จริงใจ ใสซื่อ จริงใจ จาก ยิ่งลักษณ์ ถาม ประชาชน .....วิเคราะห์.... ข่าวสดออนไน์
ปาฐกถาในที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตย ณ ประเทศมองโกเลีย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ได้ยืนยันอย่างเด่นชัดและอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นว่า
ประเด็นอันเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็นเรื่องส่วนตัว
แม้จะมีความพยายามนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ให้การอันเกี่ยวกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเรื่องส่วนตัว แต่พลันที่มีการนำเอากระบวนการรัฐประหารมาเป็นเครื่องมือ
ในการโค่นล้มและทำลายล้าง
เรื่องนี้ก็ก้าวพ้นจากประเด็น ส่วนตัว กลายเป็นเรื่อง ส่วนรวม
จากการรัฐประหารประเทศไทยต้องถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ
หลักนิติธรรมและกระบวนการทางกฎหมายถูกทำลาย
เป็นบทสรุปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตยให้เห็นถึงผลสะเทือน
ของการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่มิได้มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น
เป็นบทสรุปที่แรง คมชัด ตรงประเด็น
นับแต่เข้าสู่เวทีทางการเมืองในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 กระทั่งเข้าดำรงตำแหน่งเป็น
นายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นครั้งแรกที่เอ่ยถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเข้าเป้า
เป็นการเอ่ยถึง พี่ชาย อย่างแน่นอน แต่ก็เน้นย้ำให้เห็นถึงสถานะของพี่ชายซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งของประชาชน
เป็นการเอ่ยถึงผลสะเทือนอันเนื่องแต่กระบวนการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
ซึ่งไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่การโค่นล้มทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากแต่ยังทำให้สังคม
ประเทศมีสภาพเหมือนกับ รถไฟตกราง
ตกรางต่อเนื่องมากว่า 7 ปีแล้ว
ในความเป็นจริงหากไม่มีสถานการณ์การรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ประเทศไทย
คงไม่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเดือนสิงหาคม 2554
น่าเศร้าที่แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมาเพราะเสียงของประชาชน
แต่กับดักและขวากหนามอันรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 วางเอาไว้เกลื่อนกลาด
ทำให้ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่น
เป็นกับดักจากรัฐธรรมนูญ เป็นขวากหนามจากองค์กรอิสระ
ไม่ว่าจะต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะต้องการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญ
ก็มิอาจทำได้ติดกับดัก ติดขวากหนาม
หากไม่เหลืออดเหลือทนคงไม่ได้ยินเสียงร้องอุทธรณ์จากนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
คำกล่าว ณ ที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตยจึงเท่ากับเป็นการฟ้องร้องต่อสากล
จึงเท่ากับเป็นการปรับทุกข์และเพรียกหาความเข้าใจจากประชาชนไทยอันเป็นฐานคะแนนเสียง
เป็นการถามว่าจะหยุดนิ่งหรือจะเดินหน้ากันต่อไป
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk56TXpOVGszTUE9PQ==§ionid=
ระบอบทักษิณย่ามใจแตกหัก ลุยฟอกแม้ว-แก้รธน.ยึดประเทศ.....ผ่าประเด็นร้อน.... แนวหน้าออนไลน์
คำแถลงที่ดุเดือดของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไปกล่าวต่อประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย
นอกจากสะท้อยความไร้วุฒิภาวะผู้นำด้วยการบ่อนทำลายชาติประจานแผ่นดินเกิดเพื่อตัวเองและพี่ชายแล้ว
ยังสะท้อนแผนการบางอย่างของระบอบทักษิณที่คิดทำสงครามขั้นแตกหักกับใครก็ตามที่ขวางแผนฟอกโทษ
ความผิดให้กับนักโทษหนีคุก และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปูทางสถาปนาระบอบทักษิณยึดครองประเทศอย่าง
เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
การที่ นายกฯหุ่นเชิด โจมตีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยก็เท่ากับประณามตัวเองด้วยเช่นกัน
เพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านการลงประชามติสนับสนุนจากประชาชนทั้งประเทศกว่า 14 ล้านคน
และรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้ ก็เป็นผลผลิตจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน หากคิดจะล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ต้อง
ล้มรัฐบาลด้วย
ที่ นายกฯหุ่นเชิด ไปโพทะนาอ้างว่ามีกลุ่มต่อต้านระบอบประชาธิปไตยในไทยนั้น ควรจะบอกให้ชัดว่ากลุ่มไหน
อย่างไร เพราะธาตุแท้ระบอบทักษิณชอบบิดเบือนลวงโลกยึด”หลักกู”เป็นที่ตั้ง หากแผนการของตัวเองถูกขวาง
แล้วไม่ได้ดั่งใจก็ออกมาอาละวาดใช้กลุ่มอันธพาลการเมืองก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจนพินาศย่อยยับแล้ว
ยังมีหน้าสร้างภาพว่ายึดมั่นในประชาธิปไตย
ขณะเดียวกัน ก็ถือโอกาสในเวทีนานาชาติบิดเบือนล้างภาพดุจผู้นำทรราชของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษ
หนีคุก ที่เป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตคอร์รัปชั่น สั่งสังหารประชาชนกว่า 2,500 คน ในสงครามปราบปรามยาเสพติด
รวมทั้งอยู่เบื้องหลังนโยบายแข็งกร้าวกวาดล้างชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนมีผู้เสียชีวิตนับร้อย
คนที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และที่มัสยีดกรือเซะ จ.ปัตตานี จนไฟใต้ลุกโชนมาจนทุกวันนี้ อีกทั้งไม่เคารพหลัก
นิติรัฐไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาของศาล และแทรกแซงองค์การอิสระใช้วิธีการอันฉ้อฉลทุกวิถีทางเพื่อให้
ได้มาซึ่งอำนาจรัฐและคิดอาศัยอำนาจผด็จการรัฐสภาในคราบประชาธิปไตยแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปูทางไปสู่การ
ผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยนายกฯหุ่นเชิด อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกลั่นแกล้ง
ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลายซึ่งเป็นผลผลิตจากการรัฐประหารโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549
เท่าที่จับไต๋ของ นายกฯหุ่นเชิด ครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องได้รับใบสั่งจากพี่ชายซึ่งเป็นผู้นำตัวจริงให้ออกมาดับ
เครื่องชนด้วยยุทธศาสตร์เดิมคือ หวังใช้โลกล้อมประเทศไทย โดยพยายามสร้างภาพความชอบธรรมให้กับ
ระบอบทักษิณก่อนที่จะปฏิบัติการขั้นแตกหักกับศาลรัฐธรรมนูญและหักดิบเดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
เพื่อกำจัดกวาดล้างบรรดาองค์กรอิสระที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในการแสวงหาผลประโยชน์และผูกขาด
อำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบอบทักษิณ รวมทั้งผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มุ่ง
ฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง
ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า ยุทธศาสตร์ใช้โลกล้อมประเทศไทยเพื่อสกัดกั้นการรัฐประหาร และฝ่าย
ที่อยู่ตรงข้ามระบอบทักษิณที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายยต่อต้านระบอบประชาธิปไตยก็เพื่อปูทางไปสู่สงครามขั้น
แตกหักในไม่ช้านี้ โดยอาจมีการหักดิบเดินหน้าผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อฟอกโทษผิดทั้งหมดให้กับ
พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่สนใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมีมวลชน
ออกมาต่อต้านก็จะปราบปรามขั้นเด็ดขาด
การที่ระบอบทักษิณย่ามใจในการทำสงครามขั้นแตกหักอาจเพราะมั่นใจในอำนาจรัฐที่อยู่ในมือ อีกทั้งยังมีกอง
กำลังเสื้อแดงคอยป่วนเมืองทำลายฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งคงประเมินว่าพลังประชาชนฝ่ายที่ต่อต้านปัจจุบันอ่อนแรง
และไม่เป็นเอกภาพ เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสเหมาะที่ระบอบทักษิณจะนำนายใหญ่กลับบ้านแบบเท่ๆ และรุกฆาต
ยึดประเทศให้สำเร็จเสียที
ทีมข่าวการเมือง
http://www.naewna.com/creative/50264
เอามาให้อ่านกันจาก 2 สื่อ 2 ฟากคคห. ชัดเจนว่าใครถือหางใคร ไม่ต้องวิจารณ์เพิ่มเติม
ว่าแต่คนที่ถูกใจ บทวิเคราะห์ แนวหน้า กล้าไหมที่จะออกมาบอกว่า ถูกใจใช่เลย กับบท
วิเคราะห์แบบนี้ เพราะนี่ คือ กระทู้ "สาวเหลือน้อย" มองรอบด้านค่ะ เราไม่ต้องเห็นเหมือนกัน
แต่ คุยกันด้วยเหตุและผล ...ข้อมูล นี่คือเวทีประชาธิปไตย ....
วิจารณ์แบบไหนก็ได้นะคะ ...งด สมญานามได้ไหม ... จะได้ไม่ต้องเหยียดหยามกัน ....

วิเคราะห์การเมือง ...ข่าวสด vs แนวหน้า .... มองรอบด้าน
ปาฐกถาในที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตย ณ ประเทศมองโกเลีย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ได้ยืนยันอย่างเด่นชัดและอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นว่า
ประเด็นอันเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็นเรื่องส่วนตัว
แม้จะมีความพยายามนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ให้การอันเกี่ยวกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเรื่องส่วนตัว แต่พลันที่มีการนำเอากระบวนการรัฐประหารมาเป็นเครื่องมือ
ในการโค่นล้มและทำลายล้าง
เรื่องนี้ก็ก้าวพ้นจากประเด็น ส่วนตัว กลายเป็นเรื่อง ส่วนรวม
จากการรัฐประหารประเทศไทยต้องถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ
หลักนิติธรรมและกระบวนการทางกฎหมายถูกทำลาย
เป็นบทสรุปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตยให้เห็นถึงผลสะเทือน
ของการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่มิได้มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น
เป็นบทสรุปที่แรง คมชัด ตรงประเด็น
นับแต่เข้าสู่เวทีทางการเมืองในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 กระทั่งเข้าดำรงตำแหน่งเป็น
นายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นครั้งแรกที่เอ่ยถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเข้าเป้า
เป็นการเอ่ยถึง พี่ชาย อย่างแน่นอน แต่ก็เน้นย้ำให้เห็นถึงสถานะของพี่ชายซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งของประชาชน
เป็นการเอ่ยถึงผลสะเทือนอันเนื่องแต่กระบวนการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
ซึ่งไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่การโค่นล้มทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากแต่ยังทำให้สังคม
ประเทศมีสภาพเหมือนกับ รถไฟตกราง
ตกรางต่อเนื่องมากว่า 7 ปีแล้ว
ในความเป็นจริงหากไม่มีสถานการณ์การรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ประเทศไทย
คงไม่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเดือนสิงหาคม 2554
น่าเศร้าที่แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมาเพราะเสียงของประชาชน
แต่กับดักและขวากหนามอันรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 วางเอาไว้เกลื่อนกลาด
ทำให้ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่น
เป็นกับดักจากรัฐธรรมนูญ เป็นขวากหนามจากองค์กรอิสระ
ไม่ว่าจะต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะต้องการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญ
ก็มิอาจทำได้ติดกับดัก ติดขวากหนาม
หากไม่เหลืออดเหลือทนคงไม่ได้ยินเสียงร้องอุทธรณ์จากนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
คำกล่าว ณ ที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตยจึงเท่ากับเป็นการฟ้องร้องต่อสากล
จึงเท่ากับเป็นการปรับทุกข์และเพรียกหาความเข้าใจจากประชาชนไทยอันเป็นฐานคะแนนเสียง
เป็นการถามว่าจะหยุดนิ่งหรือจะเดินหน้ากันต่อไป
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk56TXpOVGszTUE9PQ==§ionid=
ระบอบทักษิณย่ามใจแตกหัก ลุยฟอกแม้ว-แก้รธน.ยึดประเทศ.....ผ่าประเด็นร้อน.... แนวหน้าออนไลน์
คำแถลงที่ดุเดือดของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไปกล่าวต่อประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย
นอกจากสะท้อยความไร้วุฒิภาวะผู้นำด้วยการบ่อนทำลายชาติประจานแผ่นดินเกิดเพื่อตัวเองและพี่ชายแล้ว
ยังสะท้อนแผนการบางอย่างของระบอบทักษิณที่คิดทำสงครามขั้นแตกหักกับใครก็ตามที่ขวางแผนฟอกโทษ
ความผิดให้กับนักโทษหนีคุก และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปูทางสถาปนาระบอบทักษิณยึดครองประเทศอย่าง
เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
การที่ นายกฯหุ่นเชิด โจมตีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยก็เท่ากับประณามตัวเองด้วยเช่นกัน
เพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านการลงประชามติสนับสนุนจากประชาชนทั้งประเทศกว่า 14 ล้านคน
และรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้ ก็เป็นผลผลิตจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน หากคิดจะล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ต้อง
ล้มรัฐบาลด้วย
ที่ นายกฯหุ่นเชิด ไปโพทะนาอ้างว่ามีกลุ่มต่อต้านระบอบประชาธิปไตยในไทยนั้น ควรจะบอกให้ชัดว่ากลุ่มไหน
อย่างไร เพราะธาตุแท้ระบอบทักษิณชอบบิดเบือนลวงโลกยึด”หลักกู”เป็นที่ตั้ง หากแผนการของตัวเองถูกขวาง
แล้วไม่ได้ดั่งใจก็ออกมาอาละวาดใช้กลุ่มอันธพาลการเมืองก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจนพินาศย่อยยับแล้ว
ยังมีหน้าสร้างภาพว่ายึดมั่นในประชาธิปไตย
ขณะเดียวกัน ก็ถือโอกาสในเวทีนานาชาติบิดเบือนล้างภาพดุจผู้นำทรราชของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษ
หนีคุก ที่เป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตคอร์รัปชั่น สั่งสังหารประชาชนกว่า 2,500 คน ในสงครามปราบปรามยาเสพติด
รวมทั้งอยู่เบื้องหลังนโยบายแข็งกร้าวกวาดล้างชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนมีผู้เสียชีวิตนับร้อย
คนที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และที่มัสยีดกรือเซะ จ.ปัตตานี จนไฟใต้ลุกโชนมาจนทุกวันนี้ อีกทั้งไม่เคารพหลัก
นิติรัฐไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาของศาล และแทรกแซงองค์การอิสระใช้วิธีการอันฉ้อฉลทุกวิถีทางเพื่อให้
ได้มาซึ่งอำนาจรัฐและคิดอาศัยอำนาจผด็จการรัฐสภาในคราบประชาธิปไตยแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปูทางไปสู่การ
ผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยนายกฯหุ่นเชิด อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกลั่นแกล้ง
ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลายซึ่งเป็นผลผลิตจากการรัฐประหารโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549
เท่าที่จับไต๋ของ นายกฯหุ่นเชิด ครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องได้รับใบสั่งจากพี่ชายซึ่งเป็นผู้นำตัวจริงให้ออกมาดับ
เครื่องชนด้วยยุทธศาสตร์เดิมคือ หวังใช้โลกล้อมประเทศไทย โดยพยายามสร้างภาพความชอบธรรมให้กับ
ระบอบทักษิณก่อนที่จะปฏิบัติการขั้นแตกหักกับศาลรัฐธรรมนูญและหักดิบเดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
เพื่อกำจัดกวาดล้างบรรดาองค์กรอิสระที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในการแสวงหาผลประโยชน์และผูกขาด
อำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบอบทักษิณ รวมทั้งผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มุ่ง
ฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง
ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า ยุทธศาสตร์ใช้โลกล้อมประเทศไทยเพื่อสกัดกั้นการรัฐประหาร และฝ่าย
ที่อยู่ตรงข้ามระบอบทักษิณที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายยต่อต้านระบอบประชาธิปไตยก็เพื่อปูทางไปสู่สงครามขั้น
แตกหักในไม่ช้านี้ โดยอาจมีการหักดิบเดินหน้าผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อฟอกโทษผิดทั้งหมดให้กับ
พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่สนใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมีมวลชน
ออกมาต่อต้านก็จะปราบปรามขั้นเด็ดขาด
การที่ระบอบทักษิณย่ามใจในการทำสงครามขั้นแตกหักอาจเพราะมั่นใจในอำนาจรัฐที่อยู่ในมือ อีกทั้งยังมีกอง
กำลังเสื้อแดงคอยป่วนเมืองทำลายฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งคงประเมินว่าพลังประชาชนฝ่ายที่ต่อต้านปัจจุบันอ่อนแรง
และไม่เป็นเอกภาพ เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสเหมาะที่ระบอบทักษิณจะนำนายใหญ่กลับบ้านแบบเท่ๆ และรุกฆาต
ยึดประเทศให้สำเร็จเสียที
ทีมข่าวการเมือง
http://www.naewna.com/creative/50264
เอามาให้อ่านกันจาก 2 สื่อ 2 ฟากคคห. ชัดเจนว่าใครถือหางใคร ไม่ต้องวิจารณ์เพิ่มเติม
ว่าแต่คนที่ถูกใจ บทวิเคราะห์ แนวหน้า กล้าไหมที่จะออกมาบอกว่า ถูกใจใช่เลย กับบท
วิเคราะห์แบบนี้ เพราะนี่ คือ กระทู้ "สาวเหลือน้อย" มองรอบด้านค่ะ เราไม่ต้องเห็นเหมือนกัน
แต่ คุยกันด้วยเหตุและผล ...ข้อมูล นี่คือเวทีประชาธิปไตย ....
วิจารณ์แบบไหนก็ได้นะคะ ...งด สมญานามได้ไหม ... จะได้ไม่ต้องเหยียดหยามกัน ....