สวัสดีค่ะ เราพึ่งเคยตั้งกระทู้ในห้องนี้เป็นครั้งแรก ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคะ
วันนี้ลองเอางานเขียนแนวโรแมนติก(?)ทราเจดี้ มาลงที่นี่ดู อยากรู้ว่าเพื่อนๆ ห้องนี้ขอบแนวนี้กันหรือเปล่า
อาจจะสั้นๆ เป็นแค่ปฐมบท มีข้อเสนออะไรแนะนำได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
Empty Room - ปฐมบท
ในบางครั้งเราเริ่มต้นความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วจากสิ่งง่ายๆ ที่เรียกว่าตัณหา ซึ่งมีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่บางทีสิ่งที่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยนี้ได้ค่อยๆ สร้างขึ้นกลับน่าประหลาดใจเหลือล้น
ก่อนที่จะรู้ตัว หัวใจของเราก็ได้ร้าวรานเสียแล้ว
เราไม่สามารถที่จะอยู่ข้างกันได้
แม้ว่าความจริงแล้วไม่ได้มีสิ่งใดขวางกั้น
มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่รั้งเอาไว้
แต่ความกลัวกลับมีอำนาจมากกว่า
เราจึงยอมเลือกที่จะเจ็บปวด
มันคือความเจ็บปวดที่งดงามยิ่งนัก มันเต็มไปด้วยความเย้ายวนและไร้ซึ่งแบบแผน แต่ถ้าหากไม่ระวัง เพียงสัมผัสที่แผ่วเบาก็อาจทำให้แหลกสลายได้ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเราไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าที่จริงหัวใจของเราเปราะบางเพียงใด
เพราะฉันยินดีที่จะก้าวเข้าไป
ในใจกลางพายุนั้น
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าตัวฉัน
จะถูกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
.
.
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่เราเริ่มต้นความสัมพันธ์อันแสนประหลาดนี้ ฉันไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เหมือนคลื่นที่ซัดสาดแบบไม่ทันตั้งตัว ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียงของเขา ในมือมีไอศครีมรสเนยถั่วที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“ฉันมาทำอะไรที่นี่ จริงๆ นะ ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่” ฉันพูดขณะนอนเหม่อมองเพดานห้อง
“ผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ นี่คือจุดต่ำสุดในชีวิตคุณแล้วใช่มั้ย” เขาพูดไปหัวเราะไป หันมาสบตาฉัน
“เปล่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันตั้งคำถามแบบนี้ตลอดเวลาแหละ” ฉันตอบไปตามความจริง แต่ในครั้งนี้คำถามนี้ค่อนข้างชัดเจน
“ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันนะ ย้ายมาอยู่นิวยอร์คเพราะหวังว่าจะมีอนาคต แต่เรียนจบมางานเป็นชิ้นเป็นอันก็ยังหาไม่ได้ มีแค่ไปทำงานล่วงเวลาที่ร้านอาหารให้พอจ่ายค่าเช่าบ้านเท่านั้น นี่ฉันเสียเวลาในชีวิตมาเท่าไหร่แล้ว?”
“ผมบอกคุณแล้วว่าไอศครีมนี่มันสุดยอด ที่ทำให้คุณสามารถตั้งคำถามกับชีวิตตัวเองได้” เขายังคงพูดติดตลก
“ใช่ ไอศครีมนี่มันสุดยอดจริงๆ แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามันทำให้ฉันตอบคำถามตัวเองได้จริงๆ น่ะนะ” ฉันถอนหายใจและกัดไอศครีมกินต่อ “ที่จริงฉันไม่ค่อยชอบเนยถั่วเท่าไหร่”
เขาเอื้อมมือมาพาดบนตัวฉัน “งั้นคราวหน้าคุณเลือกรสก็แล้วกัน”
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนริมฝีปากของเขา เราต่างมองตากัน ปลายนิ้วของเขาค่อยๆ ไล้ไปตามแนวบ่าเปลือยเปล่าของฉัน
ฉันโยนไอศครีมที่เหลือลงถังขยะ
“ขอโทษที่กินไม่หมด”
เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่บดขยี้ริมฝีปากของฉันด้วยจูบเท่านั้น
.
หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเห็นเขาบนทางเดินระหว่างตึกเรียน รูปร่างหน้าตาของเขาค่อนข้างเป็นที่สะดุดตากว่าคนอื่นๆ แม้อาจไม่ถึงขั้นรูปงามชวนฝัน แต่กลับมีบางสิ่งที่ดึงดูดให้มอง ดวงตาของเขาคมเข้มเหมือนเหยี่ยว ร่างกายสูงใหญ่และสมส่วน ช่วงไหล่ผายกว้าง มีกล้ามเนื้อพอประมาณ ผมสีดำสนิทยาวประบ่าขับให้ผิวสีแทนดูเด่นขึ้นมา เขามักจะแต่งตัวเรียบๆ ดูเป็นผู้ชายแบบในแคตตาล็อกหนังสือตกปลา
ส่วนตัวฉันเองก็ไม่ได้สวยหยาดเยิ้มนัก แต่ก็อาจจะพอใช้ได้สำหรับบางคน ดวงตากลมโต ผมยาวตรงสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างผอมบาง ผิวขาวตามฉบับผู้หญิงเอเชียทั่วไป ท่าทางปราดเปรียวคล่องแคล่วเพราะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานาน ไม่ค่อยพูดนักจึงดูเหมือนคนหยิ่งทะนง
ฉันเคยเห็นเขาคุยกับเพื่อนของฉันเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก
ครั้งหนึ่งเราได้พูดกัน จำได้เพียงเขาบอกว่ารองเท้าของฉันสวยดี
.
เราผลอยหลับไปจนถึงบ่ายแก่ๆ จนกระทั่งเขาขยับตัวเข้ามาใกล้จากด้านหลัง
เขาเอื้อมมือมาโอบรอบตัวฉันอย่างเชื่องช้า นิ้วมือของเราสอดประสานราวกับเถาวัลย์ที่เลื้อยพันต้นไทร ฉันหันไปมองเขา แสงอาทิตย์คล้อยต่ำลอดผ่านมู่ลี่หน้าต่าง สาดสะท้อนในนัยน์ตาสีน้ำตาล
“การเป็นแบบนี้คุณโอเคกับมันเหรอ” เขากระซิบ
“เป็นยังไง?”
“การที่เราเป็นแบบนี้ มันซับซ้อน ผมไม่อยากเป็นไอ้งั่งที่ทำร้ายความรู้สึกคุณ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก เธอล่ะ”
“ผมไม่เป็นไร”
“ที่จริงฉันเองก็ต้องการสิ่งนี้เหมือนกัน” ฉันกระชับแขนเขาให้รัดรอบตัวฉันแน่นขึ้น
“สิ่งนี้...คุณหมายถึงที่เป็นของจริงใช่ไหม?”
“มันไม่สำคัญหรอก แบบนี้ก็ดีพอแล้ว”
เราทั้งคู่เงียบไปสักพัก เขายังคงกอดฉันจากข้างหลัง ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ แทรกผ่านเส้นผม
“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยอยู่กับผมอีกสักคืนก็พอ”
.
Empty Room - ปฐมบท (กระทู้ชิมลาง)
วันนี้ลองเอางานเขียนแนวโรแมนติก(?)ทราเจดี้ มาลงที่นี่ดู อยากรู้ว่าเพื่อนๆ ห้องนี้ขอบแนวนี้กันหรือเปล่า
อาจจะสั้นๆ เป็นแค่ปฐมบท มีข้อเสนออะไรแนะนำได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
Empty Room - ปฐมบท
ในบางครั้งเราเริ่มต้นความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วจากสิ่งง่ายๆ ที่เรียกว่าตัณหา ซึ่งมีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่บางทีสิ่งที่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยนี้ได้ค่อยๆ สร้างขึ้นกลับน่าประหลาดใจเหลือล้น
ก่อนที่จะรู้ตัว หัวใจของเราก็ได้ร้าวรานเสียแล้ว
เราไม่สามารถที่จะอยู่ข้างกันได้
แม้ว่าความจริงแล้วไม่ได้มีสิ่งใดขวางกั้น
มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่รั้งเอาไว้
แต่ความกลัวกลับมีอำนาจมากกว่า
เราจึงยอมเลือกที่จะเจ็บปวด
มันคือความเจ็บปวดที่งดงามยิ่งนัก มันเต็มไปด้วยความเย้ายวนและไร้ซึ่งแบบแผน แต่ถ้าหากไม่ระวัง เพียงสัมผัสที่แผ่วเบาก็อาจทำให้แหลกสลายได้ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเราไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าที่จริงหัวใจของเราเปราะบางเพียงใด
เพราะฉันยินดีที่จะก้าวเข้าไป
ในใจกลางพายุนั้น
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าตัวฉัน
จะถูกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
.
.
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่เราเริ่มต้นความสัมพันธ์อันแสนประหลาดนี้ ฉันไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เหมือนคลื่นที่ซัดสาดแบบไม่ทันตั้งตัว ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียงของเขา ในมือมีไอศครีมรสเนยถั่วที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“ฉันมาทำอะไรที่นี่ จริงๆ นะ ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่” ฉันพูดขณะนอนเหม่อมองเพดานห้อง
“ผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ นี่คือจุดต่ำสุดในชีวิตคุณแล้วใช่มั้ย” เขาพูดไปหัวเราะไป หันมาสบตาฉัน
“เปล่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันตั้งคำถามแบบนี้ตลอดเวลาแหละ” ฉันตอบไปตามความจริง แต่ในครั้งนี้คำถามนี้ค่อนข้างชัดเจน
“ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันนะ ย้ายมาอยู่นิวยอร์คเพราะหวังว่าจะมีอนาคต แต่เรียนจบมางานเป็นชิ้นเป็นอันก็ยังหาไม่ได้ มีแค่ไปทำงานล่วงเวลาที่ร้านอาหารให้พอจ่ายค่าเช่าบ้านเท่านั้น นี่ฉันเสียเวลาในชีวิตมาเท่าไหร่แล้ว?”
“ผมบอกคุณแล้วว่าไอศครีมนี่มันสุดยอด ที่ทำให้คุณสามารถตั้งคำถามกับชีวิตตัวเองได้” เขายังคงพูดติดตลก
“ใช่ ไอศครีมนี่มันสุดยอดจริงๆ แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามันทำให้ฉันตอบคำถามตัวเองได้จริงๆ น่ะนะ” ฉันถอนหายใจและกัดไอศครีมกินต่อ “ที่จริงฉันไม่ค่อยชอบเนยถั่วเท่าไหร่”
เขาเอื้อมมือมาพาดบนตัวฉัน “งั้นคราวหน้าคุณเลือกรสก็แล้วกัน”
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนริมฝีปากของเขา เราต่างมองตากัน ปลายนิ้วของเขาค่อยๆ ไล้ไปตามแนวบ่าเปลือยเปล่าของฉัน
ฉันโยนไอศครีมที่เหลือลงถังขยะ
“ขอโทษที่กินไม่หมด”
เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่บดขยี้ริมฝีปากของฉันด้วยจูบเท่านั้น
.
หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเห็นเขาบนทางเดินระหว่างตึกเรียน รูปร่างหน้าตาของเขาค่อนข้างเป็นที่สะดุดตากว่าคนอื่นๆ แม้อาจไม่ถึงขั้นรูปงามชวนฝัน แต่กลับมีบางสิ่งที่ดึงดูดให้มอง ดวงตาของเขาคมเข้มเหมือนเหยี่ยว ร่างกายสูงใหญ่และสมส่วน ช่วงไหล่ผายกว้าง มีกล้ามเนื้อพอประมาณ ผมสีดำสนิทยาวประบ่าขับให้ผิวสีแทนดูเด่นขึ้นมา เขามักจะแต่งตัวเรียบๆ ดูเป็นผู้ชายแบบในแคตตาล็อกหนังสือตกปลา
ส่วนตัวฉันเองก็ไม่ได้สวยหยาดเยิ้มนัก แต่ก็อาจจะพอใช้ได้สำหรับบางคน ดวงตากลมโต ผมยาวตรงสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างผอมบาง ผิวขาวตามฉบับผู้หญิงเอเชียทั่วไป ท่าทางปราดเปรียวคล่องแคล่วเพราะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานาน ไม่ค่อยพูดนักจึงดูเหมือนคนหยิ่งทะนง
ฉันเคยเห็นเขาคุยกับเพื่อนของฉันเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก
ครั้งหนึ่งเราได้พูดกัน จำได้เพียงเขาบอกว่ารองเท้าของฉันสวยดี
.
เราผลอยหลับไปจนถึงบ่ายแก่ๆ จนกระทั่งเขาขยับตัวเข้ามาใกล้จากด้านหลัง
เขาเอื้อมมือมาโอบรอบตัวฉันอย่างเชื่องช้า นิ้วมือของเราสอดประสานราวกับเถาวัลย์ที่เลื้อยพันต้นไทร ฉันหันไปมองเขา แสงอาทิตย์คล้อยต่ำลอดผ่านมู่ลี่หน้าต่าง สาดสะท้อนในนัยน์ตาสีน้ำตาล
“การเป็นแบบนี้คุณโอเคกับมันเหรอ” เขากระซิบ
“เป็นยังไง?”
“การที่เราเป็นแบบนี้ มันซับซ้อน ผมไม่อยากเป็นไอ้งั่งที่ทำร้ายความรู้สึกคุณ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก เธอล่ะ”
“ผมไม่เป็นไร”
“ที่จริงฉันเองก็ต้องการสิ่งนี้เหมือนกัน” ฉันกระชับแขนเขาให้รัดรอบตัวฉันแน่นขึ้น
“สิ่งนี้...คุณหมายถึงที่เป็นของจริงใช่ไหม?”
“มันไม่สำคัญหรอก แบบนี้ก็ดีพอแล้ว”
เราทั้งคู่เงียบไปสักพัก เขายังคงกอดฉันจากข้างหลัง ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ แทรกผ่านเส้นผม
“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยอยู่กับผมอีกสักคืนก็พอ”
.