หลังจากที่ผมพยายามสื่อสารกับพี่น้องเสื้อแดงมานาน
ในเวทีต่างๆ สถานที่ต่างๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
จนกระทั่งได้เข้ามาพูดคุยในห้องราชดำเนินนี้เป็นเวลาหลายวัน
ต้องพิสูจน์ว่า ผมมาดี และจริงใจ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
และเมื่อขจัดม่านหมอกแห่งความหวาดระแวงและความเคียดแค้นชิงชัง
เปิดใจรับฟังข้อมูล และความรู้สึก เจาะลึกดูในหัวใจให้เห็นว่า
เพราะเหตุใด คนเสื้อแดงจึงมักแสดงท่าทีที่ค่อนข้างก้าวร้าวรุนแรง
เมื่อละวางอคติ ตำหนิ คลางแคลง ตั้งให้ใจเที่ยงธรรม ลบข้อมูลขยะออกไป
ผมก็มองเห็นหัวใจที่บอบช้ำ รอการเยียวยา
โดยมีท่าทีที่แข็งกร้าวเป็นเพียงเกราะกำบังความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้
นั่นจึงทำให้สังเกตเห็นได้ยาก ส่วนใหญ่จะปะทะคารมกันจนเสียความรู้สึกไปก่อน
เมื่อเปิดหัวใจเข้าไปดู ก็พบว่าคนเสื้อแดง ต้องการความยุติธรรมเช่นกัน
ต้องการการยอมรับผิดของพันธมิตร หรือคนเสื้อเหลือง
ต้องการ การแสดงออกถึงการยอมรับผิดของอภิสิทธิ์ที่ทำให้คนเสื้อแดงตาย
ซึ่งต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ผ่านเสียงอื้ออึงของอารมณ์ที่คั่งค้าง ถึงจะได้ยิน
เมื่อเขารู้สึกว่า หากฝ่ายนั้นเข้าใจและยอมรับผิดก่อน
แล้วเขาก็ยอมรับในสิ่งที่ผิดพลาดไปเช่นกัน
เมื่อฝ่ายอื่น เรียกร้องแต่ให้คนเสื้อแดงยอมรับผิด แต่ตัวเองก็ยังไม่ยอมรับผิดก่อน
โดยเฉพาะการยึดทำเนียบ และปิดสนามบิน ที่ไม่ว่าคนเสื้อแดงหรือคนที่ไม่มีสีเสื้อก็รับไม่ได้
แม้เจตนาที่มุ่งขจัดความชั่วร้ายของบ้านเมือง(ตามที่เข้าใจในตอนนั้น)
จนลืมไปว่า ได้สร้างรอยร้าวในใจต่อเพื่อนร่วมชาติกลุ่มอื่นๆอย่างมากมาย
แม้ในทางคดีความต้องสู้กันในศาล จะว่าอย่างไร ก็ว่ากันไปตามหลักฐานพยาน
แต่การแสดงออกถึงความรับผิดชอบ การขอโทษที่ได้กระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จากแกนนำพันธมิตร
ก็ต้องมีเช่นกัน และยอมรับว่า ทำเกินสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และไปกระทบต่อสิทธิของผู้อื่นอย่างมาก
กล้าทำ ต้องกล้ารับ อย่างลูกผู้ชาย ไม่ใช่มุ่งประณามคนเสื้อแดง เฉพาะเรื่องเผาบ้านเผาเมืองฝ่ายเดียว
ส่วนความคลางแคลงใจว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรม เช่นความล่าช้าของคดี
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ ตรงไปตรงมา
ว่าที่ล่าช้านั้น เป็นเพราะเหตุใด รับฟังได้หรือไม่
เนื่องจากมันมีเหตุการณ์ซับซ้อนหลายกรรม หลายวาระ จนแทบแยกไม่ออกว่า ระหว่างเสื้อเหลือง เสื้อแดง ในตอนนั้น
ทำผิดคนละกี่ครั้ง ยากที่จะแยกแยะออกมาว่า คิดผิดใครถูกในขั้นตอนไหน อย่างไร
จึงไม่มีหนทางอื่น ที่จะชี้ผิดชี้ถูกได้ นอกจากกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่
ก็ขอให้คนเสื้อแดง ไว้วางใจ เชื่อว่าแม้วันนี้อาจดูไม่ถูกใจในบางอย่าง
แต่สุดท้าย ความยุติธรรมที่แท้จริงจะต้องมาถึง
พันธมิตรเองก็เป็นตัวอย่างของความใจร้อน แทนที่จะรอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการกับทักษิณ
แต่ไปพยายามเร่ง จนกลายเป็นสร้างความไม่ยุติธรรมกับทักษิณ ในสายตาของเขา ครอบครัว และผู้สนับสนุน
จนเมื่อบ้านเมืองเริ่มวุ่นวาย หาทางออกไม่ได้ จึงมีความคิดที่จะจัดการ"ทักษิณ" ตัวแปรของสมการความขัดแย้ง
ด้วยวิธีที่รวบรัด หรือที่เรียกว่า ตุลาการภิวัฒน์ขึ้น กระหน่ำซ้ำด้วยรัฐประหาร
จึงเห็นได้ว่า คนไทยจัดการปัญหานี้ด้วยความใจร้อนทั้งระบบ
ไม่รอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปจนครบถ้วนขบวนความ
ดังนั้น ทักษิณจึงสามารถใช้เหตุผลของการทำรัฐประหาร ที่จะปฏิเสธขบวนการยุติธรรมที่มีอยู่
กลายเป็นความชอบธรรมในสายตาของมวลชนผู้สนับสนุน และนานาประเทศ ที่ไม่ยอมรับการใช้อำนาจนอกระบบ
หากไม่มีรัฐประหาร ทักษิณอาจยอมรับกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีข้ออ้างก็ได้
แต่ประเด็นนี้ อาจมีข้อโต้แย้งว่า ที่ต้องทำอย่างนั้นก็เพราะทักษิณพยายามแก้กฎหมายและแทรกแซงศาล
เพื่อกลบความผิดที่ตัวเองได้ทำไว้ จึงไม่มีทางอื่นที่จะเล่นงานทักษิณได้
และนั่นก็หมายความว่า ฝ่ายต่อต้านทักษิณเอง ก็ไม่มั่นใจในระบบยุติธรรมเหมือนกัน
..............
พักเรื่องทักษิณไว้ตรงนี้ก่อน ย้อนมาเรื่องคนเสื้อแดงอีกที
ต้องยอมรับว่า ความศรัทธาของคนเสื้อแดงต่อทักษิณ เป็นศรัทธาแบบพิเศษ
ที่ไม่เคยมีนักการเมืองไทยรายใดทำได้มาก่อน นับตั้งแต่มีนักการเมืองในประเทศไทย
เพราะเขาสามารถซื้อใจคนจนได้ ด้วยนโยบายที่ให้ประโยชน์คนจนอย่างเป็นรูปธรรม
หรือที่เรียกว่า ประชานิยม
จึงทำให้คนจนกล้าทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อตอบแทนทักษิณ จนดูเหมือนการบูชาเจ้าลัทธิ
เมื่อใครมาแตะต้องทักษิณ จึงเกิดความไม่พอใจ เพราะนั่นคือ ความหวังเดียวที่พวกเขามองเห็น
เมื่อทักษิณต้องการให้ช่วย มวลชนเสื้อแดงจึงออกมาอย่างล้นหลาม แม้ว่าจะมีการใช้เงินมหาศาล
เพื่อเป็นค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ตาม รวมทั้งมีการให้คำสัญญาที่จะให้ประโยชน์มากมาย ถ้าช่วยเขาได้
และเมื่อถูกปราบปรามรุนแรง ซึ่งคนเสื้อแดงที่อาจไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเรื่องการใช้อาวุธต่อสู้เจ้าหน้าที่ ของชายชุดดำ
ที่อ้างว่า เข้ามาช่วยปกป้องคนเสื้อแดงจากการสลายการชุมนุม แต่ต้องมาเป็นเหตุให้มวลชน บาดเจ็บล้มตาย
เขาจึงมองว่า พวกเขาถูกฆ่าทั้งๆที่สองมือเปล่า ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ว่า คนที่ถูกยิง ใช้อาวุธต่อสู้จนท.หรือไม่
เขาจึงต้องการความยุติธรรมตรงนี้ และสมควรที่อภิสิทธิ์ต้องขอโทษ แสดงความรับผิดชอบต่อการตายที่เกิดขึ้น
ส่วนความผิดทางกฎหมายนั้น ก็ต้องว่ากันไป อย่างตรงไปตรงมา
ผมเชื่อว่า หากพันธมิตร และรัฐบาลชุดที่แล้ว กล้าออกมาขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบ
เขาก็คงจะยอมรับเช่นกันว่า การประท้วงของพวกเขา ก็ผิดกฎหมาย ทำเกินเลยสิทธิตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน
ผมว่า นี่คือ หนทางที่จะทำให้ปฐมบทของการปรองดอง ได้เกิดขึ้น อย่างแท้จริงนะครับ
ผิดถูกช่วยแก้ไข เพิ่มเติมได้นะครับ สำหรับผู้รู้ข้อมูลจริงๆ
บัดนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกพี่น้องเสื้อแดงแล้วครับ
ในเวทีต่างๆ สถานที่ต่างๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
จนกระทั่งได้เข้ามาพูดคุยในห้องราชดำเนินนี้เป็นเวลาหลายวัน
ต้องพิสูจน์ว่า ผมมาดี และจริงใจ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
และเมื่อขจัดม่านหมอกแห่งความหวาดระแวงและความเคียดแค้นชิงชัง
เปิดใจรับฟังข้อมูล และความรู้สึก เจาะลึกดูในหัวใจให้เห็นว่า
เพราะเหตุใด คนเสื้อแดงจึงมักแสดงท่าทีที่ค่อนข้างก้าวร้าวรุนแรง
เมื่อละวางอคติ ตำหนิ คลางแคลง ตั้งให้ใจเที่ยงธรรม ลบข้อมูลขยะออกไป
ผมก็มองเห็นหัวใจที่บอบช้ำ รอการเยียวยา
โดยมีท่าทีที่แข็งกร้าวเป็นเพียงเกราะกำบังความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้
นั่นจึงทำให้สังเกตเห็นได้ยาก ส่วนใหญ่จะปะทะคารมกันจนเสียความรู้สึกไปก่อน
เมื่อเปิดหัวใจเข้าไปดู ก็พบว่าคนเสื้อแดง ต้องการความยุติธรรมเช่นกัน
ต้องการการยอมรับผิดของพันธมิตร หรือคนเสื้อเหลือง
ต้องการ การแสดงออกถึงการยอมรับผิดของอภิสิทธิ์ที่ทำให้คนเสื้อแดงตาย
ซึ่งต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ผ่านเสียงอื้ออึงของอารมณ์ที่คั่งค้าง ถึงจะได้ยิน
เมื่อเขารู้สึกว่า หากฝ่ายนั้นเข้าใจและยอมรับผิดก่อน
แล้วเขาก็ยอมรับในสิ่งที่ผิดพลาดไปเช่นกัน
เมื่อฝ่ายอื่น เรียกร้องแต่ให้คนเสื้อแดงยอมรับผิด แต่ตัวเองก็ยังไม่ยอมรับผิดก่อน
โดยเฉพาะการยึดทำเนียบ และปิดสนามบิน ที่ไม่ว่าคนเสื้อแดงหรือคนที่ไม่มีสีเสื้อก็รับไม่ได้
แม้เจตนาที่มุ่งขจัดความชั่วร้ายของบ้านเมือง(ตามที่เข้าใจในตอนนั้น)
จนลืมไปว่า ได้สร้างรอยร้าวในใจต่อเพื่อนร่วมชาติกลุ่มอื่นๆอย่างมากมาย
แม้ในทางคดีความต้องสู้กันในศาล จะว่าอย่างไร ก็ว่ากันไปตามหลักฐานพยาน
แต่การแสดงออกถึงความรับผิดชอบ การขอโทษที่ได้กระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จากแกนนำพันธมิตร
ก็ต้องมีเช่นกัน และยอมรับว่า ทำเกินสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และไปกระทบต่อสิทธิของผู้อื่นอย่างมาก
กล้าทำ ต้องกล้ารับ อย่างลูกผู้ชาย ไม่ใช่มุ่งประณามคนเสื้อแดง เฉพาะเรื่องเผาบ้านเผาเมืองฝ่ายเดียว
ส่วนความคลางแคลงใจว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรม เช่นความล่าช้าของคดี
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ ตรงไปตรงมา
ว่าที่ล่าช้านั้น เป็นเพราะเหตุใด รับฟังได้หรือไม่
เนื่องจากมันมีเหตุการณ์ซับซ้อนหลายกรรม หลายวาระ จนแทบแยกไม่ออกว่า ระหว่างเสื้อเหลือง เสื้อแดง ในตอนนั้น
ทำผิดคนละกี่ครั้ง ยากที่จะแยกแยะออกมาว่า คิดผิดใครถูกในขั้นตอนไหน อย่างไร
จึงไม่มีหนทางอื่น ที่จะชี้ผิดชี้ถูกได้ นอกจากกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่
ก็ขอให้คนเสื้อแดง ไว้วางใจ เชื่อว่าแม้วันนี้อาจดูไม่ถูกใจในบางอย่าง
แต่สุดท้าย ความยุติธรรมที่แท้จริงจะต้องมาถึง
พันธมิตรเองก็เป็นตัวอย่างของความใจร้อน แทนที่จะรอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการกับทักษิณ
แต่ไปพยายามเร่ง จนกลายเป็นสร้างความไม่ยุติธรรมกับทักษิณ ในสายตาของเขา ครอบครัว และผู้สนับสนุน
จนเมื่อบ้านเมืองเริ่มวุ่นวาย หาทางออกไม่ได้ จึงมีความคิดที่จะจัดการ"ทักษิณ" ตัวแปรของสมการความขัดแย้ง
ด้วยวิธีที่รวบรัด หรือที่เรียกว่า ตุลาการภิวัฒน์ขึ้น กระหน่ำซ้ำด้วยรัฐประหาร
จึงเห็นได้ว่า คนไทยจัดการปัญหานี้ด้วยความใจร้อนทั้งระบบ
ไม่รอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปจนครบถ้วนขบวนความ
ดังนั้น ทักษิณจึงสามารถใช้เหตุผลของการทำรัฐประหาร ที่จะปฏิเสธขบวนการยุติธรรมที่มีอยู่
กลายเป็นความชอบธรรมในสายตาของมวลชนผู้สนับสนุน และนานาประเทศ ที่ไม่ยอมรับการใช้อำนาจนอกระบบ
หากไม่มีรัฐประหาร ทักษิณอาจยอมรับกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีข้ออ้างก็ได้
แต่ประเด็นนี้ อาจมีข้อโต้แย้งว่า ที่ต้องทำอย่างนั้นก็เพราะทักษิณพยายามแก้กฎหมายและแทรกแซงศาล
เพื่อกลบความผิดที่ตัวเองได้ทำไว้ จึงไม่มีทางอื่นที่จะเล่นงานทักษิณได้
และนั่นก็หมายความว่า ฝ่ายต่อต้านทักษิณเอง ก็ไม่มั่นใจในระบบยุติธรรมเหมือนกัน
..............
พักเรื่องทักษิณไว้ตรงนี้ก่อน ย้อนมาเรื่องคนเสื้อแดงอีกที
ต้องยอมรับว่า ความศรัทธาของคนเสื้อแดงต่อทักษิณ เป็นศรัทธาแบบพิเศษ
ที่ไม่เคยมีนักการเมืองไทยรายใดทำได้มาก่อน นับตั้งแต่มีนักการเมืองในประเทศไทย
เพราะเขาสามารถซื้อใจคนจนได้ ด้วยนโยบายที่ให้ประโยชน์คนจนอย่างเป็นรูปธรรม
หรือที่เรียกว่า ประชานิยม
จึงทำให้คนจนกล้าทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อตอบแทนทักษิณ จนดูเหมือนการบูชาเจ้าลัทธิ
เมื่อใครมาแตะต้องทักษิณ จึงเกิดความไม่พอใจ เพราะนั่นคือ ความหวังเดียวที่พวกเขามองเห็น
เมื่อทักษิณต้องการให้ช่วย มวลชนเสื้อแดงจึงออกมาอย่างล้นหลาม แม้ว่าจะมีการใช้เงินมหาศาล
เพื่อเป็นค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ตาม รวมทั้งมีการให้คำสัญญาที่จะให้ประโยชน์มากมาย ถ้าช่วยเขาได้
และเมื่อถูกปราบปรามรุนแรง ซึ่งคนเสื้อแดงที่อาจไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเรื่องการใช้อาวุธต่อสู้เจ้าหน้าที่ ของชายชุดดำ
ที่อ้างว่า เข้ามาช่วยปกป้องคนเสื้อแดงจากการสลายการชุมนุม แต่ต้องมาเป็นเหตุให้มวลชน บาดเจ็บล้มตาย
เขาจึงมองว่า พวกเขาถูกฆ่าทั้งๆที่สองมือเปล่า ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ว่า คนที่ถูกยิง ใช้อาวุธต่อสู้จนท.หรือไม่
เขาจึงต้องการความยุติธรรมตรงนี้ และสมควรที่อภิสิทธิ์ต้องขอโทษ แสดงความรับผิดชอบต่อการตายที่เกิดขึ้น
ส่วนความผิดทางกฎหมายนั้น ก็ต้องว่ากันไป อย่างตรงไปตรงมา
ผมเชื่อว่า หากพันธมิตร และรัฐบาลชุดที่แล้ว กล้าออกมาขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบ
เขาก็คงจะยอมรับเช่นกันว่า การประท้วงของพวกเขา ก็ผิดกฎหมาย ทำเกินเลยสิทธิตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน
ผมว่า นี่คือ หนทางที่จะทำให้ปฐมบทของการปรองดอง ได้เกิดขึ้น อย่างแท้จริงนะครับ
ผิดถูกช่วยแก้ไข เพิ่มเติมได้นะครับ สำหรับผู้รู้ข้อมูลจริงๆ