ได้ทั้งก้อนอิฐและดอกไม้
กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับหลังหัน 180 องศา
หอบ หิ้วแนวทางปฏิรูปพร้อมเลือกตั้ง เข้าเจรจาหารือกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้นำกองทัพ 
องค์กรอิสระและพรรคการ เมือง เพื่อร่วมกันหาทางออกจากความ ขัดแย้ง
ให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
ความจริงแนวทางปฏิรูปควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง ไม่ใช่เรื่องใหม่
เคยมีคนเสนอมาก่อนนานพอๆ กับ ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำม็อบ กปปส.เคลื่อนไหว
จุดประเด็นปฏิรูปก่อนเลือกตั้งขึ้นมาน.ส.ยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ก็เคยแถลงแนวทางจัดตั้ง 
"สภาปฏิรูป" ให้มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนทุกสีเสื้อเข้าร่วม แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับทั้งจาก
กองทัพ ภาคเอกชน และฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล  เนื่อง จากสถานการณ์ตอนนั้นหลายคนคิดคล้ายๆ 
กันว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้แล้ว ฝ่ายกปปส.กับพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็น
ฝ่ายชนะ
ม็อบมวลมหาประชาชนของนายสุเทพ ย่ามใจในแนวทางปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
ถึง ขนาดยอมทำผิดกฎหมายด้วยการ ยกพวกไปปิดล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง ปิดล้อม
สถานที่พิมพ์บัตรและเก็บหีบบัตร ปิดล้อมคูหาไม่ให้ประชาชนเข้าไปใช้สิทธิ
เป็นผลให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะในที่สุด
แต่ จนแล้วจนรอด ขบวนการสมคบคิดที่พยายามผลักดันให้เกิดนายกฯ มาตรา 7 และรัฐบาล
คนกลาง ภายใต้พิมพ์เขียวปฏิรูปฉบับนายสุเทพ ก็ไปต่อไม่ได้
เพราะรัฐธรรมนูญเขียนปิดทางไว้หมดลำพังตัวนายสุเทพ มาถึงขั้นนี้คงไม่มีอะไรให้ต้องเสียอีกแล้ว
ต่าง กับนายอภิสิทธิ์ ถ้าหากไม่กลับตัวกลับใจ ก็ยังมีอะไรให้ต้องเสียอีกเยอะ อย่างน้อย
ก็เกียรติภูมิ 68 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ที่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้
น่าเสียดายก็ตรงที่กว่านายอภิสิทธิ์จะรู้ว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางออกเดียว
จากวิกฤตความขัดแย้ง
ถ้านับจากวันยุบสภา 9 ธ.ค.ปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ก็ผ่านไปนานเกือบ 5 เดือน
ความรู้สึกช้าจริงๆ 
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9EZzNNVGMwTUE9PQ==§ionid=
    
"อนุทิน" บอก"มาร์ค" บ้านเมืองจะสงบหากทุกพรรคลงเลือกตั้ง
 วันที่ 30 เม.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินสายพบองค์กรต่างๆ เพื่อหาทางออกของประเทศว่า นายอภิสิทธิ์ ได้
โทรศัพท์มาหาตน วานนี้ (29 เม.ย.) เพื่อขอหารือหาทางออกของประเทศ ซึ่งตนก็บอกว่าในช่วง
สัปดาห์นี้ติดภารกิจตลอดทั้งสัปดาห์ อยู่ต่างจังหวัด และเกรงว่าจะไม่มีเวลาได้คุยกัน จึงเสนอว่าหาก
มีอะไรก็ให้หารือทางโทรศัพท์ก็ได้ และพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมจะทำทุกข้อเสนอ หากทำให้บ้านเมือง
ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้  ทั้งนี้ ตนยังได้กล่าวกับนายอภิสิทธิ์ ด้วยว่าหากทุกพรรคการเมืองลงสมัครรับ
เลือกตั้งทั้งหมดบรรยากาศบ้านเมืองคงจะดีและยุติปัญหาต่างๆได้ โดยที่นายอภิสิทธิ์ ก็หัวเราะแต่ไม่ได้
กล่าวอะไรต่อไป 
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9EZzBNelE0Tnc9PQ==&subcatid=
“นพดล” ย้อนถาม “อภิสิทธิ์” ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งแล้วปัญหาจบหรือ 
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเดินสายของนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปที่ต่างๆ ในขณะนี้เป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยา ถ้าหากนำไปสู่ข้อ
สรุปที่ยึดมั่นในกติกาประชาธิปไตย ในกรอบรัฐธรรมนูญ ในการเลือกตั้ง ก็จะสามารถหาทางออกได้ ทั้งนี้
ขอย้ำว่าประเทศขัดแย้งกันมากขนาดนี้เพราะมีคนบางกลุ่มไม่ยึดกติกา ขัดขวางและบอยคอตการเลือกตั้ง
 
พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าทางออกของประเทศไทยทางเดียว คือให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันตัดสินใจหา
ทางออกโดยการหย่อนบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย สุจริตและเที่ยงธรรมที่สุด ส่วนการ
ปฏิรูปนั้นทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ารัฐบาลใหม่ต้องเป็นรัฐบาลเพื่อการปฏิรูป แต่การปฏิรูปไม่สามารถทดแทน
การเลือกตั้งได้ ดังนั้นจึงต้องทำควบคู่กันไปทั้ง 2 เรื่อง มีบางท่านบอกว่าต้องรอให้สถานการณ์สงบก่อน
จึงจัดการเลือกตั้ง ซึ่งสถานการณ์ไม่สงบขณะนี้เพราะการดำเนินการของ กปปส.ซึ่งแกนนำส่วนใหญ่มา
จากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น และทางออกก็ง่ายนิดเดียว คือนายอภิสิทธิ์บอกนายสุเทพอย่าขัดขวางการ
เลือกตั้ง และพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง
“ถ้านายอภิสิทธิ์กล่าวว่าถ้าเดินหน้าเลือกตั้งก่อนปฏิรูป บ้านเมืองก็ไม่สงบ ผมเห็นว่าข้อเสนอให้ปฏิรูป
เสร็จก่อนจึงเลือกตั้ง บ้านเมืองก็ไม่สงบ ปัญหาก็ไม่จบเช่นกันและจะรุนแรงกว่าด้วย  ในระบอบ
ประชาธิปไตยเราต้องแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี โดยการเลือกตั้งซึ่งใช้กันมา 2 พันปีแล้ว และไม่มี
ประเทศพัฒนาใดในโลก ที่แช่แข็งการเลือกตั้งแล้วทำการปฏิรูปก่อนโดยคณะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผม
ขอย้ำว่าทางออกของประเทศ คือกุญแจ 5 ดอก โดยกุญแจดอกที่ 1 เริ่มจากการเลือกตั้งให้สำเร็จ  ผู้ที่รู้
ว่ากุญแจดอกนี้อยู่ที่ไหน คือนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เพราะพรรคการเมืองที่เหลือทั้งหมดและคนไทย
ที่ไม่ใช่ กปปส.พร้อมเลือกตั้งทั้งสิ้น” นายนพดล กล่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9EZzBNekF3T1E9PQ==&subcatid=
 
																															 
						
ช้าไป5เดือน มันฯ มือเสือ ..... "ได้ทั้งก้อนอิฐและดอกไม้" ข่าวสดออนไลน์
กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับหลังหัน 180 องศา
หอบ หิ้วแนวทางปฏิรูปพร้อมเลือกตั้ง เข้าเจรจาหารือกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้นำกองทัพ
องค์กรอิสระและพรรคการ เมือง เพื่อร่วมกันหาทางออกจากความ ขัดแย้ง
ให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
ความจริงแนวทางปฏิรูปควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง ไม่ใช่เรื่องใหม่
เคยมีคนเสนอมาก่อนนานพอๆ กับ ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำม็อบ กปปส.เคลื่อนไหว
จุดประเด็นปฏิรูปก่อนเลือกตั้งขึ้นมาน.ส.ยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ก็เคยแถลงแนวทางจัดตั้ง
"สภาปฏิรูป" ให้มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนทุกสีเสื้อเข้าร่วม แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับทั้งจาก
กองทัพ ภาคเอกชน และฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เนื่อง จากสถานการณ์ตอนนั้นหลายคนคิดคล้ายๆ
กันว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้แล้ว ฝ่ายกปปส.กับพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็น
ฝ่ายชนะ
ม็อบมวลมหาประชาชนของนายสุเทพ ย่ามใจในแนวทางปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
ถึง ขนาดยอมทำผิดกฎหมายด้วยการ ยกพวกไปปิดล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง ปิดล้อม
สถานที่พิมพ์บัตรและเก็บหีบบัตร ปิดล้อมคูหาไม่ให้ประชาชนเข้าไปใช้สิทธิ
เป็นผลให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะในที่สุด
แต่ จนแล้วจนรอด ขบวนการสมคบคิดที่พยายามผลักดันให้เกิดนายกฯ มาตรา 7 และรัฐบาล
คนกลาง ภายใต้พิมพ์เขียวปฏิรูปฉบับนายสุเทพ ก็ไปต่อไม่ได้
เพราะรัฐธรรมนูญเขียนปิดทางไว้หมดลำพังตัวนายสุเทพ มาถึงขั้นนี้คงไม่มีอะไรให้ต้องเสียอีกแล้ว
ต่าง กับนายอภิสิทธิ์ ถ้าหากไม่กลับตัวกลับใจ ก็ยังมีอะไรให้ต้องเสียอีกเยอะ อย่างน้อย
ก็เกียรติภูมิ 68 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ที่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้
น่าเสียดายก็ตรงที่กว่านายอภิสิทธิ์จะรู้ว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางออกเดียว
จากวิกฤตความขัดแย้ง
ถ้านับจากวันยุบสภา 9 ธ.ค.ปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ก็ผ่านไปนานเกือบ 5 เดือน
ความรู้สึกช้าจริงๆ
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9EZzNNVGMwTUE9PQ==§ionid=
"อนุทิน" บอก"มาร์ค" บ้านเมืองจะสงบหากทุกพรรคลงเลือกตั้ง
วันที่ 30 เม.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินสายพบองค์กรต่างๆ เพื่อหาทางออกของประเทศว่า นายอภิสิทธิ์ ได้
โทรศัพท์มาหาตน วานนี้ (29 เม.ย.) เพื่อขอหารือหาทางออกของประเทศ ซึ่งตนก็บอกว่าในช่วง
สัปดาห์นี้ติดภารกิจตลอดทั้งสัปดาห์ อยู่ต่างจังหวัด และเกรงว่าจะไม่มีเวลาได้คุยกัน จึงเสนอว่าหาก
มีอะไรก็ให้หารือทางโทรศัพท์ก็ได้ และพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมจะทำทุกข้อเสนอ หากทำให้บ้านเมือง
ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ทั้งนี้ ตนยังได้กล่าวกับนายอภิสิทธิ์ ด้วยว่าหากทุกพรรคการเมืองลงสมัครรับ
เลือกตั้งทั้งหมดบรรยากาศบ้านเมืองคงจะดีและยุติปัญหาต่างๆได้ โดยที่นายอภิสิทธิ์ ก็หัวเราะแต่ไม่ได้
กล่าวอะไรต่อไป
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9EZzBNelE0Tnc9PQ==&subcatid=
“นพดล” ย้อนถาม “อภิสิทธิ์” ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งแล้วปัญหาจบหรือ
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเดินสายของนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปที่ต่างๆ ในขณะนี้เป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยา ถ้าหากนำไปสู่ข้อ
สรุปที่ยึดมั่นในกติกาประชาธิปไตย ในกรอบรัฐธรรมนูญ ในการเลือกตั้ง ก็จะสามารถหาทางออกได้ ทั้งนี้
ขอย้ำว่าประเทศขัดแย้งกันมากขนาดนี้เพราะมีคนบางกลุ่มไม่ยึดกติกา ขัดขวางและบอยคอตการเลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าทางออกของประเทศไทยทางเดียว คือให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันตัดสินใจหา
ทางออกโดยการหย่อนบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย สุจริตและเที่ยงธรรมที่สุด ส่วนการ
ปฏิรูปนั้นทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ารัฐบาลใหม่ต้องเป็นรัฐบาลเพื่อการปฏิรูป แต่การปฏิรูปไม่สามารถทดแทน
การเลือกตั้งได้ ดังนั้นจึงต้องทำควบคู่กันไปทั้ง 2 เรื่อง มีบางท่านบอกว่าต้องรอให้สถานการณ์สงบก่อน
จึงจัดการเลือกตั้ง ซึ่งสถานการณ์ไม่สงบขณะนี้เพราะการดำเนินการของ กปปส.ซึ่งแกนนำส่วนใหญ่มา
จากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น และทางออกก็ง่ายนิดเดียว คือนายอภิสิทธิ์บอกนายสุเทพอย่าขัดขวางการ
เลือกตั้ง และพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง
“ถ้านายอภิสิทธิ์กล่าวว่าถ้าเดินหน้าเลือกตั้งก่อนปฏิรูป บ้านเมืองก็ไม่สงบ ผมเห็นว่าข้อเสนอให้ปฏิรูป
เสร็จก่อนจึงเลือกตั้ง บ้านเมืองก็ไม่สงบ ปัญหาก็ไม่จบเช่นกันและจะรุนแรงกว่าด้วย ในระบอบ
ประชาธิปไตยเราต้องแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี โดยการเลือกตั้งซึ่งใช้กันมา 2 พันปีแล้ว และไม่มี
ประเทศพัฒนาใดในโลก ที่แช่แข็งการเลือกตั้งแล้วทำการปฏิรูปก่อนโดยคณะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผม
ขอย้ำว่าทางออกของประเทศ คือกุญแจ 5 ดอก โดยกุญแจดอกที่ 1 เริ่มจากการเลือกตั้งให้สำเร็จ ผู้ที่รู้
ว่ากุญแจดอกนี้อยู่ที่ไหน คือนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เพราะพรรคการเมืองที่เหลือทั้งหมดและคนไทย
ที่ไม่ใช่ กปปส.พร้อมเลือกตั้งทั้งสิ้น” นายนพดล กล่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9EZzBNekF3T1E9PQ==&subcatid=