สู้คดีในศาลโลก : ฝีมือข้าราชการประจำ โดย วสิษฐ เดชกุญชร ...มติชนออนไลน์

(ที่มา:มติชนรายวัน 23 เมษายน 2556)



ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลกอย่างเอาใจจดใจจ่อ
แต่อาจจะด้วยเหตุผลที่ต่างกับผู้อื่น ถ้าจะว่ากันในแง่ประวัติศาสตร์ ผมไม่รู้สึกผูกพันอะไรนัก
กับตัวปราสาท เพราะรู้และเห็นอยู่ชัดๆ ว่าขอมเป็นผู้สร้าง แต่ถ้าจะดูทางภูมิศาสตร์และการเมือง
ซึ่งกำหนดโดยสันปันน้ำก็จะเห็นชัดๆ เหมือนกันว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตประเทศไทย
แต่เมื่อรัฐบาลในสมัยนั้นไปยอมรับ และปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี พ.ศ.2505 ว่า
ปราสาทเป็นของเขมร ผมก็เห็นว่าเรา ไม่มีทางเลือก แต่การที่เขมรจะมาตู่เอาตอนนี้ว่า ดินแดน
ที่อยู่นอกและรอบปราสาทเป็นของเขมรด้วย ผมก็เห็นว่ายอมไม่ได้ ไม่ว่าดินแดนจะกว้างหรือแคบ
เพียงใด

ผมดูการถ่ายทอดการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารตั้งแต่ต้นจนถึงคืนสุดท้าย
(วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน) เมื่อคณะทนายความไทยแถลงปิดสำนวนด้วยวาจา แต่ไม่ได้ดูทางสถานี
วิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย หากไปดูจากการถ่ายทอดโดยอินเตอร์เน็ตของศาลโลก จึงไม่ได้ฟัง
คำแปลภาษาไทย ได้ฟังแต่คำแปลภาษาอังกฤษ เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าท่านเอกอัครราชทูตวีรชัย
พลาศรัย ท่านไม่ได้เก่งแต่ภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น ภาษาอังกฤษของท่านก็ยอดเยี่ยม ท่านใช้ประโยค
และศัพท์ที่กะทัดรัดและเข้าใจง่าย และหลายประโยคคงจะแทงใจและถูกใจคนฟัง ทั้งที่เข้าข้าง
เขมร และที่เข้าข้างไทยอย่างแน่นอน หาไม่แล้วนายฮอ นำฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงต่างประเทศของเขมร คงไม่ผลุนผลันออกจากศาลไปก่อนที่การพิจารณาจะยุติ

พูดถึงรัฐมนตรี ผมออกจะเห็นพ้องกับหลายคนที่วิพากษ์การที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
ของไทยแห่กันไปนั่งในศาลเหมือนไปทอดกฐิน (โดยใช้เงินหลวง) ที่เห็นพ้องก็เพราะผมไม่
เห็นรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนไหนมีส่วนอย่างไรในการแถลงของคณะทนายความ เรื่อง
การเตรียมการนั้นผมรู้อยู่แล้วว่า นอกจากจะไม่มีรัฐมนตรีคนไหนช่วยแล้ว นายสุรพงษ์
โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังพูดเป็นเชิง
สบประมาทเสียด้วยว่า คณะทนายความเป็นคณะที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ตั้งไว้แต่เดิม เพราะ
ฉะนั้นถ้าแพ้ความ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

การเตรียมการสู้คดีนี้ ผมว่าเราต้องชมเชยและขอบคุณคณะทนายความทั้งไทยและฝรั่ง
โดยเฉพาะท่านเอกอัครราชทูตวีรชัย ที่อุตส่าห์ใช้เวลาถึง 3 ปีในการเตรียมการ และเมื่อ
ฟังคำแถลงของทุกคนแล้ว ผมก็เห็นว่าความอุตสาหะของท่านทูตวีรชัยและคณะไม่เสียเปล่า

ในที่สุดศาลจะตัดสินอย่างใดก็ตาม ท่านทูตวีรชัยและคณะก็ได้ทำหน้าที่ของท่านแล้วอย่าง
สมบูรณ์หาที่ติมิได้

เกี่ยวกับการสู้คดีนี้ ผมไม่อยากจะวิพากษ์หรือด่ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ
(พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริง เพราะอย่างน้อยรัฐบาลก็แสดงให้เห็นว่า
ยอมรับความสามารถของ ท่านทูตวีรชัย และคณะ จนถึงกับยอมตั้งให้ท่านทูตวีรชัยเป็น
หัวหน้าคณะ

ลองนึกดูว่าถ้ารัฐบาล (หรือ (พ.ต.ท.)ทักษิณ) รังเกียจท่านทูตวีรชัยกับคณะว่าเป็นคณะเดิมที่
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ตั้งไว้ แล้วดันเอานายสุรพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะ ใช้เจ้าหน้าที่ชุดใหม่ และจ้างทนายความใหม่ทั้งหมด
ป่านนี้คนไทยจะมิต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัวกันทั้งประเทศแล้วหรือ?

เรื่องนี้ควรจะเป็นอุทาหรณ์สอนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และ (พ.ต.ท.)ทักษิณรู้ว่า ข้าราชการประจำเป็น
ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในการบริหารงานบ้านเมือง นักการเมืองไม่ว่าใครก็ตามมานั่งเก้าอี้ ตัวโตๆ
ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ข้าราชการประจำต่างหากที่รับหน้าที่
บริหารราชการที่แท้จริง และทำต่อเนื่องไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล

ถ้ายอมรับฝีมือและความสามารถของข้าราชการประจำ และสนับสนุนเขาให้ได้แสดงฝีมือและความ
สามารถจริงๆ นอกจากประเทศชาติบ้านเมืองจะได้ประโยชน์แล้ว รัฐบาลเองก็จะได้รับความชมเชย
และเป็นที่เชื่อถือด้วย

แต่ถ้ารังแกข้าราชการประจำ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ทหาร หรือตำรวจ ด้วยการทำลายระบบ คุณธรรม
กีดกันคนดี แล้วเอาแต่หลับหูหลับตาตั้งคนของตัวและปูนบำเหน็จให้ได้ตำแหน่งดีๆ สูงๆ โดยไม่คำนึง
ถึงความรู้ความสามารถ ลงท้ายบ้านเมืองก็จะไปไม่รอด และตัวเองก็จะถูกสาปแช่งด้วย

วันนี้ขอสีซอให้ควายฟังอีกเพลงหนึ่งนะครับ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366717246&grpid=&catid=02&subcatid=0207

ในฐานะที่เป็นแฟน "โก้ บางกอก" สมัยสยามรัฐรายวัน  และติดตามมาจนถึง   ชุดสารวัตรเถื่อน
ขอวิจารณ์  ตามประสา "แก่กะโหลกกะลา" หน่อยเถอะ .....

1. งานกระทรวงต่างประเทศ ข้าราชการประจำต้องเป็นตัวจักรสำคัญในการทำงานอยู่าแล้ว
    วันที่คุณนพดล ปัทมะ  เป็นรมด.  และถูกกล่าวหาว่าขายชาติ ...  ข้าราชการประจำ
    ทั้งกระทรวง  จะยอมหรือ ...
2. หากรมต.  รองนายกฯ ไม่ไปร่วมในงานนี้เลย  ก็ต้องถูกฝ่ายตรงข้ามหาว่า  ไม่สนใจ
   ไม่ดูดำดูดี  งานใหญ่ระดับนี้ ...เชื่อไหม  ต้องโดนแหงๆ
   เปลี่ยนคณะทำงาน  ก็ต้องโดน ...ไม่เปลี่ยน  ถ้าแพ้  เพื่อไทย บอกปชป.ก็ต้องรับผิดชอบด้วย
   เมื่อชนะ  ปชป. ได้เครดิตด้วยไหม ?   เพื่อไทยบอกตลอดมิใช่หรือ
3. วสิษฐ  เดชกุญชร  ก็เป็นตำรวจ  ไม่นึกถึงคดีโรงพัก..บ้างหรือ  หากข้าราชการ  ไปเป็นทาส
    นักการเมือง ....บ้านเมืองจะเหลืออะไร
    นักการเมือง มีวาระแค่ 4  ปี  จะทำอะไร  เดี๋ยว ก็ไปแล้ว  อายุการทำงานของข้าราชการ    
    เกษียณเมื่ออายุ 60 ปี ใครจะแสวงหาผลประโยชน์  ได้มากกว่ากัน

ไม่เคยเปรียบใครเป็นควาย  แต่วันนี้ มาตอบแทนคนที่ถูกหาว่าเป็นควาย ...
มีอีกหลายประเด็นที่จะสามารถโต้ตอบได้ ...เวันให้เพื่อนๆ มาเติมกันหน่อย
เหนื่อยใจนะกับวสิษฐ  เดชกุญชร   เขียนอะไรออกมา   ก็เต็มไปด้วยอคติ...
กิเลสมันบังตาไปหมด ...เชิญแฟนๆ มาสวรรเสริญกันได้ ...
สาวเหลือน้อย  ...ได้สมญานาม "แก่กะโหลกกะลา" นี้  มาจากคุณ ..แก้มป่อง
ก็เพราะวิจารณ์  คอลัมน์นี้ด้วย  เหมือนกัน .. ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่