'มาร์ค'ชี้ ปฏิรูปปชป.แนว'อลงกรณ์' ยังไร้ข้อสรุป
"มาร์ค" ชี้ ปฏิรูป ปชป. แนว "อลงกรณ์" ยังไม่มีบทสรุป เตือนลูกพรรคอย่าเสียสมาธิทำงานตรวจสอบรัฐ
ย้ำไม่ทิ้งอุดมการณ์ เห็นใจ “จ้อน” มีหน้าที่สำคัญต้องเพิ่ม ส.ส.ภาคกลาง
วันที่ 25 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ กล่าวถึงแนวคิดในการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ว่า การที่จะต้องปรับปรุงการทำงานของพรรค ก็มีการทำมาโดยตลอด และมีหลายคนที่ทำงานนี้ อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคฯ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคฯ ซึ่งตนก็ได้ให้ ส.ส.หลายคนทำข้อเสนอขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่ตรงและไม่ตรงกันบ้าง กรรมการบริหารเองก็ต้องเปิดกว้างรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย
เพียงแต่หลายคนที่ทำงานนี้ ไม่ได้เอาเรื่องภายในมาพูดผ่านสื่อ
ส่วนข้อเสนอของนายอลงกรณ์ก็ยังไม่มี การเสนอขึ้นมาถึงตน แต่เท่าที่เคยคุยกันก็ยังไม่มีรูปธรรม ส่วนเรื่องการคัดเลือกผู้สมัครที่จะใช้ไพรมารี่และคอคัสนั้น ก็เป็นแนวคิดที่พูดกันมาหลายเดือนแล้ว และตนก็เป็นคนมอบหมายโดยให้โจทย์ไปว่า ต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้าง
ส่วนการเคลื่อนไหวของนายอลงกรณ์ จะสร้างความสับสนให้กับสังคมหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สังคมคงรับรู้ได้ว่า ทุกองค์กร รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องประเมิน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้เตือนให้ระมัดระวังว่า เรื่องภายในหากสื่อสารออกไปข้างนอกแล้ว เกิดเข้าใจผิด และถูกหยิบฉวยไปใช้ประโยชน์โดยฝ่ายอื่นๆ ก็จะเกิดความสับสน ซึ่งนายอลงกรณ์ก็ยืนยันว่า ระมัดระวังไม่ให้มีความสับสน และนายอลงกรณ์ก็ยังขอเวลาในการนำเสนออยู่ ซึ่งก็ต้องทำต่อไป
“ก็ขอเตือนสมาชิกพรรคว่าต้องไม่เสียสมาธิในการปฏิบัติหน้าที่ฐานะฝ่ายค้าน ที่ยังมีภารกิจที่สำคัญกว่า สำหรับประเทศในขณะนี้ เพราะรัฐบาลกำลังเดินหน้ารุกคืบ เปลี่ยนระบบไปสู่การรวบอำนาจผ่านการแก้รัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายนิรโทษกรรม และการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยหลีกเลี่ยงระบบงบประมาณ ซึ่งเราก็ยังติดภารกิจตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อยู่ เพราะหน้าที่พรรคฝ่ายค้านในสภาวะเช่นนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ดังนั้น สมาชิกต้องเข้มแข็ง ทั้งนี้ งานการเมืองที่จะต้องต่อสู้ในการเลือกตั้งก็สำคัญ แต่สำคัญเท่ากับเรื่องของบ้านเมืองไม่ได้ ซึ่งเราได้รับเลือกตั้งมาเป็นฝ่ายค้าน มีความรับผิดชอบฐานะฝ่ายค้านที่จะต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซึ่งเป็นภารกิจหลักของเรา ส่วนการเตรียมการก็เป็นเรื่องภายใน เพราะไม่มีใครอยากแพ้เลือกตั้ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การที่พรรคมีจุดอ่อน หรือข้อจำกัด เป็นเรื่องธรรมดา แต่
สิ่งที่ต้องไม่ละทิ้งคือ หลักการ อุดมการณ์ หากต้องละทิ้งอุดมการณ์เพื่อชนะการเลือกตั้ง ตนว่า คนเกือบทั้งหมดของพรรคจะไม่เอาด้วย แต่หากเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการ รูปแบบวิธีการ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ซึ่งก็ต้องเห็นใจนายอลงกรณ์ ที่มีความรับผิดชอบสูงเป็นพิเศษ เพราะเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งในพรรคก็มีการวิเคราะห์โดยตลอดว่า
หากจะชนะการเลือกตั้ง ต้องเพิ่ม ส.ส.ในภาคกลางให้มากที่สุด ซึ่งเป็นการทำงานหลัก และอาจต้องการเครื่องมือเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องมาหารือกัน ส่วนคำพูดที่บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ยึดโยงกับประชาชนนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยู่กับระบบการเลือกตั้งมา 67 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ก็มียุทธศาสตร์สำคัญคือ การทำงานใกล้ชิดกับภาคประชาชนมากขึ้น ซึ่งพรรคก็ต้องทำงานอยู่กับประโยชน์ประชาชน และต้องเชื่อมโยงกับประชาชน แต่บางคนอาจจะหงุดหงิดกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่อิงกับความเห็นของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด บางครั้งก็เป็นความเห็นที่แตกต่าง แต่ก็เป็นระบบประชาธิปไตย.
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 เมษายน 2556, 23:50 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/341009
????????????????????????????????????????
"......เพียงแต่หลายคนที่ทำงานนี้ ไม่ได้เอาเรื่องภายในมาพูดผ่านสื่อ....."
"......หากจะชนะการเลือกตั้ง ต้องเพิ่ม ส.ส.ในภาคกลางให้มากที่สุด ซึ่งเป็นการทำงานหลัก และอาจต้องการเครื่องมือเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องมาหารือกัน ....."
มีเหน็บ ยอกย้อนเสียดสีตามสไตล์อีกแน่ะ กัดจิกไปทุกทางเลยนะ"แหล" ไม่เว้นแม้แต่คนฝ่ายเดียวกัน
แล้วใครจะทน "แหล"ได้ตลอดไปหนอ...???
ก็เขาเหนื่อยและรับภาระหนักจากการมีเป้าหมายเพิ่ม ส.ส.ในภาคกลางนั่นแหละ
เขาจึงเสนอแนวทางมาเพื่อการแก้ไขจุดอ่อนด้อยของพรรค
เขาเสนอแนะ หารือมาแล้วแต่นายไม่รับฟัง หนำซ้ำมีการแขวะย้อนคืนเพื่อทำร้ายเขา
แล้วจะให้เขามาหารือเรื่องอะไรไหนกันอีก.....
ไม่เข้าใจ.....
ไม่เคลียร์ใจ....
มันคาใจ....
มันข้องใจ....
กองเเช่งเรยยยยยมายุแยงตะแคงรั่วเล่นๆฮับ......555
'มาร์ค'ชี้ ปฏิรูปปชป.แนว'อลงกรณ์' ยังไร้ข้อสรุป...ก็จะสรุปได้อย่างใดในเมื่อตรูไม่เห็นด้วย จะเน่าในอย่างนี้ต่อไปมีไรป่ะ
"มาร์ค" ชี้ ปฏิรูป ปชป. แนว "อลงกรณ์" ยังไม่มีบทสรุป เตือนลูกพรรคอย่าเสียสมาธิทำงานตรวจสอบรัฐ ย้ำไม่ทิ้งอุดมการณ์ เห็นใจ “จ้อน” มีหน้าที่สำคัญต้องเพิ่ม ส.ส.ภาคกลาง
วันที่ 25 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ กล่าวถึงแนวคิดในการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ว่า การที่จะต้องปรับปรุงการทำงานของพรรค ก็มีการทำมาโดยตลอด และมีหลายคนที่ทำงานนี้ อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคฯ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคฯ ซึ่งตนก็ได้ให้ ส.ส.หลายคนทำข้อเสนอขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่ตรงและไม่ตรงกันบ้าง กรรมการบริหารเองก็ต้องเปิดกว้างรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย เพียงแต่หลายคนที่ทำงานนี้ ไม่ได้เอาเรื่องภายในมาพูดผ่านสื่อ
ส่วนข้อเสนอของนายอลงกรณ์ก็ยังไม่มี การเสนอขึ้นมาถึงตน แต่เท่าที่เคยคุยกันก็ยังไม่มีรูปธรรม ส่วนเรื่องการคัดเลือกผู้สมัครที่จะใช้ไพรมารี่และคอคัสนั้น ก็เป็นแนวคิดที่พูดกันมาหลายเดือนแล้ว และตนก็เป็นคนมอบหมายโดยให้โจทย์ไปว่า ต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้าง
ส่วนการเคลื่อนไหวของนายอลงกรณ์ จะสร้างความสับสนให้กับสังคมหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สังคมคงรับรู้ได้ว่า ทุกองค์กร รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องประเมิน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้เตือนให้ระมัดระวังว่า เรื่องภายในหากสื่อสารออกไปข้างนอกแล้ว เกิดเข้าใจผิด และถูกหยิบฉวยไปใช้ประโยชน์โดยฝ่ายอื่นๆ ก็จะเกิดความสับสน ซึ่งนายอลงกรณ์ก็ยืนยันว่า ระมัดระวังไม่ให้มีความสับสน และนายอลงกรณ์ก็ยังขอเวลาในการนำเสนออยู่ ซึ่งก็ต้องทำต่อไป
“ก็ขอเตือนสมาชิกพรรคว่าต้องไม่เสียสมาธิในการปฏิบัติหน้าที่ฐานะฝ่ายค้าน ที่ยังมีภารกิจที่สำคัญกว่า สำหรับประเทศในขณะนี้ เพราะรัฐบาลกำลังเดินหน้ารุกคืบ เปลี่ยนระบบไปสู่การรวบอำนาจผ่านการแก้รัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายนิรโทษกรรม และการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยหลีกเลี่ยงระบบงบประมาณ ซึ่งเราก็ยังติดภารกิจตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อยู่ เพราะหน้าที่พรรคฝ่ายค้านในสภาวะเช่นนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ดังนั้น สมาชิกต้องเข้มแข็ง ทั้งนี้ งานการเมืองที่จะต้องต่อสู้ในการเลือกตั้งก็สำคัญ แต่สำคัญเท่ากับเรื่องของบ้านเมืองไม่ได้ ซึ่งเราได้รับเลือกตั้งมาเป็นฝ่ายค้าน มีความรับผิดชอบฐานะฝ่ายค้านที่จะต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซึ่งเป็นภารกิจหลักของเรา ส่วนการเตรียมการก็เป็นเรื่องภายใน เพราะไม่มีใครอยากแพ้เลือกตั้ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การที่พรรคมีจุดอ่อน หรือข้อจำกัด เป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ต้องไม่ละทิ้งคือ หลักการ อุดมการณ์ หากต้องละทิ้งอุดมการณ์เพื่อชนะการเลือกตั้ง ตนว่า คนเกือบทั้งหมดของพรรคจะไม่เอาด้วย แต่หากเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการ รูปแบบวิธีการ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ซึ่งก็ต้องเห็นใจนายอลงกรณ์ ที่มีความรับผิดชอบสูงเป็นพิเศษ เพราะเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งในพรรคก็มีการวิเคราะห์โดยตลอดว่า หากจะชนะการเลือกตั้ง ต้องเพิ่ม ส.ส.ในภาคกลางให้มากที่สุด ซึ่งเป็นการทำงานหลัก และอาจต้องการเครื่องมือเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องมาหารือกัน ส่วนคำพูดที่บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ยึดโยงกับประชาชนนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยู่กับระบบการเลือกตั้งมา 67 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ก็มียุทธศาสตร์สำคัญคือ การทำงานใกล้ชิดกับภาคประชาชนมากขึ้น ซึ่งพรรคก็ต้องทำงานอยู่กับประโยชน์ประชาชน และต้องเชื่อมโยงกับประชาชน แต่บางคนอาจจะหงุดหงิดกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่อิงกับความเห็นของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด บางครั้งก็เป็นความเห็นที่แตกต่าง แต่ก็เป็นระบบประชาธิปไตย.
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 เมษายน 2556, 23:50 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/341009
????????????????????????????????????????
"......เพียงแต่หลายคนที่ทำงานนี้ ไม่ได้เอาเรื่องภายในมาพูดผ่านสื่อ....."
"......หากจะชนะการเลือกตั้ง ต้องเพิ่ม ส.ส.ในภาคกลางให้มากที่สุด ซึ่งเป็นการทำงานหลัก และอาจต้องการเครื่องมือเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องมาหารือกัน ....."
มีเหน็บ ยอกย้อนเสียดสีตามสไตล์อีกแน่ะ กัดจิกไปทุกทางเลยนะ"แหล" ไม่เว้นแม้แต่คนฝ่ายเดียวกัน
แล้วใครจะทน "แหล"ได้ตลอดไปหนอ...???
ก็เขาเหนื่อยและรับภาระหนักจากการมีเป้าหมายเพิ่ม ส.ส.ในภาคกลางนั่นแหละ
เขาจึงเสนอแนวทางมาเพื่อการแก้ไขจุดอ่อนด้อยของพรรค
เขาเสนอแนะ หารือมาแล้วแต่นายไม่รับฟัง หนำซ้ำมีการแขวะย้อนคืนเพื่อทำร้ายเขา
แล้วจะให้เขามาหารือเรื่องอะไรไหนกันอีก.....
ไม่เข้าใจ.....
ไม่เคลียร์ใจ....
มันคาใจ....
มันข้องใจ....
กองเเช่งเรยยยยยมายุแยงตะแคงรั่วเล่นๆฮับ......555