หมดศรัทธาในตัวสามี.....

กระทู้สนทนา
เพื่อน(รักกันมาก)...เราคบกันตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆจนถึงตอนนี้เราต่างคนต่างโต
ต่างคนไปมีครอบครัวและอยู่คนละมุมของประเทศแต่เราก็ยังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่
(เรากับครอบครัวเพิ่งไปเที่ยวหามาเมื่อต้นเดือนเมษาค่ะ)

เราโทรคุยกันทุกวันเฉลี่ยแล้ว วันละหนึ่งชั่วโมง....

เพื่อนจะโทรมาคุยให้ฟังทุกวันเกี่ยวกับเรื่องสามีของเธอ(เป็นมาหลายเดือนแล้ว)
ตอนนี้เธอเครียดและหมดศรัทธาในตัวสามี
เธอโทรมาเล่าให้ฟัง เราก็ปลอบใจ บอกให้เธออดทนเธอก็ดีขึ้น  

วันนี้เธอโทรมาเหมือนเดิมแต่อาการหนักกว่าทุกครั้ง...ปลอบใจยังไงเธอก็ฟูมฟายร้องไห้อย่างเดียว
เราก็ได้แต่เห็นใจ ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะถ้าขาดเงินเรายังส่งไปช่วยได้
(เคยส่งด้วย)


แต่เรื่องจิตใจนี่สิ ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากวิธีคิดจากเพื่อนคนเดียวเลย...

ตอนนี้สามีเธอตกงานค่ะ(แต่ก่อนเคยทำงานบริษัท)
เธอมีภาระต้องรับผิดชอบคือ ลูกสองคนที่กำลังจะเปิดเทอม(ม.1/ม.6)
แม่ของเธอที่อายุมากแล้วและมีโรคประจำตัว บ้านที่ยังต้องผ่อนส่งเดือนละ12000


หนี้จากบัตรเครดิตน่าจะสักสามสี่แสน(สามีเธอสร้างไว้สมัยทำงาน)
แล้วไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ อื่นๆอีกจิปาถะ  ฯลฯ

ทุกวันนี้เพื่อนไม่ได้นิ่งดูดายนะ  กลางวันเธอตัดผมชาย(อาชีพเดิมๆที่ทำมาตลอดสมัยสามีทำงานเธอทำอาชีพนี้อย่างเดียว)

พอสามีตกงาน ตอนเย็นเธอขายอาหารตามสั่งเลิกเที่ยงคืนตีหนึ่ง
พอตอนเช้าๆเธอทำข้าวเหนียวหมูฝอยขายหน้าหมู่บ้าน

กิจการเธอพอไปได้เลี้ยงครอบครัวสบายๆแต่เธอก็เหนื่อยมาก... จึงเครียด

(สามีช่วยทำทุกอย่างแต่เธอต้องเป็นผู้นำตลอด เพราะถ้าเธอไม่พาทำเค้าคงนอนอยู่บ้านเฉยๆ)






พอเหนื่อยก็จะโมโหสามี...(เธอบอกว่าพาเธอมาลำบาก)
เวลาที่เธอโมโห และบ่นๆๆๆๆๆ สามีจะไม่เถียงสักคำ
ตอนที่สามีเพื่อนทำงานบริษัท เค้าบอกจะเรียนต่อแต่เพื่อนไม่เห็นด้วย
เพื่อนบอกว่าให้เอาเงินที่(สามี)จะเรียนมาไว้ส่งลูกดีกว่ามั้ย
อีกอย่างถ้าเรียนก็ต้องกู้เ(บัตรเครดิต)เรียน แต่สามีเพื่อนก็รั้น เรียนจนจบปริญญาถึง 2 ใบ
(ในขณะที่เพื่อนในวัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออกสักตัว)
สุดท้ายก็ต้องตกงานในวัยที่เกือบจะ50ปี ถึงตอนนี้จะไปสมัครงานที่ไหนก็คงยากแล้วล่ะเพราะอายุเยอะ


เราได้แต่บอกเพื่อนและปลอบใจเพื่อน

บอกเพื่อนว่าเค้าช่วยขาย ช่วยทำน่ะดีแล้วอย่าไปบ่นเค้ามากนะ
ถ้าบ่นด่าเค้ามากๆ เค้าหนีไปเฉยๆแล้วทิ้งภาระทุกอย่างไว้ให้

แล้วจะทำไง แล้วตัวจะมีสามีใหม่หรอ ใครมันจะมารักลูกเราเท่าพ่อมันล่ะ
ตัวไม่รักลูกหรอ
เราเชื่อว่าตัวพาครอบครัวไปตลอดรอดฝั่งอยู่แล้วล่ะเพราะสมัยที่พวกเราเป็นเด็กพวกเราลำบากกว่านี้อีก

อดทนเถอะอย่างน้อยๆเค้าคือคนที่ลูกเรารัก

ทุกครั้งที่เราพูดเพื่อนจะรู้สึกดีขึ้น


แต่ครั้งนี้ไม่เป็นอย่างทุกครั้ง...
เพื่อนโทรมาเล่าเรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ แล้วเพิ่มเติมอีกเยอะแยะ...

เธอบอกว่าเธอไม่ไหวแล้ว จะทำอย่างไรดีเธอหมดศรัทธาในตัวสามี ทำอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด
เพื่อนบอกว่าถึงตอนนี้ไม่มีสามีเพื่อนก็อยู่ได้
(เพื่อนไม่ได้คิดจะมีแฟนใหม่นะคะเพราะเพื่อนขี้เหร่เหมือนเรา อิอิ)

เราได้แต่บอกเพื่อนให้ใจเย็นๆ





***ขอนอกเรื่องนิด***
เรื่องหมดศรัทธาในตัวสามีเราเคยเป็น
(ตอนนั้นมีปัญหากับสามีเรื่องมือที่3ทำให้เราไม่มีเยื่อใยหมดความรัก หมดศรัทธา
หมดความนับถือสามี เราแยกกันอยู่เลยเกือบปีพอเค้าปรับปรุงตัวดีขึ้นเราจึงกลับมาอยู่ด้วยกันแต่ก็ใช้เวลานานในการปรับตัว
เมื่อวานเล่าเรื่องเพื่อนให้สามีฟังสามีถามว่า แล้วทำไมแม่กลับมาดีกับพ่อล่ะ เราบอกเค้าว่าก็พ่อปรับปรุงตัวไง ถ้าไม่ปรับปรุงตัวหนูคงไม่ดีด้วยหรอก ใหม่ๆก็ทำใจยอมรับยาก แต่ก็พยายามคิดว่า พ่อคือคนที่ลูกรัก  จะทำกับข้าวให้พ่อกิน วันไหนที่ตัดหญ้าก็นึกเสียว่าทำให้คงานตัดหญ้ากิน
บางวันก็ทำให้คนขับรถกิน ตอนแยกกันอยู่หนูก็แอบเปิดผ้าม่านมองนะว่าพ่อกลับมาหรือยัง ก็ฮากันไป...)

*******************************************


เราจึงแนะนำเพื่อนว่า

ยิ่งอยู่ยิ่งเกลียดกันลองแยกกันอยู่สักพัก


บอกเค้าว่า พี่ลองแยกกันอยู่สักพักดีมั้ย พี่ไปค้นหาตัวพี่ดูว่าชอบทำอะไร ...เพื่อนพูดขัดขึ้นมาทันที...เราพูดไม่ได้

เราจึงบอกเพื่อนว่า แล้วถ้าเค้าไปแล้วพาลูกไปด้วยตัวทำใจได้หรอ เพื่อนก็นิ่ง...


เฮ้ออออ เราเหนื่อยจังกับปัญหาของเพื่อนเราต้องฟังปัญหาเดิมๆทุกวันเห็นเบอร์เพื่อนโทรมาไม่อยากรับเลย
แต่ก็นะเพื่อนกัน...นี่ยังดีนะเรามีที่นี่เป็นที่ระบาย...


ชีวิตครอบครัว ชีวิตคู่ มันเป็นเหมือนอย่างที่สามีเราเขียนให้น้องชายเค้าในวันแต่งงานว่า



ชีวิตการแต่งงานมันใหญ่หลวงมากนะ รู้มั้ย...เห็นด้วยมั้ยคะ กับคำนี้


ใครเคยหมดศรัทธาในกันและกันแต่ก็สามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้ใหม่ มีวิธีคิดยังไง

มาแชร์กันค่ะ...


ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่