จากที่ผมตั้งกระทู้ไปสองกระทู้ก่อนรอดูว่าคนจะมีมุมมองต่อการลงทุนที่ไม่เน้นการใช้เงินอย่างไร คำตอบที่ได้นั้นค่อนข้างน่าแปลกใจ เหมือนถ้าไม่ใช่การลงทุนเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้แล้วจะเป็นเรื่องที่ดูไร้สาระทั้งๆที่สาระสำคัญก็คือการลงทุนเหมือนกัน
อย่างกระทู้เรื่องลูกอยากเล่นหุ้น ผมต้องการนำเสนอความขัดแย้งระหว่างการต้องการนำเงินมาโดยใช้เงินลงทุนกับการนำความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการของเด็กมาเป็นทุนในการลงทุนที่ได้ผลกำไรในรูปแบบต่างๆที่ได้ผลลัพธ์มากกว่าเงินเพียงอย่างเดียว
กระทู้ที่สองเรื่องนักลงทุน 4 ระดับต้องการจะสะท้อนถึงแนวคิดการใช้ต้นทุนชีวิต 4 ประเภทหลักๆ คนที่ใช้แรงงานแลกเงินก็เป็นหนูปั่นจักรแรงงานให้เจ้าของกิจการ ถ้าทุกคนเลิกทำงานโครงสร้างเศรษฐกิจก็พัง คนที่ใช้เงินแลกเงินก็เป็นหนูปั่นจักรกระแสเงินให้นายแบงค์และกองทุนต่างๆ ถ้าทุกคนถอนเงินปิดบัญชีหมดเศรษฐกิจก็พังเหมือนกัน ต่างกันตรงไหน ดังนั้นผมขอสรุปต้นทุนชีวิตอีกรอบดังนี้ครับ
1. Labor - แรงงาน เป็นต้นทุนพื้นฐานที่แต่ละประเทศในโลกทุนนิยมจะได้รับการปลูกฝังและฝึกฝนให้มีทักษะในด้านใดด้านหนึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากใช้แรงงานเป็นต้นทุนหลักของชีวิต คุณก็จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำงานเลี้ยงเอาตัวรอดไป
2. Fund - เงิน เป็นต้นทุนที่ส่วนมากจะได้รับมาจากแรงงานเก็บสะสมไว้ไม่ก็จากมรดกสืบทอดมา คนที่ใช้เงินเป็นต้นทุนขับเคลื่อนหลักก็จะมุ่งเน้นหาเงินมาฝากไว้กับระบบที่เชื่อว่าจะนำอิสระทางการเงินมาสู่ชีวิต นี่คือข้อแตกต่างระหว่างคนไม่รู้จักการใช้เงินกับคนที่รู้
3. Passion - ใจ เป็นต้นทุนไม่สามารถจับต้องได้หรือหาซื้อจากที่ไหนได้ คนที่ใช้ใจเป็นต้นทุนขับเคลื่อนหลักก็จะมุ่งหาสิ่งที่อยากทำและทุ่มเทกับมัน แต่ชีวิตจริงไม่ได้สวยงามอย่างที่รู้กันว่าแค่นั้นไม่อาจเนรมิตเงินได้มากพอความต้องการในชีวิตและมีไม่กี่คนที่ทำได้พอจะมีอิสรภาพทางการเงิน แต่ก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำมากพอจะลืมความเหน็ดเหนื่อยและเรื่องเงินที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องเท่าไหร่ได้
4. Wisdom - ปัญญา เป็นต้นทุนเฉพาะที่ไม่สามารถอธิบายและถ่ายทอดให้กันได้ จะเกิดได้จากความคิดและประสบการณ์ที่มากพอของแต่ละคนเท่านั้น คนที่ใช้ปัญญาเป็นต้นทุนหลักในการดำรงชีวิตนอกจากจะรู้ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนและสามารถยอมรับความเป็นไปได้ทั้งหมดว่าคุ้มค่าที่ได้ทำแล้วยังสามารถคิดถึงผลประโยชน์และโทษที่เกิดขึ้นจากการลงทุนนั้นได้ อย่าง iPhone ที่ออกมาไม่ว่าจะตอบโจทย์ตลาดได้มากน้อยแค่ไหน Steve Jobs ก็พอใจว่าโทรศัพท์ที่ดีควรเป็นแบบนี้และคนทั้งโลกก็ได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์นี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม (ผมใช้ Android นะ)
หลังจากที่พิมพ์เสร็จแล้วลองมาคิดดูแล้วกระทู้นี้ก็ไม่ได้ชี้หนทางที่จะสร้างรายได้อะไรขึ้นมาได้ ไม่ได้ทำให้วิถีชีวิตของคนอ่านดีขึ้นได้ และมันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่ได้ลงมือเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวเอง อย่าพยายามหาเงินให้มากพอที่จะซื้อความสุขได้ หาหนทางที่จะมีความสุขในการลงทุนได้แล้วชีวิตจะมีอิสรภาพจากการเงิน
ปล. เผื่อคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องเชิงปรัชญาและศาสนา ผมขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือเนื้อหาที่เขียนในมุมของนักลงทุน 100% ครับ โดยเฉพาะ 2 ข้อหลังที่สำคัญมากเพราะ Passion เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในเส้นทางของ Entrepreneur และ Wisdom จะขาดไม่ได้เลยสำหรับ Breakthrough Innovation ครับ
ต้นทุนชีวิต 4 ด้าน
อย่างกระทู้เรื่องลูกอยากเล่นหุ้น ผมต้องการนำเสนอความขัดแย้งระหว่างการต้องการนำเงินมาโดยใช้เงินลงทุนกับการนำความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการของเด็กมาเป็นทุนในการลงทุนที่ได้ผลกำไรในรูปแบบต่างๆที่ได้ผลลัพธ์มากกว่าเงินเพียงอย่างเดียว
กระทู้ที่สองเรื่องนักลงทุน 4 ระดับต้องการจะสะท้อนถึงแนวคิดการใช้ต้นทุนชีวิต 4 ประเภทหลักๆ คนที่ใช้แรงงานแลกเงินก็เป็นหนูปั่นจักรแรงงานให้เจ้าของกิจการ ถ้าทุกคนเลิกทำงานโครงสร้างเศรษฐกิจก็พัง คนที่ใช้เงินแลกเงินก็เป็นหนูปั่นจักรกระแสเงินให้นายแบงค์และกองทุนต่างๆ ถ้าทุกคนถอนเงินปิดบัญชีหมดเศรษฐกิจก็พังเหมือนกัน ต่างกันตรงไหน ดังนั้นผมขอสรุปต้นทุนชีวิตอีกรอบดังนี้ครับ
1. Labor - แรงงาน เป็นต้นทุนพื้นฐานที่แต่ละประเทศในโลกทุนนิยมจะได้รับการปลูกฝังและฝึกฝนให้มีทักษะในด้านใดด้านหนึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากใช้แรงงานเป็นต้นทุนหลักของชีวิต คุณก็จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำงานเลี้ยงเอาตัวรอดไป
2. Fund - เงิน เป็นต้นทุนที่ส่วนมากจะได้รับมาจากแรงงานเก็บสะสมไว้ไม่ก็จากมรดกสืบทอดมา คนที่ใช้เงินเป็นต้นทุนขับเคลื่อนหลักก็จะมุ่งเน้นหาเงินมาฝากไว้กับระบบที่เชื่อว่าจะนำอิสระทางการเงินมาสู่ชีวิต นี่คือข้อแตกต่างระหว่างคนไม่รู้จักการใช้เงินกับคนที่รู้
3. Passion - ใจ เป็นต้นทุนไม่สามารถจับต้องได้หรือหาซื้อจากที่ไหนได้ คนที่ใช้ใจเป็นต้นทุนขับเคลื่อนหลักก็จะมุ่งหาสิ่งที่อยากทำและทุ่มเทกับมัน แต่ชีวิตจริงไม่ได้สวยงามอย่างที่รู้กันว่าแค่นั้นไม่อาจเนรมิตเงินได้มากพอความต้องการในชีวิตและมีไม่กี่คนที่ทำได้พอจะมีอิสรภาพทางการเงิน แต่ก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำมากพอจะลืมความเหน็ดเหนื่อยและเรื่องเงินที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องเท่าไหร่ได้
4. Wisdom - ปัญญา เป็นต้นทุนเฉพาะที่ไม่สามารถอธิบายและถ่ายทอดให้กันได้ จะเกิดได้จากความคิดและประสบการณ์ที่มากพอของแต่ละคนเท่านั้น คนที่ใช้ปัญญาเป็นต้นทุนหลักในการดำรงชีวิตนอกจากจะรู้ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนและสามารถยอมรับความเป็นไปได้ทั้งหมดว่าคุ้มค่าที่ได้ทำแล้วยังสามารถคิดถึงผลประโยชน์และโทษที่เกิดขึ้นจากการลงทุนนั้นได้ อย่าง iPhone ที่ออกมาไม่ว่าจะตอบโจทย์ตลาดได้มากน้อยแค่ไหน Steve Jobs ก็พอใจว่าโทรศัพท์ที่ดีควรเป็นแบบนี้และคนทั้งโลกก็ได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์นี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม (ผมใช้ Android นะ)
หลังจากที่พิมพ์เสร็จแล้วลองมาคิดดูแล้วกระทู้นี้ก็ไม่ได้ชี้หนทางที่จะสร้างรายได้อะไรขึ้นมาได้ ไม่ได้ทำให้วิถีชีวิตของคนอ่านดีขึ้นได้ และมันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่ได้ลงมือเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวเอง อย่าพยายามหาเงินให้มากพอที่จะซื้อความสุขได้ หาหนทางที่จะมีความสุขในการลงทุนได้แล้วชีวิตจะมีอิสรภาพจากการเงิน
ปล. เผื่อคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องเชิงปรัชญาและศาสนา ผมขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือเนื้อหาที่เขียนในมุมของนักลงทุน 100% ครับ โดยเฉพาะ 2 ข้อหลังที่สำคัญมากเพราะ Passion เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในเส้นทางของ Entrepreneur และ Wisdom จะขาดไม่ได้เลยสำหรับ Breakthrough Innovation ครับ