เพียงครึ่งใจ (บทที่ 28)
มือใหญ่ที่กุม…จับไว้ทุกวินาทีที่มีโอกาส
บางทีเขายกมือที่กุมเกี่ยวทาบไว้ที่หน้าอก จะปล่อยก็ตอนกินข้าว หากบางทีก็ยังมีที่เขาเอื้อมมือมาแตะ
ความรู้สึกอ่อนโยน อบอุ่น ที่ถ่ายทอดออกมา และจากดวงตาคมที่ฉายแววล้ำลึกนั่น ทำให้แก้มและริมฝีปากของหญิงสาวเป็นสีจัดขึ้นทุกคราที่สบตาเขา
“มันคงจะดี ถ้าผมได้มองนิหล่าอย่างนี้ทุกวัน”
ใช่…คงจะดี เพียงแต่ว่าโทรศัพท์ของเธอที่ดังขึ้นทำลายความคิดอันแสนหวาน ดึงเธอให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“ทำไมไม่บอกว่าเธอเดินทางไปกับเขา ไหนว่าเป็นสันติที่ไป โกหก!” มองก๊กคาดคั้นดังลั่น
“ทางโน้นเขาเพิ่งมาบอกหนึ่งวันก่อนเดินทาง” นิหล่ากรอกเสียงเป็นภาษาพม่า พลางเหลือบมองเขาที่ยังคงยิ้มให้
“เป็นแผนของเธอหรือของคอนโร”
“อย่าหาเรื่องนะพี่ ไม่ใช่แผน มันกะทันหัน เขา…ก็ต้องบินกลับมาจากแอฟริกา”
“ทำเสียงแบบนี้ อย่าบอกนะว่าอนรรฆอยู่ด้วย” มองก๊กช่างสังเกต
“ใช่…เขาอยู่นี่ กำลังกินข้าวเย็นกัน”
“ไปกับเขาทำไม”
“แล้วจะให้ไปกับใคร อีกอย่างฉันกับเขาทำงานด้วยกัน และก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องดูแลเรา”
“ข้ออ้าง” ผู้เป็นพี่กระแทกเสียง
“ฉันไม่พูดด้วยแล้ว พี่น่ะพาล เข้าข้างอองเมียทตูกันเข้าไป”
“ไม่ได้พาล และไม่ได้เข้าข้าง เธอทำอะไรคิดถึงคุณอนรรฆเขาบ้าง รู้ทั้งรู้ว่าอองเมียทตูและท่านเป็นยังไง มันไม่ยุติธรรมถ้าความต้องการและความเอาแต่ใจของเธอทำให้เขาเดือดร้อน”
คำบอกของผู้เป็นพี่ทำให้นิหล่ามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เห็นแววตาเป็นประกายระยิบฉาบเสน่ห์ และรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนเธอจะพูดอย่างตริตรอง
“มาถึงตอนนี้ ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าอะไรคือความยุติธรรม แค่นี้นะ”
“นิหล่า…ที่โทรฯ มาก็เพื่อเตือนให้เธอระวัง บาเต็งสงสัย มาถามฉันเรื่องคอนโรเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วยังจะเรื่องของคุณอนรรฆ เธอก็รู้…ถ้าบาเต็งรู้ เรื่องนี้คงถึงหู…ท่านแล้ว”
“อะไรนะ!”
เสียงตกใจตื่นตระหนกดังทำให้อนรรฆถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรนิหล่า มีอะไร”
และเขายังถามเมื่อหญิงสาววางสายกับผู้เป็นพี่แล้ว
“นิหล่า…อย่าเงียบไปซิ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” แม้เขาฟังภาษาพม่าไม่ออก แต่จากท่าทีและน้ำเสียงของหญิงสาว คนที่เป็นห่วงย่อมรู้…เป็นเรื่องไม่ดีแน่
แล้วไหนจะการนิ่งเงียบ ดวงหน้านวลครุ่นคิด
อนรรฆเอื้อมมือทั้งสองข้าง แตะเบาที่มือเล็กนุ่ม พลิกฝ่ามือของเธอขึ้น ก่อนจะวาดรูปปรัศนี ย้ำวาดถึงสามครั้ง
หากอีกแล้ว…ไม่มีคำตอบ
“เพราะคนที่นิหล่าจะแต่งงานด้วยใช่ไหม”
คำถามที่มีริ้วรอยขื่นอยู่ในคอทำให้หญิงสาวพลันมองเขา สายตานิ่ง ริมฝีปากเคลือบสีอ่อนจาง ตอบรับเพียงแค่
“ค่ะ”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
มือใหญ่คลายออก แล้วรวบช้อนส้อมของตน
อนรรฆนั่งนิ่ง อยู่ในอิริยาบถเดิมแม้เมื่อหญิงสาวที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เดินออกไปแล้ว
สายเสียแล้ว…สายแล้วหรือ
นิหล่ากับเขา…หรือว่ามันคงสายเกินไปแล้วจริงๆ
สายสวาทมัดสิ้นซึ่งสายใจ
สายเกินไปสุดคว้าไว้มาครอบครอง
แม้จะรู้ว่า…สาย ในเรื่องของเรา แต่อนรรฆก็ยังกุมมือเล็กมาเกือบตลอดทาง ไม่ปล่อยแม้เสี้ยววินาที
มือเล็กเย็นเฉียบ อาจเป็นเพราะอากาศในตอนค่ำก็ได้ เขาเห็นว่าเธอเบี่ยงหน้าออกไปด้านนอกรถที่แล่นไปช้าๆ ในยามค่ำ
นิหล่าหันหน้าหนี ไม่ใช่เพราะโกรธหรืองอนเหมือนเช่นวันสองวันที่ผ่านมา หากเพราะความคิดบางอย่าง
คงคิดเรื่อง…ผู้ชายคนนั้น ริชาร์ดหรือใคร ที่เธอจะแต่งงานด้วย
เพียงแต่ว่า คนๆ นั้นไม่ใช่เขา
ไม่ใช่ มาตั้งนานแล้ว…คิดเช่นนั้น มืออีกข้างจึงกำพวงมาลัยแน่น
และเมื่อนำรถเข้ามาจอดหน้าโรงแรม อนรรฆจึงคลายมือออกทั้งจากพวงมาลัยและมือเล็กที่เขากุมด้วยความรู้สึก ชายหนุ่มเปิดประตูลงไปท้ายรถเอาบรรดาถุงที่ล้วนมีของที่นิหล่าซื้อวันนี้
ถุงสี่ห้าถุงสามารถถือได้ในมือเดียว อีกมือเขารับบัตรจอดรถมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋า หากไม่ได้เอื้อมไปจับมือเล็กนั้นเช่นเคย
อนรรฆมองดวงตางดงามที่เหลือบมองเขาเพียงแวบ ดวงตาคู่นั้นของนิหล่ามีรอยแดงกล่ำตั้งแต่ที่เธออกมาจากห้องน้ำในร้านอาหาร ตอนนี้ดวงตาโศกยังคงดูเศร้า จนใจเขาสะท้านลึก นึกอยากจะคว้าร่างนั้นเข้ามากอดปลอบใจ
ให้มีร้อยคำถาม แต่ชายหนุ่มทำได้แค่ถอนในเฮือก เดินตามร่างอรชรเข้ามาข้างในโรงแรม จนมาถึงหน้าห้องพักของเธอ เขาเห็นหรอกว่ามือเล็กที่ก่อนหน้านี้เขาเคยกุม สั่นนิดเมื่อเสียบบัตรคีย์การ์ดลงในช่องแล้วเปิดประตู
เธอเปิดประตูไว้ให้เขาเดินผ่านเข้าไป
อนรรฆวางบรรดาถุงสินค้าบนโต๊ะกลางหน้าโซฟาของบริเวณห้องรับแขก แล้วหันกลับมา เห็นว่าผู้เป็นเจ้าของห้องยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้นั่งสีเทาอมฟ้าตัวใหญ่
รอยยิ้มของเขา…เศร้า ไม่แพ้แววตาของเธอ
“ราตรีสวัสดิ์นิหล่า”
ว่าแล้วเขาก็เตรียมก้าวผ่านร่างเล็ก หากก็เพียงไม่กี่ก้าว
“คุณอนรรฆ”
เสียงแผ่วจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหยุดกึกหันกลับไป ได้ยินสียงเบาที่ถามราวไม่มั่นใจ
“พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร”
เสียงนั้นไม่ต่างจากสายลมเย็นสบายที่แว่วเข้ามาในค่ำคืนที่แสนร้อนระอุ
“พรุ่งนี้ ก็ต้องดีกว่าวันนี้ซิ” คำตอบเบาละมุนละไม แต่ไม่ให้ความหวัง
“แล้วถ้าพรุ่งนี้มาไม่ถึง” มือเล็กที่วางบนพนักเก้าอี้นวมกำแน่ หนักเช่นอาการที่บีบหัวใจในตอนนี้
พรุ่งนี้ของเรา…ไม่ใช่ของอองเมียทตู
ไม่ใช่ของท่าน
ไม่ใช่ของมองก๊ก หรือของริชาร์ด หรือของพรพิมล หรือทัศนีย์ หรือใครอื่น
พรุ่งนี้ที่เป็นของเรา…เท่านั้น
ดวงตาโศกแดงก่ำที่มองมาทำให้อนรรฆสาวเท้าเข้าไป หัวใจกระตุกอย่างแรง
“ต้องมีพรุ่งนี้ซิ และพรุ่งนี้ของเราจะนาน…เท่าที่นิหล่าต้องการให้เป็น”
เขามองใบหน้านวลนั่น เห็นหญิงสาวสบตามาเพียงแวบ หากพลันหลบ จนอนรรฆต้องเชยดวงหน้านั้นขึ้น
แววตาอ่อนหวาน…ให้ไม่บอกมาเป็นคำพูด เขาก็รู้ว่าเธอ…รัก
ใจ…นิหล่าเป็นของเขา
ตอนนั้นที่สิงคโปร์ ใจ…อาจมาไม่ทั้งหมด แต่เธอก็หวั่นไหว พอๆ กับใจของเขาเอง
แต่วันนี้ ตอนนี้ วินาทีนี้ ใจนิหล่าเป็นของเขาแน่แท้
ไม่ใช่ของ…ใคร ที่เธอจะแต่งงานด้วย
อนรรฆปัดปอยผมยาวที่แตะหน้านวล มือไล้ไปบนพวงแก้ม เช่นที่เขาเคยทำเมื่อหลายปีก่อน ครานั้นได้…ชิด แต่ไม่ได้เชย
ครานี้หัวใจ…ที่มีความต้องการนั้นสุดแสนจะหักห้ามได้
เวลาของเรา มีเพียงวันนี้ตอนนี้เท่านั้น
ริมฝีปากของเขาทาบลงบนริมฝีปากหวานบางละมุนราวกลีบกุหลาบ มือของเขาสัมผัสเนื้อนุ่มราวแพรเนื้อดี อ้อมกอดกระชับแน่น รับรู้ว่านิหล่าตอบรับด้วยอาการกึ่งลังเลไม่แน่ใจ
หากก็แค่เสี้ยววินาทีนั้น…เพียงเท่านั้น
(ต่อ)
เพียงครึ่งใจ (บทที่ 28) โดย มานัส
มือใหญ่ที่กุม…จับไว้ทุกวินาทีที่มีโอกาส
บางทีเขายกมือที่กุมเกี่ยวทาบไว้ที่หน้าอก จะปล่อยก็ตอนกินข้าว หากบางทีก็ยังมีที่เขาเอื้อมมือมาแตะ
ความรู้สึกอ่อนโยน อบอุ่น ที่ถ่ายทอดออกมา และจากดวงตาคมที่ฉายแววล้ำลึกนั่น ทำให้แก้มและริมฝีปากของหญิงสาวเป็นสีจัดขึ้นทุกคราที่สบตาเขา
“มันคงจะดี ถ้าผมได้มองนิหล่าอย่างนี้ทุกวัน”
ใช่…คงจะดี เพียงแต่ว่าโทรศัพท์ของเธอที่ดังขึ้นทำลายความคิดอันแสนหวาน ดึงเธอให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“ทำไมไม่บอกว่าเธอเดินทางไปกับเขา ไหนว่าเป็นสันติที่ไป โกหก!” มองก๊กคาดคั้นดังลั่น
“ทางโน้นเขาเพิ่งมาบอกหนึ่งวันก่อนเดินทาง” นิหล่ากรอกเสียงเป็นภาษาพม่า พลางเหลือบมองเขาที่ยังคงยิ้มให้
“เป็นแผนของเธอหรือของคอนโร”
“อย่าหาเรื่องนะพี่ ไม่ใช่แผน มันกะทันหัน เขา…ก็ต้องบินกลับมาจากแอฟริกา”
“ทำเสียงแบบนี้ อย่าบอกนะว่าอนรรฆอยู่ด้วย” มองก๊กช่างสังเกต
“ใช่…เขาอยู่นี่ กำลังกินข้าวเย็นกัน”
“ไปกับเขาทำไม”
“แล้วจะให้ไปกับใคร อีกอย่างฉันกับเขาทำงานด้วยกัน และก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องดูแลเรา”
“ข้ออ้าง” ผู้เป็นพี่กระแทกเสียง
“ฉันไม่พูดด้วยแล้ว พี่น่ะพาล เข้าข้างอองเมียทตูกันเข้าไป”
“ไม่ได้พาล และไม่ได้เข้าข้าง เธอทำอะไรคิดถึงคุณอนรรฆเขาบ้าง รู้ทั้งรู้ว่าอองเมียทตูและท่านเป็นยังไง มันไม่ยุติธรรมถ้าความต้องการและความเอาแต่ใจของเธอทำให้เขาเดือดร้อน”
คำบอกของผู้เป็นพี่ทำให้นิหล่ามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เห็นแววตาเป็นประกายระยิบฉาบเสน่ห์ และรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนเธอจะพูดอย่างตริตรอง
“มาถึงตอนนี้ ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าอะไรคือความยุติธรรม แค่นี้นะ”
“นิหล่า…ที่โทรฯ มาก็เพื่อเตือนให้เธอระวัง บาเต็งสงสัย มาถามฉันเรื่องคอนโรเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วยังจะเรื่องของคุณอนรรฆ เธอก็รู้…ถ้าบาเต็งรู้ เรื่องนี้คงถึงหู…ท่านแล้ว”
“อะไรนะ!”
เสียงตกใจตื่นตระหนกดังทำให้อนรรฆถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรนิหล่า มีอะไร”
และเขายังถามเมื่อหญิงสาววางสายกับผู้เป็นพี่แล้ว
“นิหล่า…อย่าเงียบไปซิ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” แม้เขาฟังภาษาพม่าไม่ออก แต่จากท่าทีและน้ำเสียงของหญิงสาว คนที่เป็นห่วงย่อมรู้…เป็นเรื่องไม่ดีแน่
แล้วไหนจะการนิ่งเงียบ ดวงหน้านวลครุ่นคิด
อนรรฆเอื้อมมือทั้งสองข้าง แตะเบาที่มือเล็กนุ่ม พลิกฝ่ามือของเธอขึ้น ก่อนจะวาดรูปปรัศนี ย้ำวาดถึงสามครั้ง
หากอีกแล้ว…ไม่มีคำตอบ
“เพราะคนที่นิหล่าจะแต่งงานด้วยใช่ไหม”
คำถามที่มีริ้วรอยขื่นอยู่ในคอทำให้หญิงสาวพลันมองเขา สายตานิ่ง ริมฝีปากเคลือบสีอ่อนจาง ตอบรับเพียงแค่
“ค่ะ”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
มือใหญ่คลายออก แล้วรวบช้อนส้อมของตน
อนรรฆนั่งนิ่ง อยู่ในอิริยาบถเดิมแม้เมื่อหญิงสาวที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เดินออกไปแล้ว
สายเสียแล้ว…สายแล้วหรือ
นิหล่ากับเขา…หรือว่ามันคงสายเกินไปแล้วจริงๆ
สายสวาทมัดสิ้นซึ่งสายใจ
สายเกินไปสุดคว้าไว้มาครอบครอง
แม้จะรู้ว่า…สาย ในเรื่องของเรา แต่อนรรฆก็ยังกุมมือเล็กมาเกือบตลอดทาง ไม่ปล่อยแม้เสี้ยววินาที
มือเล็กเย็นเฉียบ อาจเป็นเพราะอากาศในตอนค่ำก็ได้ เขาเห็นว่าเธอเบี่ยงหน้าออกไปด้านนอกรถที่แล่นไปช้าๆ ในยามค่ำ
นิหล่าหันหน้าหนี ไม่ใช่เพราะโกรธหรืองอนเหมือนเช่นวันสองวันที่ผ่านมา หากเพราะความคิดบางอย่าง
คงคิดเรื่อง…ผู้ชายคนนั้น ริชาร์ดหรือใคร ที่เธอจะแต่งงานด้วย
เพียงแต่ว่า คนๆ นั้นไม่ใช่เขา
ไม่ใช่ มาตั้งนานแล้ว…คิดเช่นนั้น มืออีกข้างจึงกำพวงมาลัยแน่น
และเมื่อนำรถเข้ามาจอดหน้าโรงแรม อนรรฆจึงคลายมือออกทั้งจากพวงมาลัยและมือเล็กที่เขากุมด้วยความรู้สึก ชายหนุ่มเปิดประตูลงไปท้ายรถเอาบรรดาถุงที่ล้วนมีของที่นิหล่าซื้อวันนี้
ถุงสี่ห้าถุงสามารถถือได้ในมือเดียว อีกมือเขารับบัตรจอดรถมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋า หากไม่ได้เอื้อมไปจับมือเล็กนั้นเช่นเคย
อนรรฆมองดวงตางดงามที่เหลือบมองเขาเพียงแวบ ดวงตาคู่นั้นของนิหล่ามีรอยแดงกล่ำตั้งแต่ที่เธออกมาจากห้องน้ำในร้านอาหาร ตอนนี้ดวงตาโศกยังคงดูเศร้า จนใจเขาสะท้านลึก นึกอยากจะคว้าร่างนั้นเข้ามากอดปลอบใจ
ให้มีร้อยคำถาม แต่ชายหนุ่มทำได้แค่ถอนในเฮือก เดินตามร่างอรชรเข้ามาข้างในโรงแรม จนมาถึงหน้าห้องพักของเธอ เขาเห็นหรอกว่ามือเล็กที่ก่อนหน้านี้เขาเคยกุม สั่นนิดเมื่อเสียบบัตรคีย์การ์ดลงในช่องแล้วเปิดประตู
เธอเปิดประตูไว้ให้เขาเดินผ่านเข้าไป
อนรรฆวางบรรดาถุงสินค้าบนโต๊ะกลางหน้าโซฟาของบริเวณห้องรับแขก แล้วหันกลับมา เห็นว่าผู้เป็นเจ้าของห้องยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้นั่งสีเทาอมฟ้าตัวใหญ่
รอยยิ้มของเขา…เศร้า ไม่แพ้แววตาของเธอ
“ราตรีสวัสดิ์นิหล่า”
ว่าแล้วเขาก็เตรียมก้าวผ่านร่างเล็ก หากก็เพียงไม่กี่ก้าว
“คุณอนรรฆ”
เสียงแผ่วจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหยุดกึกหันกลับไป ได้ยินสียงเบาที่ถามราวไม่มั่นใจ
“พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร”
เสียงนั้นไม่ต่างจากสายลมเย็นสบายที่แว่วเข้ามาในค่ำคืนที่แสนร้อนระอุ
“พรุ่งนี้ ก็ต้องดีกว่าวันนี้ซิ” คำตอบเบาละมุนละไม แต่ไม่ให้ความหวัง
“แล้วถ้าพรุ่งนี้มาไม่ถึง” มือเล็กที่วางบนพนักเก้าอี้นวมกำแน่ หนักเช่นอาการที่บีบหัวใจในตอนนี้
พรุ่งนี้ของเรา…ไม่ใช่ของอองเมียทตู
ไม่ใช่ของท่าน
ไม่ใช่ของมองก๊ก หรือของริชาร์ด หรือของพรพิมล หรือทัศนีย์ หรือใครอื่น
พรุ่งนี้ที่เป็นของเรา…เท่านั้น
ดวงตาโศกแดงก่ำที่มองมาทำให้อนรรฆสาวเท้าเข้าไป หัวใจกระตุกอย่างแรง
“ต้องมีพรุ่งนี้ซิ และพรุ่งนี้ของเราจะนาน…เท่าที่นิหล่าต้องการให้เป็น”
เขามองใบหน้านวลนั่น เห็นหญิงสาวสบตามาเพียงแวบ หากพลันหลบ จนอนรรฆต้องเชยดวงหน้านั้นขึ้น
แววตาอ่อนหวาน…ให้ไม่บอกมาเป็นคำพูด เขาก็รู้ว่าเธอ…รัก
ใจ…นิหล่าเป็นของเขา
ตอนนั้นที่สิงคโปร์ ใจ…อาจมาไม่ทั้งหมด แต่เธอก็หวั่นไหว พอๆ กับใจของเขาเอง
แต่วันนี้ ตอนนี้ วินาทีนี้ ใจนิหล่าเป็นของเขาแน่แท้
ไม่ใช่ของ…ใคร ที่เธอจะแต่งงานด้วย
อนรรฆปัดปอยผมยาวที่แตะหน้านวล มือไล้ไปบนพวงแก้ม เช่นที่เขาเคยทำเมื่อหลายปีก่อน ครานั้นได้…ชิด แต่ไม่ได้เชย
ครานี้หัวใจ…ที่มีความต้องการนั้นสุดแสนจะหักห้ามได้
เวลาของเรา มีเพียงวันนี้ตอนนี้เท่านั้น
ริมฝีปากของเขาทาบลงบนริมฝีปากหวานบางละมุนราวกลีบกุหลาบ มือของเขาสัมผัสเนื้อนุ่มราวแพรเนื้อดี อ้อมกอดกระชับแน่น รับรู้ว่านิหล่าตอบรับด้วยอาการกึ่งลังเลไม่แน่ใจ
หากก็แค่เสี้ยววินาทีนั้น…เพียงเท่านั้น
(ต่อ)