หลักการออมเงินของผม
#นายอุ๊ย!!
ทุกวันนี้เวลาเงินเดือนออก ผมจะแบ่งเงินเป็น 3 ส่วนครับ
ส่วนแรก เอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วนที่สอง เอาไปซื้อหุ้น
ส่วนที่สาม เอาไปฝากธนาคาร
บางคนอาจจะสงสัยว่าผมเงินเดือนเยอะมากเหรอถึงเก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวันแค่หนึ่งในสามเอง ขอตอบว่าเงินเดือนผมน้อยมากครับ ยิ่งถ้าเทียบกับเพื่อน ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็น AUDITOR บ้าง นักบัญชีบ้าง ผมนี่น่าจะติดหนึ่งในสามลำดับสุดท้ายของรุ่นเลยก็ว่าได้ แต่ที่ผมสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะผมเป็นคนใช้เงินน้อยและประหยัดมากครับ
ครับ ชีวิตหนุ่มโสดอย่างเรา ๆ มันไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายหรือภาระผูกพันเท่าไร ตื่นเช้านั่งรถตู้ไปทำงาน 35 บาท ซื้อหมูปิ้ง 35 บาท กินกาแฟซอง 3 บาท ตอนเที่ยงกินก๋วยเตี๋ยว 40 บาท กินน้ำ 10 บาท ไม่ต้องมีขนมหวานตาม ฮา ตอนเย็นกินข้าว 40 บาท กินน้ำ 10 บาท นั่งรถตู้กลับบ้าน 35 บาท ชีวิตเมิงวน ๆ เวียน ๆ อยู่แค่นี้ ไม่ได้ผ่อนบ้าน ไม่ได้ผ่อนรถ ไม่ได้สนับสนุนค่าเล่าเรียนให้น้อง ๆ นิสิตนักศึกษาที่ไหน เงินหนึ่งในสามของเงินเดือนก็พอประทังชีวิตเหงา ๆ ของเราได้ ไปวัน ๆ
เงินส่วนที่สอง ผมเอาไปซื้อหุ้น
ต้องเท้าความนิดนึง เรื่องมีอยู่ว่าแฟนเก่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีวินัยทางการเงินเท่าไร เงินเดือนเยอะมากแต่ไม่มีเงินเก็บออมเลย ผมก็เลยคิดอุบายที่จะสอนเธอขึ้นมา โดยทุก ๆ เดือน ผมกับเธอจะแบ่งเงินมาซื้อหุ้นด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน ทุกเดือน ๆ
ตอนนั้นแฟนเก่าผมเป็นดีเทลยา ผมเลยคิดว่าหุ้นโรงพยาบาลน่าจะเป็นหุ้นที่ถูกจริตของเธอที่สุด ผมก็ถามเธอว่า “พู่ โรงพยาบาลไหนดีสุดในประเทศไทย” เธอก็ตอบชื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมา หลังจากนั้นเราก็ซื้อหุ้นตัวนี้ทุกเดือนด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน
หลังจากนั้นพอเลิกกัน ผมก็ขอซื้อหุ้นเธอ ตามราคาตลาด (อันนี้เรียกว่า “อกหักแบบนักลงทุน” คือถ้าเป็นคนทั่วไปอกหักอาจจะฉีกรูปคู่ทิ้ง แต่ถ้าเป็นนักลงทุนอกหักจะขอซื้อหุ้นคืน (ขอคืนพร้อมหุ้นหัวใจ))
หลังจากนั้นผมก็ยังคงซื้อหุ้นโรงพยาบาลตัวนั้นด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันทุกเดือนเรื่อยมา (นี่ไม่ใช่ว่าผมยังไม่ลืมรักครั้งเก่านะ เขาเรียกว่ามีวินัยการลงทุน)
ส่วนที่สาม ผมเอาไปฝากธนาคาร
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเอาเงินไปฝากธนาคาร มันได้ดอกเบี้ยน้อยนะ
ไม่รู้สิ ผมคิดว่าผมควรมีเงินซักก้อนนึงไว้ เผื่อมีโอกาสทำธุรกิจอะไรจะได้ใช้เงินก้อนนี้ไปลงทุนได้
หรืออยู่ดี ๆ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นมาหุ้นลงหนึ่งพันจุด จะได้เอาเงินไปซื้อหุ้นดีราคาถูก
หรืออยู่ดี ๆ จับพลัดจับผลูได้แต่งงานขึ้นมาจะได้มีเงินไปเป็นสินสอดทองหมั้น ไม่ให้พ่อตาแม่ยายต้องอายใคร (เอ แต่งงานเลยเหรอ นี่เมิงข้าม STEP ของการมีแฟนไปนะ)
เงินส่วนที่สามก็ถือว่าเผื่อฉุกเฉินแล้วกัน
และนี่ก็คือหลักการออมเงินของผม
หลักการออมเงินของคุณเป็นแบบไหนนะ ^^
Credit: นายอุ๊ย!!
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ -->
https://www.facebook.com/lovenaioui ***
หลักการออมเงินของผม
#นายอุ๊ย!!
ทุกวันนี้เวลาเงินเดือนออก ผมจะแบ่งเงินเป็น 3 ส่วนครับ
ส่วนแรก เอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วนที่สอง เอาไปซื้อหุ้น
ส่วนที่สาม เอาไปฝากธนาคาร
บางคนอาจจะสงสัยว่าผมเงินเดือนเยอะมากเหรอถึงเก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวันแค่หนึ่งในสามเอง ขอตอบว่าเงินเดือนผมน้อยมากครับ ยิ่งถ้าเทียบกับเพื่อน ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็น AUDITOR บ้าง นักบัญชีบ้าง ผมนี่น่าจะติดหนึ่งในสามลำดับสุดท้ายของรุ่นเลยก็ว่าได้ แต่ที่ผมสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะผมเป็นคนใช้เงินน้อยและประหยัดมากครับ
ครับ ชีวิตหนุ่มโสดอย่างเรา ๆ มันไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายหรือภาระผูกพันเท่าไร ตื่นเช้านั่งรถตู้ไปทำงาน 35 บาท ซื้อหมูปิ้ง 35 บาท กินกาแฟซอง 3 บาท ตอนเที่ยงกินก๋วยเตี๋ยว 40 บาท กินน้ำ 10 บาท ไม่ต้องมีขนมหวานตาม ฮา ตอนเย็นกินข้าว 40 บาท กินน้ำ 10 บาท นั่งรถตู้กลับบ้าน 35 บาท ชีวิตเมิงวน ๆ เวียน ๆ อยู่แค่นี้ ไม่ได้ผ่อนบ้าน ไม่ได้ผ่อนรถ ไม่ได้สนับสนุนค่าเล่าเรียนให้น้อง ๆ นิสิตนักศึกษาที่ไหน เงินหนึ่งในสามของเงินเดือนก็พอประทังชีวิตเหงา ๆ ของเราได้ ไปวัน ๆ
เงินส่วนที่สอง ผมเอาไปซื้อหุ้น
ต้องเท้าความนิดนึง เรื่องมีอยู่ว่าแฟนเก่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีวินัยทางการเงินเท่าไร เงินเดือนเยอะมากแต่ไม่มีเงินเก็บออมเลย ผมก็เลยคิดอุบายที่จะสอนเธอขึ้นมา โดยทุก ๆ เดือน ผมกับเธอจะแบ่งเงินมาซื้อหุ้นด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน ทุกเดือน ๆ
ตอนนั้นแฟนเก่าผมเป็นดีเทลยา ผมเลยคิดว่าหุ้นโรงพยาบาลน่าจะเป็นหุ้นที่ถูกจริตของเธอที่สุด ผมก็ถามเธอว่า “พู่ โรงพยาบาลไหนดีสุดในประเทศไทย” เธอก็ตอบชื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมา หลังจากนั้นเราก็ซื้อหุ้นตัวนี้ทุกเดือนด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน
หลังจากนั้นพอเลิกกัน ผมก็ขอซื้อหุ้นเธอ ตามราคาตลาด (อันนี้เรียกว่า “อกหักแบบนักลงทุน” คือถ้าเป็นคนทั่วไปอกหักอาจจะฉีกรูปคู่ทิ้ง แต่ถ้าเป็นนักลงทุนอกหักจะขอซื้อหุ้นคืน (ขอคืนพร้อมหุ้นหัวใจ))
หลังจากนั้นผมก็ยังคงซื้อหุ้นโรงพยาบาลตัวนั้นด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันทุกเดือนเรื่อยมา (นี่ไม่ใช่ว่าผมยังไม่ลืมรักครั้งเก่านะ เขาเรียกว่ามีวินัยการลงทุน)
ส่วนที่สาม ผมเอาไปฝากธนาคาร
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเอาเงินไปฝากธนาคาร มันได้ดอกเบี้ยน้อยนะ
ไม่รู้สิ ผมคิดว่าผมควรมีเงินซักก้อนนึงไว้ เผื่อมีโอกาสทำธุรกิจอะไรจะได้ใช้เงินก้อนนี้ไปลงทุนได้
หรืออยู่ดี ๆ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นมาหุ้นลงหนึ่งพันจุด จะได้เอาเงินไปซื้อหุ้นดีราคาถูก
หรืออยู่ดี ๆ จับพลัดจับผลูได้แต่งงานขึ้นมาจะได้มีเงินไปเป็นสินสอดทองหมั้น ไม่ให้พ่อตาแม่ยายต้องอายใคร (เอ แต่งงานเลยเหรอ นี่เมิงข้าม STEP ของการมีแฟนไปนะ)
เงินส่วนที่สามก็ถือว่าเผื่อฉุกเฉินแล้วกัน
และนี่ก็คือหลักการออมเงินของผม
หลักการออมเงินของคุณเป็นแบบไหนนะ ^^
Credit: นายอุ๊ย!!
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***