เมื่อวานไปดูหนังเรื่องเกรียนฟิคชั่นมาครับ จริงๆเป็นเรื่องที่อยากดูอยู่แล้วแหละเพราะชอบหนังของมะเดี่ยวมาตั้งแต่ 13, รักแห่งสยาม, Home
แต่เรื่องนี้ตอนดูตัวอย่างก็รู้สึกว่าพี่แกมาแนวแปลก พูดเรื่องวัยรุ่นเกรียน แต่ยังไงก็จะไปดูอยู่ดี เป็นพวกรักฝังใจน่ะครับ
เกรียนฟิคชั่นเป็นหนังแนว coming of age หรือแนวข้ามพ้นวัย อีกเรื่องนึง ถ้านึกไม่ออก ก็นึงถึงแฟนฉัน กับรักแห่งสยาม จะชัดสุด หรือหนังฝรั่งก็อย่าง Dead poet society, Som of Rambo ประมาณนั้น ซึ่งจริงๆหนังแนวนี้ผมว่าดูง่ายอยู่แล้ว จะไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อน เป็นหนังที่ค่อนข้างถูกจริตผมด้วย ดูหนังแนวนี้ทีไรมันให้ความรู้สึกโลกสวย อิ่มๆตื้นตันบอกไม่ถูก
นอกจากนั้นก็มีการใส่ความเป็น road movie ลงมานิดหน่อยพอให้ได้อารมณ์ตอนช่วงท้าย หนังแนว road movie ก็เช่น เราสองสามคน ชัมบาลา หรือ Little miss sunshine
ในเรื่องจะพูดถึงกลุ่มเพื่อนซี้ ตี๋ โมน โอ๊ต ม่อน timeline ของหนังใช้ช่วงเวลา ม.4-ม.6 ผ่านการเข้าชมรมละครเวที ชมรมภาพยนตร์ และเกิดเรื่องราวต่างๆขึ้น ที่เป็นจุดพลิกผัน ซึ่งช่วงม.ปลาย ก็น่าจะเป็นช่วงที่เกรียนที่สุดของวัยรุ่นแล้วแหละ ถ้าใครจำได้ คงนึกวีรกรรมเกรียนๆของตัวเองออกหลายเรื่องอยู่
ม.4 เป็นการเริ่มต้นการค้นหาอะไรใหม่ๆ 4 หนุ่มเข้าชมรมละครเวที เพราะนางเอกสวยใสของเรื่อง พลอยดาว แต่"แผลเป็น" ก็ดันเกิดขึ้นช่วงนี้ไม่ว่าตี๋จะควรหรือไม่ควรเป็นแผลเป็นในใจใครรึเปล่า แต่มันก็เป็นไปแล้ว
ม.5 ความสำเร็จเริ่มออกดอกออกผล กับอีกคนที่จมดิ่งลง 4 หนุ่มย้ายมาอยู่ชมรมภาพยนตร์ สร้างความสำเร็จด้วยการชนะการประกวดหนังสั้น
ส่วนนางเอกน้องพลอยดาวของเรา ยังไม่สามารถลบรอยแผลเป็นในใจได้และดำดิ่งสู่ความสิ้นหวัง
ม.6 การออกเดินทางเพื่อหาจุดจบและการแก้ไข น่าจะเป็นช่วงที่มีจุดเปลี่ยนมากที่สุดและเป็นช่วงแบ่งหนังครึ่งแรกและครึ่งหลังออกจากกัน
ในตัวอย่างหนังที่ตัดมา เราจะเห็นแค่เรื่อง เกรียนๆต่างๆที่เอามาเรียงต่อๆกัน แต่พอเข้าไปดูแล้วจะบอกว่า หนังจริงๆกับตัวอย่างนี่มันคนละเรื่องกันเลย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นจุดอ่อนของมะเดี่ยวหรือเป็นความตั้งใจกันแน่ เห็นได้จากรักแห่งสยาม ที่ตัวอย่างหนังก็ทำเอาคนที่ตั้งใจเข้าไปดูหนังรักใสๆวัยรุ่นชายหญิงหงายเงิบไปเลย
สำหรับเกรียนฟิคชั่น นอกจากเรื่องเกรียนๆของ4ตัวหลัก ที่มีมาเรื่อยๆแล้ว หนังยังลงไปแตะประเด็นครอบครัวที่แตกแยก (spoil) การมีลูกเมื่อไม่พร้อม ประเด็นหนักๆอย่างเด็กใจแตกที่กลายมาเป็นเด็กเต้นในบาร์เกย์พัทยา (สำหรับคนที่กลัวเกย์ในหนังมะเดี่ยว นี่เป็นสิ่งเดียวที่มีพวามเป็นเกย์ในหนัง)
แม้จะแตะประเด็นหนักๆเหล่านี้ แต่เหมือนไม่ได้ขยี้ให้ละเอียดแบบเอาให้ตายกันไปข้างนึงเหมือนเรื่องครอบครัวแตกแยกในรักแห่งสยาม
การที่แตะประเด็นหนักๆแบบผิวๆนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือทำให้เรารู้สึกว่าการตัดสินใจของตัวละครบางตัวขาดเหตุผลรองรับ
และในส่วนของความสัมพันธ์ของตัวละครบางคู่ ที่ควรจะลึกซึ้งกว่านี้ก็ดูบางเบาลงไป จนอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของบทลดลง
แต่สำหรับข้อดี โดยภาพรวม เลยทำให้เกรียนฟิคชั่นเป็นหนังของมะเดี่ยวที่ดูง่ายกว่าเรื่องก่อนๆ ไม่ต้องมานั่งตีความสัญลักษณ์อะไรกันวุ่นวาย แต่ยังคงมีลายเซนต์ของมะเดี่ยวอยู่เต็มไปหมด ทั้งเพลงประกอบเพราะๆแปลกหู ดาราเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดี(พี่แกหามาเก่งนะเด็กๆน่าร้ากทั้งนั้น555) บทที่เฉียบคมไหลลื่น (มีจุดหักมุมเบาๆแต่ก็มีบางช่วงที่บทขาดเหตุผลไปบ้าง) location สวย สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องยังคงเป็นจุดเด่นของมะเดี่ยว คือการกำกับแอคติ้ง จนเราเชื่อว่าคนแสดงเป็นตัวละครนั้นๆจริงๆ เพราะมันเป็นธรรมชาติมาก
ให้คะแนน 7/10 ครับ รักแห่งสยาม 9.5/10 Home 8/10 ไปดูเถอะครับเรื่องนี้หนังดี ดูสนุก ได้ข้อคิดและทำให้เข้าใจความเกรียนมากขึ้น
ช่วยแบ่งรายได้มหาศาลจากพี่มากมาหน่อย
"เกรียนฟิคชั่น เกรียนกำลังดี"(มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญบ้างไม่สำคัญบ้างหลายส่วน)
แต่เรื่องนี้ตอนดูตัวอย่างก็รู้สึกว่าพี่แกมาแนวแปลก พูดเรื่องวัยรุ่นเกรียน แต่ยังไงก็จะไปดูอยู่ดี เป็นพวกรักฝังใจน่ะครับ
เกรียนฟิคชั่นเป็นหนังแนว coming of age หรือแนวข้ามพ้นวัย อีกเรื่องนึง ถ้านึกไม่ออก ก็นึงถึงแฟนฉัน กับรักแห่งสยาม จะชัดสุด หรือหนังฝรั่งก็อย่าง Dead poet society, Som of Rambo ประมาณนั้น ซึ่งจริงๆหนังแนวนี้ผมว่าดูง่ายอยู่แล้ว จะไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อน เป็นหนังที่ค่อนข้างถูกจริตผมด้วย ดูหนังแนวนี้ทีไรมันให้ความรู้สึกโลกสวย อิ่มๆตื้นตันบอกไม่ถูก
นอกจากนั้นก็มีการใส่ความเป็น road movie ลงมานิดหน่อยพอให้ได้อารมณ์ตอนช่วงท้าย หนังแนว road movie ก็เช่น เราสองสามคน ชัมบาลา หรือ Little miss sunshine
ในเรื่องจะพูดถึงกลุ่มเพื่อนซี้ ตี๋ โมน โอ๊ต ม่อน timeline ของหนังใช้ช่วงเวลา ม.4-ม.6 ผ่านการเข้าชมรมละครเวที ชมรมภาพยนตร์ และเกิดเรื่องราวต่างๆขึ้น ที่เป็นจุดพลิกผัน ซึ่งช่วงม.ปลาย ก็น่าจะเป็นช่วงที่เกรียนที่สุดของวัยรุ่นแล้วแหละ ถ้าใครจำได้ คงนึกวีรกรรมเกรียนๆของตัวเองออกหลายเรื่องอยู่
ม.4 เป็นการเริ่มต้นการค้นหาอะไรใหม่ๆ 4 หนุ่มเข้าชมรมละครเวที เพราะนางเอกสวยใสของเรื่อง พลอยดาว แต่"แผลเป็น" ก็ดันเกิดขึ้นช่วงนี้ไม่ว่าตี๋จะควรหรือไม่ควรเป็นแผลเป็นในใจใครรึเปล่า แต่มันก็เป็นไปแล้ว
ม.5 ความสำเร็จเริ่มออกดอกออกผล กับอีกคนที่จมดิ่งลง 4 หนุ่มย้ายมาอยู่ชมรมภาพยนตร์ สร้างความสำเร็จด้วยการชนะการประกวดหนังสั้น
ส่วนนางเอกน้องพลอยดาวของเรา ยังไม่สามารถลบรอยแผลเป็นในใจได้และดำดิ่งสู่ความสิ้นหวัง
ม.6 การออกเดินทางเพื่อหาจุดจบและการแก้ไข น่าจะเป็นช่วงที่มีจุดเปลี่ยนมากที่สุดและเป็นช่วงแบ่งหนังครึ่งแรกและครึ่งหลังออกจากกัน
ในตัวอย่างหนังที่ตัดมา เราจะเห็นแค่เรื่อง เกรียนๆต่างๆที่เอามาเรียงต่อๆกัน แต่พอเข้าไปดูแล้วจะบอกว่า หนังจริงๆกับตัวอย่างนี่มันคนละเรื่องกันเลย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นจุดอ่อนของมะเดี่ยวหรือเป็นความตั้งใจกันแน่ เห็นได้จากรักแห่งสยาม ที่ตัวอย่างหนังก็ทำเอาคนที่ตั้งใจเข้าไปดูหนังรักใสๆวัยรุ่นชายหญิงหงายเงิบไปเลย
สำหรับเกรียนฟิคชั่น นอกจากเรื่องเกรียนๆของ4ตัวหลัก ที่มีมาเรื่อยๆแล้ว หนังยังลงไปแตะประเด็นครอบครัวที่แตกแยก (spoil) การมีลูกเมื่อไม่พร้อม ประเด็นหนักๆอย่างเด็กใจแตกที่กลายมาเป็นเด็กเต้นในบาร์เกย์พัทยา (สำหรับคนที่กลัวเกย์ในหนังมะเดี่ยว นี่เป็นสิ่งเดียวที่มีพวามเป็นเกย์ในหนัง)
แม้จะแตะประเด็นหนักๆเหล่านี้ แต่เหมือนไม่ได้ขยี้ให้ละเอียดแบบเอาให้ตายกันไปข้างนึงเหมือนเรื่องครอบครัวแตกแยกในรักแห่งสยาม
การที่แตะประเด็นหนักๆแบบผิวๆนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือทำให้เรารู้สึกว่าการตัดสินใจของตัวละครบางตัวขาดเหตุผลรองรับ
และในส่วนของความสัมพันธ์ของตัวละครบางคู่ ที่ควรจะลึกซึ้งกว่านี้ก็ดูบางเบาลงไป จนอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของบทลดลง
แต่สำหรับข้อดี โดยภาพรวม เลยทำให้เกรียนฟิคชั่นเป็นหนังของมะเดี่ยวที่ดูง่ายกว่าเรื่องก่อนๆ ไม่ต้องมานั่งตีความสัญลักษณ์อะไรกันวุ่นวาย แต่ยังคงมีลายเซนต์ของมะเดี่ยวอยู่เต็มไปหมด ทั้งเพลงประกอบเพราะๆแปลกหู ดาราเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดี(พี่แกหามาเก่งนะเด็กๆน่าร้ากทั้งนั้น555) บทที่เฉียบคมไหลลื่น (มีจุดหักมุมเบาๆแต่ก็มีบางช่วงที่บทขาดเหตุผลไปบ้าง) location สวย สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องยังคงเป็นจุดเด่นของมะเดี่ยว คือการกำกับแอคติ้ง จนเราเชื่อว่าคนแสดงเป็นตัวละครนั้นๆจริงๆ เพราะมันเป็นธรรมชาติมาก
ให้คะแนน 7/10 ครับ รักแห่งสยาม 9.5/10 Home 8/10 ไปดูเถอะครับเรื่องนี้หนังดี ดูสนุก ได้ข้อคิดและทำให้เข้าใจความเกรียนมากขึ้น
ช่วยแบ่งรายได้มหาศาลจากพี่มากมาหน่อย