แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์พรีเมียร์ ลีก เผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเป็นสถิติเมื่อวันพฤหัสบดีด้วยจำนวนเงินมากถึง 91.7 ล้านปอนด์ พร้อมกับคาดว่ารายได้รวมทั้งปีน่าจะพุ่งไปถึง 360 ล้านปอนด์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติผลประกอบการช่วงไตรมาสที่ 3 มากถึง 91.7 ล้านปอนด์ จากการเปิดเผยผ่านทางตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
พวกเขามีรายได้จากสปอนเซอร์เพิ่มขึ้นถึง 52.2 เปอร์เซ็นต์ และเป็นที่คาดการณ์กันว่ารายได้รวมทั้งปีน่าจะมากถึง 360 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
รองประธานฝ่ายบริหารสโมสรทีมปีศาจแดง เอ็ด วู้ดเวิร์ด กล่าวว่า "แต่ละปัจจัยทั้ง 3 ของเรา การโฆษณา ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และตั๋วเข้าชมเกม ล้วนแต่เป็นผลให้เรามีรายได้ดีขนาดนี้จนสร้างสถิติได้ในไตรมาสที่ 3 ทั้งด้านรายได้ และ EBITDA ที่ถูกปรับใหม่ (รายได้ก่อนหักดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคา และการผ่อนชำระหนี้)
การตลาดที่แข็งแกร่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้นมา รายได้ที่เพิ่มขึ้น 31.9 เปอร์เซ็นต์จาก 3 เดือนท้ายปี นับว่ามากกว่าที่เคยทำเอาไว้ที่ 27.9 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเงิน 114.5 ล้านปอนด์ตลอดทั้ง 9 เดือนก่อนหน้านั้น
การถ่ายทอดสดและการขายตั๋วนั้นก็เพิ่มขึ้น 21.7 เปอร์เซ็นต์ และ 34 เปอร์เซ็นต์จากตลอดทั้ง 3 เดือนตามลำดับ
ด้านหนี้รวมนั้นมีตัวเลขอยู่ที่ 367.6 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่ก็ลดลงถึง 15.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายนปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 ก็เพิ่มขึ้น 18.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินจำนวน 79 ล้านปอนด์ด้วยเช่นกัน
ด้านค่าเหนื่อยของนักเตะก็เพิ่มขึ้นถึง 25.1 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเงิน 44.9 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผลมาจากการคว้าตัวนักเตะใหม่อย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และชินจิ คากาวะ รวมถึงการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ และการเติบโตของทีมการตลาดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งยังมีฐานหลักอยู่ในฮ่องกงด้วย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตอนนี้ทำอันดับทางการเงินขึ้นมาติดท็อป 800 กำลังวางแผนที่จะเปิดสำนักงานทางการตลาดในสหรัฐอเมริกาอยู่ด้วย หลังจากที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับเอออนและเชฟโรเลต พวกเขาก็เล็งที่จะเปิดตลาดแบบจริงจังในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับตะวันออกไกล ซึ่งถือเป็นฐานแฟนบอลนอกทวีปที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา
สำหรับตัวเลขดังกล่าวนั้นยังไม่ได้นับรวมรายได้มูลค่า 120 ล้านปอนด์ที่ได้จากการเซ็นสัญญา 8 ปีกับเอออน ซึ่งได้สิทธิ์ไปตั้งชื่อใหม่ให้กับสนามซ้อมแคร์ริงตัน และยังได้เป็นสปอนเซอร์บนเสื้อซ้อม รวมถึงการทัวร์นอกทวีปอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการยืนยันด้วยว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ช่องโทรทัศน์ MUTV เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขาเองแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มแล้ว ด้วยมูลค่า 2.7 ล้านปอนด์
credit : www.redarmyfc.com โดย SiR KeaNo & www.google.com
[บทความผีแดง 2013-05-05] ทีมปีศาจแดงทำลายสถิติผลประกอบการ 3 เดือน 91.7 ล้านปอนด์ & คาดว่ารายได้ทั้งปี 360 ล้านปอนด์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติผลประกอบการช่วงไตรมาสที่ 3 มากถึง 91.7 ล้านปอนด์ จากการเปิดเผยผ่านทางตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
พวกเขามีรายได้จากสปอนเซอร์เพิ่มขึ้นถึง 52.2 เปอร์เซ็นต์ และเป็นที่คาดการณ์กันว่ารายได้รวมทั้งปีน่าจะมากถึง 360 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
รองประธานฝ่ายบริหารสโมสรทีมปีศาจแดง เอ็ด วู้ดเวิร์ด กล่าวว่า "แต่ละปัจจัยทั้ง 3 ของเรา การโฆษณา ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และตั๋วเข้าชมเกม ล้วนแต่เป็นผลให้เรามีรายได้ดีขนาดนี้จนสร้างสถิติได้ในไตรมาสที่ 3 ทั้งด้านรายได้ และ EBITDA ที่ถูกปรับใหม่ (รายได้ก่อนหักดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคา และการผ่อนชำระหนี้)
การตลาดที่แข็งแกร่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้นมา รายได้ที่เพิ่มขึ้น 31.9 เปอร์เซ็นต์จาก 3 เดือนท้ายปี นับว่ามากกว่าที่เคยทำเอาไว้ที่ 27.9 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเงิน 114.5 ล้านปอนด์ตลอดทั้ง 9 เดือนก่อนหน้านั้น
การถ่ายทอดสดและการขายตั๋วนั้นก็เพิ่มขึ้น 21.7 เปอร์เซ็นต์ และ 34 เปอร์เซ็นต์จากตลอดทั้ง 3 เดือนตามลำดับ
ด้านหนี้รวมนั้นมีตัวเลขอยู่ที่ 367.6 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่ก็ลดลงถึง 15.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายนปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 ก็เพิ่มขึ้น 18.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินจำนวน 79 ล้านปอนด์ด้วยเช่นกัน
ด้านค่าเหนื่อยของนักเตะก็เพิ่มขึ้นถึง 25.1 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเงิน 44.9 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผลมาจากการคว้าตัวนักเตะใหม่อย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และชินจิ คากาวะ รวมถึงการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ และการเติบโตของทีมการตลาดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งยังมีฐานหลักอยู่ในฮ่องกงด้วย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตอนนี้ทำอันดับทางการเงินขึ้นมาติดท็อป 800 กำลังวางแผนที่จะเปิดสำนักงานทางการตลาดในสหรัฐอเมริกาอยู่ด้วย หลังจากที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับเอออนและเชฟโรเลต พวกเขาก็เล็งที่จะเปิดตลาดแบบจริงจังในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับตะวันออกไกล ซึ่งถือเป็นฐานแฟนบอลนอกทวีปที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา
สำหรับตัวเลขดังกล่าวนั้นยังไม่ได้นับรวมรายได้มูลค่า 120 ล้านปอนด์ที่ได้จากการเซ็นสัญญา 8 ปีกับเอออน ซึ่งได้สิทธิ์ไปตั้งชื่อใหม่ให้กับสนามซ้อมแคร์ริงตัน และยังได้เป็นสปอนเซอร์บนเสื้อซ้อม รวมถึงการทัวร์นอกทวีปอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการยืนยันด้วยว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ช่องโทรทัศน์ MUTV เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขาเองแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มแล้ว ด้วยมูลค่า 2.7 ล้านปอนด์
credit : www.redarmyfc.com โดย SiR KeaNo & www.google.com