดก่อน แล้วก็เป็นพ่อ เพราะขืนป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ มีหวังก็ต้องพึ่งหวยวัคซีนแบบชาวบ้านทั่วไป สู้รักษาตัวเองก่อน แล้วค่อยบอกคนอื่นดีกว่า แล้วฉากที่มอร์เฟียสคุยกับเธอว่า เธอควรเป็นคนออกไปกล่าวสุนทรพจน์ และยกประโยชน์นี้ให้กับนักวิทยาศาสตร์อย่างเธอ นี่ก็ขัดแย้งอยู่ลึกๆเหมือนกัน คือทั้งโลกน่าจะได้รู้ว่าเธอคิดวัคซีนสำเร็จก็จริง แต่สิ่งที่ทั้งโลกไม่รู้คือเธอเอามันมาใช้ก่อนซะงั้น
คนอื่นดูแล้ว คิดยังไงกับฉากนี้บ้างครับ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมรู้สึกว่า โซเดอร์เบิร์กทำเรื่องนี้ได้สุโค่ยมาก
ถามคนที่เคยดู Contagion ของโซเดอร์เบิร์กหน่อยครับ (สปอยล์)
ของผมตอนดูรอบแรกในโรง รู้สึกว่ามันตะหงิดๆนิดนึง เหมือนหนังมันได้เล่าในเชิงเพื่อส่อไปในทางว่า ค้นคว้าและสำเร็จ แต่เหมือนผู้หญิงคนนี้โกหก คือค้นพบวัคซีนแล้วแต่ไม่ยอมบอกใคร ยิ่งพอมาดูรอบสองยิ่งขัดมากกว่าเดิม พอเธอฉีดให้ตัวเองเสร็จ แล้วเดินผ่านคนป่วยเยอะแยะแต่กลับไปฉีดให้พ่อตัวเองก่อน
ความจริงคือตอนดูรอบแรก ผมรู้สึกตรงกันข้ามเลยนะ คือรอบแรกนี่เราตามข้อมูลไปเรื่อยๆแล้วก็ไม่ค่อยทันหนังเท่าไหร่ เพราะโซเดอร์เบิร์กเล่าเรื่องเร็วมากแถมอัดชุดข้อมูลจนเราเองก็เบลอๆ คือรอบแรกน่ะ เข้าใจไปอีกแบบ เข้าใจว่าตอนเธอโทรหามอร์เฟียส ยังหาวัคซีนไม่ได้ พอหาได้ก็ลองทดลองกับตัวเอง ต่อมาก็ทดลองกับพ่อ เพื่อหวังจะช่วยมนุษยชาติ (ยิ่งตอนไปคุยกับพ่อเรื่องนักวิทยาศาตร์ที่สละตัวเองจนได้โนเบลมันยิ่งเสริมประเด็นนี้เข้าไปใหญ่)
แต่พอมาดูรอบสองนี่ตรงกันข้ามเลย ความรู้สึกนี่พลิกกลับสุดๆ แบบเฮ้ย ทำไมตัวละครมันเห็นแก่ตัววะ แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ เพราะในสถานการณ์นั้น เอาตัวเองรอดก่อน แล้วก็เป็นพ่อ เพราะขืนป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ มีหวังก็ต้องพึ่งหวยวัคซีนแบบชาวบ้านทั่วไป สู้รักษาตัวเองก่อน แล้วค่อยบอกคนอื่นดีกว่า แล้วฉากที่มอร์เฟียสคุยกับเธอว่า เธอควรเป็นคนออกไปกล่าวสุนทรพจน์ และยกประโยชน์นี้ให้กับนักวิทยาศาสตร์อย่างเธอ นี่ก็ขัดแย้งอยู่ลึกๆเหมือนกัน คือทั้งโลกน่าจะได้รู้ว่าเธอคิดวัคซีนสำเร็จก็จริง แต่สิ่งที่ทั้งโลกไม่รู้คือเธอเอามันมาใช้ก่อนซะงั้น
คนอื่นดูแล้ว คิดยังไงกับฉากนี้บ้างครับ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมรู้สึกว่า โซเดอร์เบิร์กทำเรื่องนี้ได้สุโค่ยมาก