ผู้คนทั่วไปยังเข้าใจความผิดฐาน "หมิ่นศาล" ผิดๆ และคลาดเคลื่อนอยู่มาก เมื่อคนไม่เห็น
ด้วยหรือรู้สึกว่าศาลยุติธรรม ศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อำนวยความยุติธรรม
ให้กับคู่ความ หรือมี 2 มาตรฐาน เรื่องเดียวกันเคยวินิจฉัยไว้อย่างหนึ่งกับฝ่ายหนึ่ง ครั้นอีก
ฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องในเรื่องอย่างเดียวกัน ก็วินิจฉัยอีกอย่างหนึ่ง ก็ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์ใน
โต๊ะกาแฟ ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ในที่สาธารณะหรือวิพากษ์วิจารณ์ดังๆ กลัวว่าจะโดยข้อหา
"หมิ่นศาล" กลัวศาลสั่งจำคุกได้เลยโดยไม่ต้องมีการฟ้องร้องกัน
ความเข้าใจเช่นว่านี้มีอยู่ทั่วไป รวมทั้งสื่อมวลชนผู้เป็นปากเสียงให้ประชาชนด้วย เคยอธิบาย
ความผิดฐาน "หมิ่นศาล" ตามประมวลกฎหมายอาญาให้สื่อมวลชนที่เป็นพรรคพวกกันฟังแล้ว
แต่ก็ยังกลัว ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ดังๆ อยู่ดี กลัวว่าถ้าต้องไปขึ้นศาลอีกจะโดนศาลเล่นงานหนักๆ
เช่น ถ้าทำผิดจริงก็จะโดนลงโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดและไม่รอลงอาญา
<
<
<
ในสังคมประชาธิปไตย องค์กรต่างๆ หรือบุคลากรในองค์กรต่างๆ ของรัฐ ซึ่งทำหน้าที่แทนหรือ
ใช้อำนาจรัฐแทนประชาชน ย่อมสมควรที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะจะได้เป็นกระจกให้ผู้ดำรง
ตำแหน่ง สาธารณะ ทำหน้าที่แทนประชาชน ได้เห็นภาพลักษณ์ของตนเอง ว่าสังคมเขามอง
อย่างไร มีความเชื่อถือไว้วางใจแค่ไหนในการทำหน้าที่ของตน
อย่างไรก็ตาม ผู้คนเขาก็เกรงกลัวศาลและผู้พิพากษาอยู่แล้ว กลัวว่าถ้ามีเรื่องกับผู้พิพากษา เพราะ
ถ้าถูกผู้พิพากษาฟ้องฐานหมิ่นเจ้าพนักงานหรือหมิ่นประมาท เพราะกระทำภายหลังหรือก่อนการ
พิจารณาหรือการพิพากษา เขาก็เชื่อกันว่าผู้พิพากษาย่อมจะต้องเข้าข้างผู้พิพากษาด้วยกันอยู่แล้ว
ความรู้สึก ความคิดอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อศาลหรือผู้พิพากษาในฐานะบุคคลเหมือนกัน ทำอย่างไร
จึงจะทำให้ความรู้สึกเช่นว่านี้หมดไปเป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะเป็นของที่ฝรั่งเขาเรียกว่า เป็นคุณค่า
ที่สังคมตั้งให้หรือ "social value" สังคมแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน
เรื่องที่ไม่สบายใจอีกเรื่องคือศาลมักจะใช้เหตุผลว่า
"เนื่องจากจำเลยเคยดำรงตำแหน่งสูง เคยทำ
คุณงามความดีมาก่อนจึงลดโทษให้ หรือเนื่องจากจำเลยเคยดำรงตำแหน่งสูงมาก่อน น่าจะมีความ
ยั้งคิดจึงให้เพิ่มโทษ" ตกลงผู้พิพากษาดำรงตำแหน่งสูงในวงราชการมาก่อน อาจจะเป็นเหตุลด
โทษก็ได้ เพิ่มโทษก็ได้ แล้วแต่ดุลพินิจของศาล ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกๆ
ประชาชนทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน เคยมีตำแหน่งแห่งที่สูงต่ำอย่างไร ควรจะมีความเท่าเทียมกันใน
การแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาหรือความคิดเห็นของผู้พิพากษาของศาลต่างๆ
นั้นทำได้ ไม่ควรกลัวเกินกว่าเหตุ แต่ควรทำด้วยความสุภาพ มีหลักเหตุผลตามหลักวิชา ไม่ใช้ทำ
ด้วยอารมณ์ ผู้พิพากตุลาการจะได้รู้ว่าชาวบ้านเขาคิดอย่างไร
เราจะได้ไม่มีใครว่าเผด็จการโดยศาล
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368094839&grpid=&catid=02&subcatid=0207
วิจารณ์ศาล ของดร.โกร่ง ...เอาแค่ประเด็นที่อ.จ.หยิบยกมา อย่าโยงเรื่องถุงขนม นะคะ
เบื่อแล้ว........บทความยาวค่ะ ตามอ่านจาก link ด้วย
เรื่องศาล ก็ต้องถาม คุณ ทนาย...แห่ง nonแดง หรือคนที่บอกว่า ศาล คือความถูกต้อง ที่ต้องเคารพ
แบบ คุณม่วงคัน.....
ชอบเรื่อง ดุลยพินิจของศาล ของศาล อ่านแล้ว มันส์ดี ... เพื่อนๆ ล่ะคะ คิดยังไง
ตัดสิน ตามพจนานุกรม ก็ผ่านมาแล้ว ตัดสินตามหลักรัฐศาสตร์ ก็บอกมาเอง ....
แล้วต่อไปจะเป็นแบบไหน ....อีก
ไม่หมิ่นศาล โดย วีรพงษ์ รามางกูร .... มติชนออนไลน์
ด้วยหรือรู้สึกว่าศาลยุติธรรม ศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อำนวยความยุติธรรม
ให้กับคู่ความ หรือมี 2 มาตรฐาน เรื่องเดียวกันเคยวินิจฉัยไว้อย่างหนึ่งกับฝ่ายหนึ่ง ครั้นอีก
ฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องในเรื่องอย่างเดียวกัน ก็วินิจฉัยอีกอย่างหนึ่ง ก็ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์ใน
โต๊ะกาแฟ ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ในที่สาธารณะหรือวิพากษ์วิจารณ์ดังๆ กลัวว่าจะโดยข้อหา
"หมิ่นศาล" กลัวศาลสั่งจำคุกได้เลยโดยไม่ต้องมีการฟ้องร้องกัน
ความเข้าใจเช่นว่านี้มีอยู่ทั่วไป รวมทั้งสื่อมวลชนผู้เป็นปากเสียงให้ประชาชนด้วย เคยอธิบาย
ความผิดฐาน "หมิ่นศาล" ตามประมวลกฎหมายอาญาให้สื่อมวลชนที่เป็นพรรคพวกกันฟังแล้ว
แต่ก็ยังกลัว ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ดังๆ อยู่ดี กลัวว่าถ้าต้องไปขึ้นศาลอีกจะโดนศาลเล่นงานหนักๆ
เช่น ถ้าทำผิดจริงก็จะโดนลงโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดและไม่รอลงอาญา
<
<
<
ในสังคมประชาธิปไตย องค์กรต่างๆ หรือบุคลากรในองค์กรต่างๆ ของรัฐ ซึ่งทำหน้าที่แทนหรือ
ใช้อำนาจรัฐแทนประชาชน ย่อมสมควรที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะจะได้เป็นกระจกให้ผู้ดำรง
ตำแหน่ง สาธารณะ ทำหน้าที่แทนประชาชน ได้เห็นภาพลักษณ์ของตนเอง ว่าสังคมเขามอง
อย่างไร มีความเชื่อถือไว้วางใจแค่ไหนในการทำหน้าที่ของตน
อย่างไรก็ตาม ผู้คนเขาก็เกรงกลัวศาลและผู้พิพากษาอยู่แล้ว กลัวว่าถ้ามีเรื่องกับผู้พิพากษา เพราะ
ถ้าถูกผู้พิพากษาฟ้องฐานหมิ่นเจ้าพนักงานหรือหมิ่นประมาท เพราะกระทำภายหลังหรือก่อนการ
พิจารณาหรือการพิพากษา เขาก็เชื่อกันว่าผู้พิพากษาย่อมจะต้องเข้าข้างผู้พิพากษาด้วยกันอยู่แล้ว
ความรู้สึก ความคิดอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อศาลหรือผู้พิพากษาในฐานะบุคคลเหมือนกัน ทำอย่างไร
จึงจะทำให้ความรู้สึกเช่นว่านี้หมดไปเป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะเป็นของที่ฝรั่งเขาเรียกว่า เป็นคุณค่า
ที่สังคมตั้งให้หรือ "social value" สังคมแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน
เรื่องที่ไม่สบายใจอีกเรื่องคือศาลมักจะใช้เหตุผลว่า "เนื่องจากจำเลยเคยดำรงตำแหน่งสูง เคยทำ
คุณงามความดีมาก่อนจึงลดโทษให้ หรือเนื่องจากจำเลยเคยดำรงตำแหน่งสูงมาก่อน น่าจะมีความ
ยั้งคิดจึงให้เพิ่มโทษ" ตกลงผู้พิพากษาดำรงตำแหน่งสูงในวงราชการมาก่อน อาจจะเป็นเหตุลด
โทษก็ได้ เพิ่มโทษก็ได้ แล้วแต่ดุลพินิจของศาล ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกๆ
ประชาชนทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน เคยมีตำแหน่งแห่งที่สูงต่ำอย่างไร ควรจะมีความเท่าเทียมกันใน
การแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาหรือความคิดเห็นของผู้พิพากษาของศาลต่างๆ
นั้นทำได้ ไม่ควรกลัวเกินกว่าเหตุ แต่ควรทำด้วยความสุภาพ มีหลักเหตุผลตามหลักวิชา ไม่ใช้ทำ
ด้วยอารมณ์ ผู้พิพากตุลาการจะได้รู้ว่าชาวบ้านเขาคิดอย่างไร
เราจะได้ไม่มีใครว่าเผด็จการโดยศาล
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368094839&grpid=&catid=02&subcatid=0207
วิจารณ์ศาล ของดร.โกร่ง ...เอาแค่ประเด็นที่อ.จ.หยิบยกมา อย่าโยงเรื่องถุงขนม นะคะ
เบื่อแล้ว........บทความยาวค่ะ ตามอ่านจาก link ด้วย
เรื่องศาล ก็ต้องถาม คุณ ทนาย...แห่ง nonแดง หรือคนที่บอกว่า ศาล คือความถูกต้อง ที่ต้องเคารพ
แบบ คุณม่วงคัน.....
ชอบเรื่อง ดุลยพินิจของศาล ของศาล อ่านแล้ว มันส์ดี ... เพื่อนๆ ล่ะคะ คิดยังไง
ตัดสิน ตามพจนานุกรม ก็ผ่านมาแล้ว ตัดสินตามหลักรัฐศาสตร์ ก็บอกมาเอง ....
แล้วต่อไปจะเป็นแบบไหน ....อีก