ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/30235563
ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/30364395
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/30401020
ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/30408217
ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/30423396
ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/30439305
ตอน โครเอเชียมิใช่เนื้อคู่
ชีวิตต้องสู้
ตื่นมาตั้งแต่เจ็ดโมง ปวดท้องรายเดือนตามแบบผู้หญิง วันนี้เป็นวันเดินทางด้วย สงสัยจะตายคารถทัวร์
ตามตารางเวลา เขาว่าใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที!
ฉันนั่งตัวพับตัวอ่อน หลับๆตื่นๆไปตลอดทาง รถทัวร์จอดให้ลงไปเข้าห้องน้ำบ่อยมาก คนขับรถก็ดูสบ้ายสบาย ลงรถปุ๊บ ยืนกินกาแฟเม้าท์กัน
การเดินทางแบบหวานเย็น ประมาณว่าจะถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง ที่ว่า 6 ชั่วโมง 30 นาทีนี่ ถือว่าเป็นเรื่องในฝัน เพราะความเป็นจริงนั้นห่างไกลความฝันไปเกินชั่วโมง
เฮ้อ!
เมื่อรถทัวร์จอดที่สถานีปลายทางที่ซาเกร็บ ฉันเดินกะปลกกะเปลี้ยออกไปขึ้นรถรางหน้าสถานีรถทัวร์ จุดหมายของฉันอยู่ที่โฮสเทลชื่อ นางหมีโฮโบ (Hobo Bear Hostel)
มองฟ้าผ่านกระจกรถราง ท้องฟ้ามืดครึ้ม โครเอเชียกับฉันชะรอยจะไม่ใช่เนื้อคู่ อากาศไม่เคยเป็นใจ พอไปถึงโฮสเทล ฉันก็เก็บของเข้าตู้อะไรเรียบร้อย แล้วพาร่างลงมาข้างล่างเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับ Plitvice Lakes National Park
อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนแผนทั้งหมด ดังนั้นความคาดหวังของฉันจึงสูงทะลุเพดาน
เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า ตอนนี้โทรหาแม่ดีกว่า
ฉัน: ถึงซาเกร็บละนะม้า ปวดท้องรายเดือนอ่ะ เหนื่อย พัง!
แม่: ซาเกร็บนี่มันอยู่ไหน แล้วกินยารึยัง
ฉัน: กินละค่ะ ซาเกร็บก็อยู่โครเอเชียไงม้า อากาศแย่อีกละ มิ้นกับโครเอเชียดวงคงไม่ต้องกัน แอบเบื่อ โอ้ย!!
แม่: เดี๋ยวก็กลับแล้ว ทนๆหน่อยละกัน อยากเที่ยวต้องทำใจ
ฉัน: เดี๋ยวมิ้นว่าจะลากร่างไปเดินในเมืองหน่อย เป็นกำลังใจให้ลูกด้วยนะ
เอาจริงๆนะ ฉันอยากจะนอนแผ่หราไม่ทำอะไรเลย อยากจะพัก ปวดท้อง แต่ชีวิตต้องสู้ ไหนๆก็มาถึงซาเกร็บแล้ว จะไม่ไปไหนเลยก็คงไม่ได้
แผนที่พร้อม ใจพร้อม ร่างไม่พร้อม
สู้ว้อย(มั้ง)!!!
Museum of Broken Relationship...
ฉันเดินสะเปะสะปะตามแผนที่ไปเรื่อยๆก็เจอเข้ากับกระเช้า(Funicular)ทางขึ้นไปยังย่านเมืองเก่า หรือ Upper Town กระเช้าที่ว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง เปิดมาตั้งแต่ 1890 ร้อยกว่าปีแล้ว ไม่รอช้าฉันก็กระโดดขึ้นเลย ใช้เวลาเพียง 55 วินาทีก็มาถึงข้างบนแล้ว ไม่ใช่ว่ามันเคลื่อนที่เร็วกว่าแสงนะ แต่เป็นเพราะว่าระยะทางมันสั้นมาก ในหนังสือบอกว่ามันสั้นที่สุดในโลก
ไม่แปลกใจ!
พอขึ้นไปถึงก็จะเจอ Lotršćak Tower จากบริเวณนี้จะสามารถชมกรุงซาเกร็บจากมุมสูงได้
ซาเกร็บสำหรับฉันวันนี้ช่างหม่นหมอง ฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำสนิท เมืองดูเงียบๆ ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่ชั่วโมงก่อนตอนฉันมาถึงเริ่มโปรยปรายลงมา ร่มหลากสีหลายขนาดถูกกางออก สีสันของร่มทั้งฟ้า ทั้งแดง ทั้งเขียว ช่างตัดกับสีหม่นๆของบรรยากาศโดยรอบเสียจริง
ฉันที่ไม่มีร่มเริ่มต้องสอดส่ายสายตาหาที่หลบฝน มองไปมองมาสายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับป้ายที่เขียนว่า Museum of Broken Relationship
ชื่อเท่ห์สุดๆ! เอาตึกนี้ล่ะ!
คิดได้ปุ๊บ ฉันก็รีบสับขาตรงไปที่ประตูทางเข้า เมื่อเข้าไปแล้ว ทางซ้ายจะเป็นร้านกาแฟ ส่วนทางขวาจะเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์
‘พิพิธภันฑ์ของความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว!’ หรือ Museum of Broken Relationship เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเอาข้าวของต่างๆจากทั่วโลกที่เป็นตัวแทนของความรักที่ไม่สมหวังเอาไว้ แทนที่ว่าเราจะเอาของแทนความทรงจำไปฉีกทิ้งหรือเผาไฟ ร้องไห้เคล้าควัน เราก็นำเอามาบริจาคไว้ที่นี่ คล้ายๆกับสุสานแห่งความรัก...
สิ่งของที่นำมาแสดงมีตั้งแต่จดหมายรัก ตุ๊กตาหมี ลิง เป็ด กบ เขียด สิ่งของอีโรติก ชุดแต่งงาน กางเกงใน กล่องเพลง หนังสือ และอีกมากมาย ของแต่ละอย่างจะมาพร้อมกับเรื่องราวและที่มาที่ไป ของที่ชวนหวาดเสียวที่สุด คือ ด้ามขวาน!
ฉันรีบรี่เข้าไปอ่าน! ฆาตกรรมรึเปล่า? ขวานเนี่ยนะ? เฮ้ย!!

อ่านไปอ่านมาได้ความว่าขวานด้ามนี้เจ้าของใช้จามข้าวของของคนรักที่หนีไปมีชู้
แล้วไป...
ของที่ระลึกที่ขายที่นี่ก็มีเอกลักษณ์สุดๆ มีทั้งยางลบที่เขียนว่า ‘Bad Memories eraser’ และโปสการ์ดที่มากับข้อความเจ็บ
 

ซื้อของเสร็จฝนก็ยังไม่หยุดตก ฉันจำต้องไปสิงอยู่ในร้านกาแฟของพิพิธภัณฑ์ นั่งจิบกาแฟ กินขนม อ่านหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อย บรรยากาศอุ่นสบายตรงกันข้ามกับลมฝนที่พัดวีดหวิวอยู่ด้านนอก
เพลิน...
ฉันนั่งอยู่จนเย็นกว่าที่ฝนจะเริ่มซา ด้วยความที่ร่างกายไม่พร้อม อากาศก็ไม่ดี ฉันเลยขอจบวันเพียงเท่านี้
เย็นวันนี้ฉันนั่งหงอยแทะแครอทที่ซื้อมาจากร้านขายของชำอยู่คนเดียวในโฮสเทล ไม่มีคนเลย ฝนก็ตกพรำๆตลอดเวลา
เฉา เหงา หงอย...
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับโครเอเชียช่างลุ่มๆดอนๆ ดูท่าว่าคงจะไม่รอดและคงจะต้องจบลงในไม่ช้านี้ล่ะ ฉันอยากจะบอกกับนางว่า
‘You are perfect, it’s just bad timing...’
Alone: Plitvice Lakes National Park และกรุงซาเกรบเบาๆ
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/30364395
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/30401020
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/30408217
ตอนที่ 5 http://pantip.com/topic/30423396
ตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/30439305
ตอน โครเอเชียมิใช่เนื้อคู่
ชีวิตต้องสู้
ตื่นมาตั้งแต่เจ็ดโมง ปวดท้องรายเดือนตามแบบผู้หญิง วันนี้เป็นวันเดินทางด้วย สงสัยจะตายคารถทัวร์
ตามตารางเวลา เขาว่าใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที!
ฉันนั่งตัวพับตัวอ่อน หลับๆตื่นๆไปตลอดทาง รถทัวร์จอดให้ลงไปเข้าห้องน้ำบ่อยมาก คนขับรถก็ดูสบ้ายสบาย ลงรถปุ๊บ ยืนกินกาแฟเม้าท์กัน
การเดินทางแบบหวานเย็น ประมาณว่าจะถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง ที่ว่า 6 ชั่วโมง 30 นาทีนี่ ถือว่าเป็นเรื่องในฝัน เพราะความเป็นจริงนั้นห่างไกลความฝันไปเกินชั่วโมง
เฮ้อ!
เมื่อรถทัวร์จอดที่สถานีปลายทางที่ซาเกร็บ ฉันเดินกะปลกกะเปลี้ยออกไปขึ้นรถรางหน้าสถานีรถทัวร์ จุดหมายของฉันอยู่ที่โฮสเทลชื่อ นางหมีโฮโบ (Hobo Bear Hostel)
มองฟ้าผ่านกระจกรถราง ท้องฟ้ามืดครึ้ม โครเอเชียกับฉันชะรอยจะไม่ใช่เนื้อคู่ อากาศไม่เคยเป็นใจ พอไปถึงโฮสเทล ฉันก็เก็บของเข้าตู้อะไรเรียบร้อย แล้วพาร่างลงมาข้างล่างเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับ Plitvice Lakes National Park
อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนแผนทั้งหมด ดังนั้นความคาดหวังของฉันจึงสูงทะลุเพดาน
เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า ตอนนี้โทรหาแม่ดีกว่า
ฉัน: ถึงซาเกร็บละนะม้า ปวดท้องรายเดือนอ่ะ เหนื่อย พัง!
แม่: ซาเกร็บนี่มันอยู่ไหน แล้วกินยารึยัง
ฉัน: กินละค่ะ ซาเกร็บก็อยู่โครเอเชียไงม้า อากาศแย่อีกละ มิ้นกับโครเอเชียดวงคงไม่ต้องกัน แอบเบื่อ โอ้ย!!
แม่: เดี๋ยวก็กลับแล้ว ทนๆหน่อยละกัน อยากเที่ยวต้องทำใจ
ฉัน: เดี๋ยวมิ้นว่าจะลากร่างไปเดินในเมืองหน่อย เป็นกำลังใจให้ลูกด้วยนะ
เอาจริงๆนะ ฉันอยากจะนอนแผ่หราไม่ทำอะไรเลย อยากจะพัก ปวดท้อง แต่ชีวิตต้องสู้ ไหนๆก็มาถึงซาเกร็บแล้ว จะไม่ไปไหนเลยก็คงไม่ได้
แผนที่พร้อม ใจพร้อม ร่างไม่พร้อม
สู้ว้อย(มั้ง)!!!
Museum of Broken Relationship...
ฉันเดินสะเปะสะปะตามแผนที่ไปเรื่อยๆก็เจอเข้ากับกระเช้า(Funicular)ทางขึ้นไปยังย่านเมืองเก่า หรือ Upper Town กระเช้าที่ว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง เปิดมาตั้งแต่ 1890 ร้อยกว่าปีแล้ว ไม่รอช้าฉันก็กระโดดขึ้นเลย ใช้เวลาเพียง 55 วินาทีก็มาถึงข้างบนแล้ว ไม่ใช่ว่ามันเคลื่อนที่เร็วกว่าแสงนะ แต่เป็นเพราะว่าระยะทางมันสั้นมาก ในหนังสือบอกว่ามันสั้นที่สุดในโลก
ไม่แปลกใจ!
พอขึ้นไปถึงก็จะเจอ Lotršćak Tower จากบริเวณนี้จะสามารถชมกรุงซาเกร็บจากมุมสูงได้
ซาเกร็บสำหรับฉันวันนี้ช่างหม่นหมอง ฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำสนิท เมืองดูเงียบๆ ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่ชั่วโมงก่อนตอนฉันมาถึงเริ่มโปรยปรายลงมา ร่มหลากสีหลายขนาดถูกกางออก สีสันของร่มทั้งฟ้า ทั้งแดง ทั้งเขียว ช่างตัดกับสีหม่นๆของบรรยากาศโดยรอบเสียจริง
ฉันที่ไม่มีร่มเริ่มต้องสอดส่ายสายตาหาที่หลบฝน มองไปมองมาสายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับป้ายที่เขียนว่า Museum of Broken Relationship
ชื่อเท่ห์สุดๆ! เอาตึกนี้ล่ะ!
คิดได้ปุ๊บ ฉันก็รีบสับขาตรงไปที่ประตูทางเข้า เมื่อเข้าไปแล้ว ทางซ้ายจะเป็นร้านกาแฟ ส่วนทางขวาจะเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์
‘พิพิธภันฑ์ของความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว!’ หรือ Museum of Broken Relationship เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเอาข้าวของต่างๆจากทั่วโลกที่เป็นตัวแทนของความรักที่ไม่สมหวังเอาไว้ แทนที่ว่าเราจะเอาของแทนความทรงจำไปฉีกทิ้งหรือเผาไฟ ร้องไห้เคล้าควัน เราก็นำเอามาบริจาคไว้ที่นี่ คล้ายๆกับสุสานแห่งความรัก...
สิ่งของที่นำมาแสดงมีตั้งแต่จดหมายรัก ตุ๊กตาหมี ลิง เป็ด กบ เขียด สิ่งของอีโรติก ชุดแต่งงาน กางเกงใน กล่องเพลง หนังสือ และอีกมากมาย ของแต่ละอย่างจะมาพร้อมกับเรื่องราวและที่มาที่ไป ของที่ชวนหวาดเสียวที่สุด คือ ด้ามขวาน!
ฉันรีบรี่เข้าไปอ่าน! ฆาตกรรมรึเปล่า? ขวานเนี่ยนะ? เฮ้ย!!
อ่านไปอ่านมาได้ความว่าขวานด้ามนี้เจ้าของใช้จามข้าวของของคนรักที่หนีไปมีชู้
แล้วไป...
ของที่ระลึกที่ขายที่นี่ก็มีเอกลักษณ์สุดๆ มีทั้งยางลบที่เขียนว่า ‘Bad Memories eraser’ และโปสการ์ดที่มากับข้อความเจ็บ
 
ซื้อของเสร็จฝนก็ยังไม่หยุดตก ฉันจำต้องไปสิงอยู่ในร้านกาแฟของพิพิธภัณฑ์ นั่งจิบกาแฟ กินขนม อ่านหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อย บรรยากาศอุ่นสบายตรงกันข้ามกับลมฝนที่พัดวีดหวิวอยู่ด้านนอก
เพลิน...
ฉันนั่งอยู่จนเย็นกว่าที่ฝนจะเริ่มซา ด้วยความที่ร่างกายไม่พร้อม อากาศก็ไม่ดี ฉันเลยขอจบวันเพียงเท่านี้
เย็นวันนี้ฉันนั่งหงอยแทะแครอทที่ซื้อมาจากร้านขายของชำอยู่คนเดียวในโฮสเทล ไม่มีคนเลย ฝนก็ตกพรำๆตลอดเวลา
เฉา เหงา หงอย...
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับโครเอเชียช่างลุ่มๆดอนๆ ดูท่าว่าคงจะไม่รอดและคงจะต้องจบลงในไม่ช้านี้ล่ะ ฉันอยากจะบอกกับนางว่า
‘You are perfect, it’s just bad timing...’