ผมเพิ่งได้ไปดู เกรียนฟิคชั่นของมะเดี่ยว มาเมื่อวาน ที่ไปดูช้า เพราะจากทีเซอร์ที่ไม่น่าสนใจเอาซะเลย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปดู
และนี่คือรีวิวส่วนตัวของผมที่ผมได้สัมผัสกับภาพยนตร์ของมะเดี่ยว เรื่องนี้ครับ.."เกรียนฟิคชั่น"
เราไม่ควรเป็นแผลเป็นของชีวิตให้กับใคร…
เกรียนฟิคชั่น ในรอบแรกที่ได้ดู 2 ชั่วโมงครึ่งที่นั่งในโรงบอกตรงๆว่า เข้าไปดูอย่างไม่คาดหวัง นั่นเพราะทีเซอร์ที่ปล่อยมา มันคือหนังเกรียนดีๆ แต่ เมื่อสัมผัสกับจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ ไม่ช้าถึงได้พบว่า หนังเรื่องนี้ “ดีกว่าทีเซอร์”ที่ปล่อยออกมา เป็นร้อยเท่า เกรียนฟิคชั่นบอกถึงการเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่อยู่บน Timeline ม.4 - ม.6 หนังว่าด้วยสองประเด็นหลักๆ.. ซึ่งนั้นก็คือ “การมีแผลเป็นในใจ” กับ “Coming Of Age” หนังได้แยกออกเป็นสองช่วงอย่างชัดเจน แต่ผสมและกลมกลืนกัน
โดยส่วนตัวผมชอบการบอกเล่าเรื่องราวในประเด็นแรก “การมีแผลเป็นในใจ” เพราะการมีบาดแผลที่อยู่ในใจมักจะทำให้ใครคนนั้น เจ็บปวดกับเรื่องที่ต้องพบเจอ และไม่กล้าที่จะทำมันอีก แต่บาดแผลนั้นได้กลับกลายเป็น “แผลเป็น” ที่มิอาจลบเลือนได้..เท่ากับว่า คนๆนั้นได้ดำดิ่งลงอยู่ในความสิ้นหวัง… และต้องการแค่ใครสักคนช่วยให้หลุดพ้นความสิ้นหวังนั้น หนังเล่าในส่วนนี้โดยมีเบื้องหลังเป็นละครเวที และการทำหนังสั้น..
--และนี่คือช่วงตอนต้นของหนัง—
เป็นช่วงที่ผมเองก็เคยมีบาดแผลในใจเช่นเดียวกัน ย่อมสามารถรับรู้ได้ดี..และเชื่อว่า หลายคนก็คงมีบาดแผลในใจเช่นเดียวกัน
และเมื่อประเด็นในช่วงที่สองเริ่มต้นขึ้น .. “Coming Of Age” คือการที่ตัวละครหลักของเรื่องหนีออกจากบ้าน จากเชียงใหม่สู่พัทยา..ผมเชื่อว่า เป็นช่วงที่ใครหลายคนคนเบื่อในช่วงนี้ แต่สำหรับผมแล้ว มะเดี่ยว ได้ถ่ายทอดออกเรื่องราวและประเด็นหลักมา ได้ดีทีเดียว และในประเด็นช่วงที่สองนี้เองก็ได้แฝงอีกหลายๆประเด็นไปด้วย ทำให้หนัง “เกรียนฟิคชั่น” เรื่องนี้ ห่างไกลและดีกว่าคำว่าหนังวัยรุ่นดาษดื่นมากนัก แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆก็คือ หนังวัยรุ่น เรื่องอื่นๆก็คงไม่เทียบเท่าเรื่องนี้.. การที่ใครสักคน ได้พบกับความจริงของชีวิต และยอมรับมันได้ในช่วงเวลาอันแสนสั้น..เป็นที่เล็กน้อย แต่กลับยิ่งใหญ่ในตัว
จริงๆแล้วผมชอบหนังของมะเดี่ยว ในแง่ของบท และการตีความเชิงสัญลักษณ์มากกว่า ซึ่งหลายๆเรื่อง มะเดี่ยวมักจะใส่เข้ามามายมาย แต่สำหรับเรื่องนี้มันมีน้อยนะ..แต่เพราะเค้าคงอยากทำออกมาให้ดูง่ายกว่าเดิม ไม่ยากเกินไป..
สำหรับเรื่องนี้ ถ้าเต็มสิบ ผมให้ 10 ในแง่ของเนื้อหาและประเด็น
และก็ให้เกรด B+ ครับ เพราะหนังของมะเดี่ยวที่ ได้ Aไปแล้วและไม่มีเรื่องไหนของเค้า ทำลายได้ก็ "รักแห่งสยาม"ครับ
เกรียนฟิคชั่น.. กับบาดแผลในชีวิต
และนี่คือรีวิวส่วนตัวของผมที่ผมได้สัมผัสกับภาพยนตร์ของมะเดี่ยว เรื่องนี้ครับ.."เกรียนฟิคชั่น"
เราไม่ควรเป็นแผลเป็นของชีวิตให้กับใคร…
เกรียนฟิคชั่น ในรอบแรกที่ได้ดู 2 ชั่วโมงครึ่งที่นั่งในโรงบอกตรงๆว่า เข้าไปดูอย่างไม่คาดหวัง นั่นเพราะทีเซอร์ที่ปล่อยมา มันคือหนังเกรียนดีๆ แต่ เมื่อสัมผัสกับจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ ไม่ช้าถึงได้พบว่า หนังเรื่องนี้ “ดีกว่าทีเซอร์”ที่ปล่อยออกมา เป็นร้อยเท่า เกรียนฟิคชั่นบอกถึงการเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่อยู่บน Timeline ม.4 - ม.6 หนังว่าด้วยสองประเด็นหลักๆ.. ซึ่งนั้นก็คือ “การมีแผลเป็นในใจ” กับ “Coming Of Age” หนังได้แยกออกเป็นสองช่วงอย่างชัดเจน แต่ผสมและกลมกลืนกัน
โดยส่วนตัวผมชอบการบอกเล่าเรื่องราวในประเด็นแรก “การมีแผลเป็นในใจ” เพราะการมีบาดแผลที่อยู่ในใจมักจะทำให้ใครคนนั้น เจ็บปวดกับเรื่องที่ต้องพบเจอ และไม่กล้าที่จะทำมันอีก แต่บาดแผลนั้นได้กลับกลายเป็น “แผลเป็น” ที่มิอาจลบเลือนได้..เท่ากับว่า คนๆนั้นได้ดำดิ่งลงอยู่ในความสิ้นหวัง… และต้องการแค่ใครสักคนช่วยให้หลุดพ้นความสิ้นหวังนั้น หนังเล่าในส่วนนี้โดยมีเบื้องหลังเป็นละครเวที และการทำหนังสั้น..
--และนี่คือช่วงตอนต้นของหนัง—
เป็นช่วงที่ผมเองก็เคยมีบาดแผลในใจเช่นเดียวกัน ย่อมสามารถรับรู้ได้ดี..และเชื่อว่า หลายคนก็คงมีบาดแผลในใจเช่นเดียวกัน
และเมื่อประเด็นในช่วงที่สองเริ่มต้นขึ้น .. “Coming Of Age” คือการที่ตัวละครหลักของเรื่องหนีออกจากบ้าน จากเชียงใหม่สู่พัทยา..ผมเชื่อว่า เป็นช่วงที่ใครหลายคนคนเบื่อในช่วงนี้ แต่สำหรับผมแล้ว มะเดี่ยว ได้ถ่ายทอดออกเรื่องราวและประเด็นหลักมา ได้ดีทีเดียว และในประเด็นช่วงที่สองนี้เองก็ได้แฝงอีกหลายๆประเด็นไปด้วย ทำให้หนัง “เกรียนฟิคชั่น” เรื่องนี้ ห่างไกลและดีกว่าคำว่าหนังวัยรุ่นดาษดื่นมากนัก แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆก็คือ หนังวัยรุ่น เรื่องอื่นๆก็คงไม่เทียบเท่าเรื่องนี้.. การที่ใครสักคน ได้พบกับความจริงของชีวิต และยอมรับมันได้ในช่วงเวลาอันแสนสั้น..เป็นที่เล็กน้อย แต่กลับยิ่งใหญ่ในตัว
จริงๆแล้วผมชอบหนังของมะเดี่ยว ในแง่ของบท และการตีความเชิงสัญลักษณ์มากกว่า ซึ่งหลายๆเรื่อง มะเดี่ยวมักจะใส่เข้ามามายมาย แต่สำหรับเรื่องนี้มันมีน้อยนะ..แต่เพราะเค้าคงอยากทำออกมาให้ดูง่ายกว่าเดิม ไม่ยากเกินไป..
สำหรับเรื่องนี้ ถ้าเต็มสิบ ผมให้ 10 ในแง่ของเนื้อหาและประเด็น
และก็ให้เกรด B+ ครับ เพราะหนังของมะเดี่ยวที่ ได้ Aไปแล้วและไม่มีเรื่องไหนของเค้า ทำลายได้ก็ "รักแห่งสยาม"ครับ