ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ
ดิฉันตอนนี้อายุ 28(เข้า 29ปีนี้) ได้มาอยู่ที่ประเทศอเมริกา เป็นเวลาว่า 9 ปีแล้ว (มาตั้งแต่ตอนอยู่ปี 1) มาตอน 17 ธันวาคม 2003
เนื่องจากพื้นฐาน คือเป็นคนชอบวิชาเลข และก้อเกลียดภาษาอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไร คือยอมรับว่าเป็นเด็กเรียนคนนึงนะคะ แต่ว่าวิชาที่สู้ไม่ขึ้นเลยจริงๆ คือภาษาอังกฤษค่ะ ยิ่งเข้าใจ ทำไมมันยิ่งสอบไม่ได้ก้อไม่รู้...เห้อ... ตอนนั้นสอบติดวิศวะที่ลาดกระบัง เรียนได้ 1 เทอม คุณพ่อ ซึ่งอยู่ที่อเมริกา ได้ทำเรื่องให้ได้มาอยู่ที่นี่ จึงตัดสินใจมา ด้วยเหตุผลที่ว่า "ภาษาอังกฤษมันจะยากสักแค่ไหนเชียว"
เคยได้ยินหลายๆ คนพูดมาว่า ถ้าเกิด เราได้มาอยู่อเมริกา ขอสัก ปีสองปี ก้อชื่อว่า จะต้องพูดได้ ฟังได้ ถึงขั้นคล่องกันทีเดียว มาอยู่เยอะ(ซึ่งเคยเป็นแบบนั้นค่ะ) (ขอตอบตอนนี้เลยนะ...ย๊ากกกกก อันนี้จากการสำรวจจากเพื่อนๆ ที่รู้จักที่นี่มาหลายๆคนนะคะ) ถ้าประสบการณ์ตังเองคือ ตอนนั้น ยังนั่นร้องไห้ กลับบ้านอยู่เลยค่ะ เพราะว่าเครียด เรียนรู้ช้ามากจริงๆ เพื่อนปาเข้าไปกัน ปี 3 หมดแล้ว ดิฉันเพิ่งจะปีหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องบอกว่า พอดิฉันมาถึง ดิฉันก้อได้เข้าโรงเรียน College เพื่อเรียนภาษา ที่โรงเรียนสอนง่ายๆมาก พวกแกรมม่า แต่พอต้องเขียนเรียงความนี่ ถึงขึ้นเอ๋อเลยค่า เข้าใจแกรมม่า แต่พอจะใช้จริงๆ ทำไมมันถึงนึกไม่ออกเลยไม่รู้
เหตุการบังคับจริงๆค่า ถึงไม่เสด ทำไม่ได้ ยังไงก้อต้องส่งๆ ไป เพราะเชื่อว่าดีกว่าไม่ส่ง ผลสุดท้ายคือ ไม่ส่ง ก้อมีค่าเท่ากัน(คือตกนั่นเอง) 55
ทรมานทรกรรมอยู่นาน

สนทุกวิที เพื่อที่จะเรียนเก็บวิชาให้มากที่สุด ในที่สุด ได้เขียนวิชาแคลคูลัส 1 (ที่มายาวมากค่ะ กว่าจะได้ แต่เอาเป็นว่าโชคช่วย ทำให้ได้เรียน) บอกตรงๆ ตอนนั้นฟังแทบไม่ออกสักคำ แต่ด้วยความที่ชอบวิชาเลขเป็นพื้นฐาน จึงทำให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านหมึกปากกาที่อาจารย์บรรยายบนกระดาน ในรูปแบบของตัวเลข)
ถ้าให้เล่าเรื่องทั้งหมด คงไม่จบค่ะ (อยู่มานานจริงๆ) ที่อยากสรุปให้ฟังสั้นๆ คือ ดิฉัน เสียเวลาอยู่หลายๆ ปีมาก ในการเรียนภาษา คำว่าเสียเวลาในที่นี้ คือความไวในการเรียนรู้ที่เราพลาดไป
ตอนนั้นปี 2008 ซี้ง ตอนนั้นเรียนอยู่ ปี4 (สาขาไฟแนนซ์) ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ภาษาอังกฤษเริ่มจะดีขึ้น แต่ยังไม่กล้าจะมีเป็นเพื่อน กับเพื่อนในคณะ(จะจบอยู่แล้วนะเนี่ย) ตอนนั้นได้เจอฝรั่งคนนึง ที่ชอบสอนภาษาอังกฤษให้เพราะสนุกกับการสอน เราเรียนกับเค้าเริ่มใหม่หมด ตั้งแต่การออกเสียง A B C D ect. เราจะบอกว่า ช่วงแรก มันก้อเหนื่อยหน่อย นะคะ เพราะเค้าให้การบ้านด้วย แต่พอเราผ่านการเรียนกับเค้าไปสักพัก เท่านั้นแหล่ะ ความไวในการเรียนภาษาของเราไวมากๆๆๆ สาเหตุน่าจะมาจาก การที่เรารู้ และมั่นใจ มาตั้งแต่รากฐานของการออกเสียงตัวอักษร มาจนเป็นคำ พอเราพูดไป ฝรั่งเข้าใจทันที ความมั่นใจจึงถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ จนมาตอนนี้ เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ที่เราได้ออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง เห็นได้ชัดเจนเลย ว่าถ้าออกถูก ยังไง ฝรั่งก้อต้องเข้าใจ อาจารย์คนนี้ตอนนี้หยุดสอนแล้วค่ะ ได้กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว เพราะว่าหลักๆ การออกเสียงจริงๆ ไม่ได้ยากเลยค่ะ มั่นใจว่าถ้าเราทำได้ ใครๆ ก้อต้องทำได้
เคยเห็นพี่ๆพวกที่เรียนปริญญาเอก หรือโท ที่นี่หลายคน เค้าอ่านหนังสือ แล้วเขียนหนังสือ ได้เป็นเล่มๆ แต่ถึงเวลาเค้าพูด กลับไม่มีใครเข้าใจเค้า ต่างกับเรา ที่ใช้คำศัพท์ง่ายๆ (ฝรั่งใช้คำศัพท์กับง่ายมากๆค่ะ อย่าทำให้ชีวิตต้องลำบากกันเลยค่า ยิ่งง่าย ยิ่งดีค่ะ)
ปัจจุบันดิฉัน ทำงานที่บริษัทเยอรมัน (logistics) ที่มีสาขาทั่วโลก ทำมาสองปีเต็มแล้ว เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่เป็นคน American ค่ะ ตอนนี้ ภูมิใจม๊ากก ที่พูดภาษาอังกฤษ รุ้บ้าง ไม่รู้บ้าง นั่งถามเค้าไปวันๆ สนุกดีค่า หลายคนก้อชื่นชมในความที่เราพูดได้ขนาดนี้ (หลายคนนึกว่ามาตั้งแต่ มอปลายค่ะ) ซึ่งถือว่าเป็นคำชมสุดๆ
ดิฉันเป็นคนเขียนเล่าเรื่องราวไม่ค่อยเก่งนะคะ แต่ว่า ขอสรุปสาเหตุที่มาเล่าให้ฟังนะคะ
1. ภาษาอังกฤษ มันเรียนรู้กันได้จริงๆ ค่า
2. อยากให้คนไทยมีความกล้า อย่าไปสนใจค่ะ ว่าเค้าจะฟังออกรึเปล่า เค้าไม่เข้าใจ ค้าต้องถามเราสิคะ
3. ข้อสองจะมาได้ ถ้าเราสามารถออกเสียงพื้นฐานได้ถูกค่ะ
4. ภาษาอังกฤษ สนุกค่าาา เรียนไป ลืมไป ก้อไม่เห็นเป็นไรเลย จะเครียดไปทำม๊ายยย ไม่เข้าใจก้อถามเค้าซิคะ ให้อธิบายใหม่ ในรูปแบบเวอร์ชั่นอื่น เพราะเวอร์ชั่นนี้ หนูไม่เข้าใจค๊าาา (ฝรั่งใจดี)
5. คนฝรั่งเค้าดีใจนะคะ ที่พวกเราพยายามเรียนภาษาของเค้า ดังนั้น อย่าคิดว่าเค้าจะรำคาญเรา เวลาที่เราพูดแล้วเค้าไม่เข้าใจนะคะ (จริงอยู่ค่ะ ฝรั่งบางคนอาจจะรำคาณ แต่เราอย่าไปสนใจค่ะ บอกเค้าไปว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของชั้นนะ เข้าใจกันบ้างสิจ๊ะ
6. ภาษาอังกฤษ สนุกจริงๆนะคะ มันทำให้สนุกกันได้อ่ะ ทุกๆ วันคือการเรียนรู้นะคะ
7. ถ้าเรียนกันตอนโต จะให้สำเนียงเป็นเหมือนคนอเมริกัน อาจจะเรียกได้ว่าหมดสิทธินะคะ แต่ใกล้ม๊ากกก ได้นะคะ สำคัญพื้นฐานจริงๆค่า
มีอะไรคอมเม้น หรือถามอะไรก้อได้นะคะ ยินดีค่าาา
ความเชื่อของเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ
ดิฉันตอนนี้อายุ 28(เข้า 29ปีนี้) ได้มาอยู่ที่ประเทศอเมริกา เป็นเวลาว่า 9 ปีแล้ว (มาตั้งแต่ตอนอยู่ปี 1) มาตอน 17 ธันวาคม 2003
เนื่องจากพื้นฐาน คือเป็นคนชอบวิชาเลข และก้อเกลียดภาษาอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไร คือยอมรับว่าเป็นเด็กเรียนคนนึงนะคะ แต่ว่าวิชาที่สู้ไม่ขึ้นเลยจริงๆ คือภาษาอังกฤษค่ะ ยิ่งเข้าใจ ทำไมมันยิ่งสอบไม่ได้ก้อไม่รู้...เห้อ... ตอนนั้นสอบติดวิศวะที่ลาดกระบัง เรียนได้ 1 เทอม คุณพ่อ ซึ่งอยู่ที่อเมริกา ได้ทำเรื่องให้ได้มาอยู่ที่นี่ จึงตัดสินใจมา ด้วยเหตุผลที่ว่า "ภาษาอังกฤษมันจะยากสักแค่ไหนเชียว"
เคยได้ยินหลายๆ คนพูดมาว่า ถ้าเกิด เราได้มาอยู่อเมริกา ขอสัก ปีสองปี ก้อชื่อว่า จะต้องพูดได้ ฟังได้ ถึงขั้นคล่องกันทีเดียว มาอยู่เยอะ(ซึ่งเคยเป็นแบบนั้นค่ะ) (ขอตอบตอนนี้เลยนะ...ย๊ากกกกก อันนี้จากการสำรวจจากเพื่อนๆ ที่รู้จักที่นี่มาหลายๆคนนะคะ) ถ้าประสบการณ์ตังเองคือ ตอนนั้น ยังนั่นร้องไห้ กลับบ้านอยู่เลยค่ะ เพราะว่าเครียด เรียนรู้ช้ามากจริงๆ เพื่อนปาเข้าไปกัน ปี 3 หมดแล้ว ดิฉันเพิ่งจะปีหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องบอกว่า พอดิฉันมาถึง ดิฉันก้อได้เข้าโรงเรียน College เพื่อเรียนภาษา ที่โรงเรียนสอนง่ายๆมาก พวกแกรมม่า แต่พอต้องเขียนเรียงความนี่ ถึงขึ้นเอ๋อเลยค่า เข้าใจแกรมม่า แต่พอจะใช้จริงๆ ทำไมมันถึงนึกไม่ออกเลยไม่รู้
เหตุการบังคับจริงๆค่า ถึงไม่เสด ทำไม่ได้ ยังไงก้อต้องส่งๆ ไป เพราะเชื่อว่าดีกว่าไม่ส่ง ผลสุดท้ายคือ ไม่ส่ง ก้อมีค่าเท่ากัน(คือตกนั่นเอง) 55
ทรมานทรกรรมอยู่นาน
ถ้าให้เล่าเรื่องทั้งหมด คงไม่จบค่ะ (อยู่มานานจริงๆ) ที่อยากสรุปให้ฟังสั้นๆ คือ ดิฉัน เสียเวลาอยู่หลายๆ ปีมาก ในการเรียนภาษา คำว่าเสียเวลาในที่นี้ คือความไวในการเรียนรู้ที่เราพลาดไป
ตอนนั้นปี 2008 ซี้ง ตอนนั้นเรียนอยู่ ปี4 (สาขาไฟแนนซ์) ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ภาษาอังกฤษเริ่มจะดีขึ้น แต่ยังไม่กล้าจะมีเป็นเพื่อน กับเพื่อนในคณะ(จะจบอยู่แล้วนะเนี่ย) ตอนนั้นได้เจอฝรั่งคนนึง ที่ชอบสอนภาษาอังกฤษให้เพราะสนุกกับการสอน เราเรียนกับเค้าเริ่มใหม่หมด ตั้งแต่การออกเสียง A B C D ect. เราจะบอกว่า ช่วงแรก มันก้อเหนื่อยหน่อย นะคะ เพราะเค้าให้การบ้านด้วย แต่พอเราผ่านการเรียนกับเค้าไปสักพัก เท่านั้นแหล่ะ ความไวในการเรียนภาษาของเราไวมากๆๆๆ สาเหตุน่าจะมาจาก การที่เรารู้ และมั่นใจ มาตั้งแต่รากฐานของการออกเสียงตัวอักษร มาจนเป็นคำ พอเราพูดไป ฝรั่งเข้าใจทันที ความมั่นใจจึงถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ จนมาตอนนี้ เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ที่เราได้ออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง เห็นได้ชัดเจนเลย ว่าถ้าออกถูก ยังไง ฝรั่งก้อต้องเข้าใจ อาจารย์คนนี้ตอนนี้หยุดสอนแล้วค่ะ ได้กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว เพราะว่าหลักๆ การออกเสียงจริงๆ ไม่ได้ยากเลยค่ะ มั่นใจว่าถ้าเราทำได้ ใครๆ ก้อต้องทำได้
เคยเห็นพี่ๆพวกที่เรียนปริญญาเอก หรือโท ที่นี่หลายคน เค้าอ่านหนังสือ แล้วเขียนหนังสือ ได้เป็นเล่มๆ แต่ถึงเวลาเค้าพูด กลับไม่มีใครเข้าใจเค้า ต่างกับเรา ที่ใช้คำศัพท์ง่ายๆ (ฝรั่งใช้คำศัพท์กับง่ายมากๆค่ะ อย่าทำให้ชีวิตต้องลำบากกันเลยค่า ยิ่งง่าย ยิ่งดีค่ะ)
ปัจจุบันดิฉัน ทำงานที่บริษัทเยอรมัน (logistics) ที่มีสาขาทั่วโลก ทำมาสองปีเต็มแล้ว เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่เป็นคน American ค่ะ ตอนนี้ ภูมิใจม๊ากก ที่พูดภาษาอังกฤษ รุ้บ้าง ไม่รู้บ้าง นั่งถามเค้าไปวันๆ สนุกดีค่า หลายคนก้อชื่นชมในความที่เราพูดได้ขนาดนี้ (หลายคนนึกว่ามาตั้งแต่ มอปลายค่ะ) ซึ่งถือว่าเป็นคำชมสุดๆ
ดิฉันเป็นคนเขียนเล่าเรื่องราวไม่ค่อยเก่งนะคะ แต่ว่า ขอสรุปสาเหตุที่มาเล่าให้ฟังนะคะ
1. ภาษาอังกฤษ มันเรียนรู้กันได้จริงๆ ค่า
2. อยากให้คนไทยมีความกล้า อย่าไปสนใจค่ะ ว่าเค้าจะฟังออกรึเปล่า เค้าไม่เข้าใจ ค้าต้องถามเราสิคะ
3. ข้อสองจะมาได้ ถ้าเราสามารถออกเสียงพื้นฐานได้ถูกค่ะ
4. ภาษาอังกฤษ สนุกค่าาา เรียนไป ลืมไป ก้อไม่เห็นเป็นไรเลย จะเครียดไปทำม๊ายยย ไม่เข้าใจก้อถามเค้าซิคะ ให้อธิบายใหม่ ในรูปแบบเวอร์ชั่นอื่น เพราะเวอร์ชั่นนี้ หนูไม่เข้าใจค๊าาา (ฝรั่งใจดี)
5. คนฝรั่งเค้าดีใจนะคะ ที่พวกเราพยายามเรียนภาษาของเค้า ดังนั้น อย่าคิดว่าเค้าจะรำคาญเรา เวลาที่เราพูดแล้วเค้าไม่เข้าใจนะคะ (จริงอยู่ค่ะ ฝรั่งบางคนอาจจะรำคาณ แต่เราอย่าไปสนใจค่ะ บอกเค้าไปว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของชั้นนะ เข้าใจกันบ้างสิจ๊ะ
6. ภาษาอังกฤษ สนุกจริงๆนะคะ มันทำให้สนุกกันได้อ่ะ ทุกๆ วันคือการเรียนรู้นะคะ
7. ถ้าเรียนกันตอนโต จะให้สำเนียงเป็นเหมือนคนอเมริกัน อาจจะเรียกได้ว่าหมดสิทธินะคะ แต่ใกล้ม๊ากกก ได้นะคะ สำคัญพื้นฐานจริงๆค่า
มีอะไรคอมเม้น หรือถามอะไรก้อได้นะคะ ยินดีค่าาา